มินิพรีวิวบทความนี้จะพาไปดูข้อมูลโครงการ The Cube Station รามอินทรา 109 ซึ่งเป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร จาก บริษัท คิวบ์ เรียล พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ตั้งอยู่ติดถนนพระยาสุเรนทร์ (ซ.รามอินทรา 109) ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีบางชัน (โครงการในอนาคต) ประมาณ 300 เมตร ครับ

The Cube Station Ramintra 109 มีห้องพักอาศัยทั้งหมด ห้องพักอาศัย 406 ยูนิต เน้นเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ทั้งหมดครับ แต่มีให้เลือกถึง 7 แบบด้วยกัน ขนาดตั้งแต่ 24-38.5 ตร.ม. และยังให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished มาอีกด้วย ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีให้เหมือนกับโครงการทั่วไป ลองอ่านข้อมูลคร่าวๆ กันดูครับ 

The Cube Station Ramintra 109

(เดอะ คิวบ์ สเตชั่น รามอินทรา 109)

• เจ้าของโครงการ >> บริษัท คิวบ์ เรียล พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด
• ที่ตั้งโครงการ >>> ถนนพระยาสุเรนทร์ (ซอยรามอินทรา 109 )
• ขนาดที่ดิน >>> 3-2-50 ไร่
• จำนวนชั้นและจำนวนอาคาร >>> อาคารชุดพักอาศัย สูง 8 ชั้น 2 อาคาร
• ประเภทห้องและขนาดห้อง >>>
  • 1 ห้องนอน 24 – 38.50 ตารางเมตร
• จำนวนยูนิต >>> ห้องพักอาศัย 406 ยูนิต (อาคาร A – 176 ยูนิต, อาคาร B – 230 ยูนิต)
• ที่จอดรถ >>> ประมาณ 150 คัน หรือ 40% (รวมจอดซ้อนคัน)
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>>  1.49 ล้านบาท (ณ วันที่ 18 ก.ย. 62)
• พิกัด GPS >>> 13.815294, 100.699041
• เว็บไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• เบอร์ติดต่อ >>> 1246

LOCATION

เดอะคิวบ์ สเตชั่น รามอินทรา 109  ตั้งอยู่ในโซนรามอินทรา (กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก) มีทางเข้าอยู่ติดกับถนนพระยาสุเรนทร์  หรือ ซอยรามอินทรา 109  ซึ่งห่างจากถนนรามอินทราไปประมาณ 250 เมตร บริเวณถนนรามอินทราจะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี สถานีที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดจะเป็นสถานีบางชัน ห่างไปประมาณ  300 เมตร ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างครับ

บนเส้นถนนรามอินทรา มีแหล่งอำนวยความสะดวกอย่าง Fashion Island  และ The Promenade เป็นห้างขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้โครงการที่สุด นอกจากนี้ก็ยังมี Tesco Lotus, Makro และ รพ.นพรัตน์ อยู่ไม่ไกลอีกด้วยครับ

FACILITIES

Facilities ของคอนโด The Cube Station รามอินทรา 109 จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 20×5.5 เมตร เป็นสระกลางแจ้ง แยกสระเด็กกับสระผู้ใหญ่ ส่วนในอาคารจะมีห้องฟิตเนสและห้องสมุดอยู่บริเวณเดียวกัน รวมไปถึงห้องเซาว์น่า (แยกชาย/หญิง) ในห้องน้ำด้วยนะครับ  โดยส่วนกลางทั้งหมดจะอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร B ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ในสุดครับ

MASTER PLAN

คอนโด  The Cube Station รามอินทรา 109 ประกอบไปด้วยอาคารสูง 8 ชั้น 2 อาคาร ได้แก่ อาคาร A และ B เรียงยาวไปตามรูปที่ดิน ที่ชั้น 1 เป็นพื้นที่จอดรถเกือบทั้งหมด จะมีแค่ด้านหลังสุดของอาคาร B ที่จะทำเป็นห้องพักอาศัย มีด้วยกันทั้งหมด 4 ยูนิตครับ

สำหรับอาคาร A จะวางแปลนเป็นรูปตัว l อยู่ใกล้กับทางเข้าออกโครงการ ส่วนอาคาร B จะเป็นรูปตัว L เรียงถัดเข้าไป   ห้องพักอาศัยส่วนใหญ่จะหันไปทิศเหนือ-ใต้  มีลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัว ครับ

ROOM PLAN

สำหรับแปลนห้องของคอนโด เดอะ คิวบ์ รามอินทรา 109 เป็นแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมดเลยครับ มีขนาดตั้งแต่ 24-38 ตร.ม. ซึ่งที่มีมากที่สุดในโครงการ จะเป็นห้อง Type A ขนาด 24 ตร.ม. และ Type B ขนาด 26.50 ตร.ม. ครับ

แปลนห้องโดยรวม จะมีแบบที่ได้ห้องนอนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ได้ครัวเปิด กับแบบที่กันห้องนอนแยกเป็นสัดเป็นส่วนไปเลย ได้ครัวปิดครับ

• แบบ 1 ห้องนอน Type A ขนาด 24 ตารางเมตร จำนวน 138 ยูนิต
• แบบ 1 ห้องนอน Type B ขนาด 26.5 ตารางเมตร จำนวน 179 ยูนิต
• แบบ 1 ห้องนอน Type B-1 ขนาด 29 ตารางเมตร จำนวน 14 ยูนิต
• แบบ 1 ห้องนอน Type B-2 ขนาด 32 ตารางเมตร จำนวน 1 ยูนิต
• แบบ 1 ห้องนอน Type B-3 ขนาด 38.5 ตารางเมตร จำนวน 7 ยูนิต
• แบบ 1 ห้องนอน Type C ขนาด 28 ตารางเมตร จำนวน 26 ยูนิต
• แบบ 1 ห้องนอน Type D ขนาด 34 ตารางเมตร จำนวน 40 ยูนิต

INTERIOR

ห้องของคอนโด เดอะ คิวบ์ รามอินทรา 109 นั้น ได้มาเป็น Fully Furnished นะครับ คือจะได้เฟอร์นิเจอร์มาแบบสามารถเข้าอยู่ได้เลย เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ของ Modernform ซึ่งแต่ละขนาดห้องก็ได้เฟอร์นิเจอร์หน้าตาสีสันและการออกแบบก็ต่างกันไปครับ

ADDITIONAL INFO.

โปรโมชั่น “เดอะคิวบ์ สเตชั่น รามอินทรา 109”

• เฟอร์ฯ ครบ + ม่าน
• ฟรี เครื่องใช้ไฟฟ้า 5 รายการ
• ฟรี ทุกค่าใช้จ่ายวันโอน

ราคาเริ่ม 1.49 ล้าน*

AIS / AP Thailand / KBank โชว์พันธกิจยกระดับศักยภาพคนไทยและขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทไทย ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ผนึกพลังมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเปิด The Stanford Thailand Research Consortium การทำวิจัยระดับโลกภายใต้การดูแลของ SEAC

• ครั้งแรกของโลก ที่รวมศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 20 คนจากกว่า 9 สาขาวิชาเพื่อดำเนินการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยเจาะลึกเต็มรูปแบบ
• ครอบคลุม 4 มิติองค์ความรู้เพื่ออนาคต ได้แก่
  1. ยกระดับความสามารถคนไทยให้เท่าทันโลก
  2. นำเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาธุรกิจและเศรษฐกิจไทย
  3.  เสริมสร้างมาตรฐานคุณภาพชีวิตของคนไทยให้สูงขึ้น อย่างยั่งยืน
  4. ส่งเสริมการพัฒนาสังคมเมืองที่คิดถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
• ดำเนินการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยผ่านหลากหลายโครงการวิจัยและพัฒนาในระยะเวลา 5 ปี

ภายใต้การดูแลและสนับสนุนจาก เอสอีเอซี (SEAC) ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน

.

ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกยังส่งผลเชิงลบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากบทสรุปของ “เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม (World Economic Forum: WEF)” ประจำปี 2562 ประเมินสถานการณ์ตลาดแรงงานในอีก 4 ปีข้างหน้าว่าจะมีจำนวนงานกว่า 75 ล้านตำแหน่งหายไปและจะมีตำแหน่งงานใหม่ๆ เกิดขึ้น ถึง 113 ล้านตำแหน่ง ซึ่งนับว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้ทรัพยากรมนุษย์ปรับตัวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเฉพาะโซนพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกเป็นจำนวนมากเพราะ “คน” ในตลาดแรงงานส่วนใหญ่ยังคงทำงานในกลุ่มเกษตรกรรมและถ้าต้องการก้าวให้ทันตามกระแสเศรษฐกิจโลก กลุ่มประเทศเหล่านี้จำเป็นต้องปรับตัวจากธุรกิจเกษตรกรรมไปสู่ธุรกิจบริการหรือนำเทคโนโลยีมาเพิ่มผลผลิตและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ(Productivity) ให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ “คน” มากกว่า 28 ล้านคนใน 10 ประเทศสูญเสียตำแหน่งงานเดิมภายใน 10 ปี ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยหลายองค์กรและบริษัทชั้นนำต่างร่วมมือศึกษาและวิจัยเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาทรัพยากรคนและองค์กร รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถทางธุรกิจเพื่อแข่งขันบนเวทีโลก

มร. พอล มาร์คา ผู้บริหารระดับสูง Stanford Center for Professional Development (SCPD) มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกากล่าวว่า “มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เล็งเห็นการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก เราจึงได้เร่งคิดค้นกลวิธีเพื่อหาทางออกให้กับปัญหาดังกล่าวจนพบว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรต่างๆ ในแต่ละประเทศให้สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิสรัปชั่นได้อย่างทันท่วงที จากการเฝ้าสังเกตสถานการณ์โลกมาอย่างยาวนานทำให้เราเห็นข้อเท็จจริงที่ว่าประเทศที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วนั้น ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีการทำวิจัยอย่างเจาะลึกเป็นจำนวนหลายหมื่นวิจัยต่อปีเพื่อวิเคราะห์ถึงต้นตอของปัญหาที่องค์กรกำลังเผชิญหรือการคิดค้นและเร่งพัฒนาองค์กรสู้ “ความท้าทายใหม่” (Challenges) ที่กำลังเข้ามาจนเกิดมาเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ ประสิทธิภาพสูง พร้อมประสิทธิผลที่เป็นรูปธรรมทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและรวดเร็ว

สำหรับประเทศไทย มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดมองเห็นถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาและยกระดับศักยภาพของคนไทยรวมไปถึงขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรไทย ล่าสุดเราได้เข้ามาเริ่มดำเนินการเพื่อศึกษาระบบต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ และธรรมชาติวิทยา เป็นต้น โดยได้รับความดูแลและสนับสนุนจาก เอสอีเอซี (SEAC) ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียนเป็นเสมือนผู้แทนและศูนย์กลางในการเชื่อมต่อความสัมพันธ์กับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ในประเทศไทย

.

โดย The Stanford Thailand Research Consortium – การรวมกลุ่มทำวิจัยระดับโลกที่เจาะลึกเต็มรูปแบบแห่งแรกของประเทศไทย เกิดจากความร่วมมือครั้งสำคัญขององค์กรที่เล็งเห็นถึงโอกาสในการยกระดับศักยภาพของประเทศไทยในอนาคต ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS, บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP และ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาทร่วมสนับสนุนงานวิจัย มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยมี เอสอีเอซี (SEAC) ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียนเป็นผู้ดูแลและสนับสนุนการดำเนินการหัวข้อวิจัยที่ครอบคลุม 4 มิติองค์ความรู้เพื่ออนาคต ได้แก่

1. การยกระดับความสามารถของคนไทยให้เท่าทันโลก

2. การนำเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาธุรกิจและเศรษฐกิจไทย

3. เสริมสร้างมาตรฐานคุณภาพชีวิตของคนไทยให้สูงขึ้นอย่างยั่งยืน

4. ส่งเสริมการพัฒนาสังคมเมืองที่คิดถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน

ภายใต้โครงการวิจัยและพัฒนาหลากหลายโครงการ นับได้ว่าเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์โลกและประเทศไทยที่ได้ร่วมมือกับศาสตร์จารย์และผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดมากกว่า 20 คน จาก 9 สาขาวิชา อาทิ คณะวิศวกรรมศาสตร์, คณะวิศวกรโยธาและสิ่งแวดล้อม, คณะบริหารวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์, คณะวิศวกรรมชีวเวช, คณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, คณะบริหารธรุกิจ, คณะภูมิศาสตร์ พลังงานและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม, คณะแพทยศาสตร์ และคณะจิตวิทยา ในการดำเนินการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยเจาะลึกอย่างเต็มรูปแบบต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี เมื่อสำเร็จโครงการแล้วจะนำข้อสรุปและผลสำเร็จของงานวิจัยมาต่อยอดในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานของประเทศไทยเพื่อนำ “คุณค่า” กลับคืนสู่ประเทศไทยในบริบทใหม่ฟื้นฟูและผลักดันศักยภาพทรัพยากร “มนุษย์” เรื่ององค์ความรู้และต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ เพื่อก้าวข้ามขีดความสามารถครั้งสำคัญขององค์กรไทยสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 อย่างเต็มภาคภูมิและพร้อมเข้าสู่การแข่งขันเชิงธุรกิจที่จะนำไปสู่การขยายศักยภาพและการเติบโตขององค์กรบนเวทีเศรษฐกิจระดับโลกในมุมมองของการเลือกหัวข้อวิจัยนั้น ทั้ง 3 บริษัทมีความมุ่งหวังตรงกันในเรื่องการพัฒนาและยกระดับประเทศไทยในหลากหลายแง่มุม โดยในเบื้องต้นทาง AIS มุ่งเน้นไปที่เรื่องการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ  AP ในมุมเรื่องการพัฒนาขีดความสามารถของคนและการศึกษา และ KBank เป็นในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน และหัวข้ออื่นๆ อีกมากมาย

.

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “วันนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับ เอพี ไทยแลนด์ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนเพื่อยกระดับศักยภาพประเทศไทยกับการก่อตั้ง “The Stanford Thailand Research Consortium” ซึ่งเป็นการทำวิจัยระดับโลกครั้งแรกของไทย ในการนำความรู้ ความสามารถ ตลอดจนทรัพยากรต่างๆ ที่มีมาช่วยพัฒนาศักยภาพประเทศไทยของเราในหลากหลายมิติ  ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้นมากมาย ‘คุณภาพของคน’ คือ ประเด็นสำคัญที่โลกธุรกิจกำลังเผชิญอยู่ ดังนั้นประเด็นเรื่อง การยกระดับความสามารถของคนไทยให้เท่าทันโลก นี้เองจะเป็นหัวข้อหนึ่งในงานวิจัยที่ทาง The Stanford Thailand Research Consortium จะหยิบขึ้นมาทำการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยเจาะลึกอย่างเต็มรูปแบบเพื่อสร้างการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนสำหรับประเทศของเรา ผมเชื่อมั่นว่าด้วยการจัดตั้ง The Stanford Thailand Research Consortium ในครั้งนี้ซึ่งมีความพร้อมในทุกๆ ด้านที่ได้รับการสนับสนุนอันดีจากสมาชิกในปัจจุบันและอนาคตรวมถึงองค์ความรู้ที่ประเทศไทยเราจะได้รับจากศาสตร์จารย์และผู้เชี่ยวชาญระดับโลกของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต พัฒนาศักยภาพคนไทย ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นำประเทศก้าวเดินไปสู่มาตราฐานใหม่ ให้เท่าทันกับบริบท ของโลกธุกิจ และสังคมที่เปลี่ยนไป”

นางสาวกานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในวันนี้ คำว่า Digital Disruption ไม่ใช่เพียงกระแสที่พัดเข้ามาแล้วจากไป แต่เอไอเอสเชื่อว่า สิ่งที่ท้าทายมากไปกว่าการปรับตัวให้ทันกระแสโลกยุคดิจิทัลนั่นคือ การเตรียมพร้อมให้คนไทยมีความเข้าใจ ตื่นตัว และพร้อมนำองค์ความรู้ใหม่ๆ ไปคิดค้นต่อยอดทำสิ่งใหม่ๆ โดยมีพื้นฐานจากความคิดสร้างสรรค์และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม เพื่อก่อให้เกิดเป็นนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยในวงกว้าง ซึ่งการเข้าร่วมศึกษาวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่างมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและ SEAC ในครั้งนี้ จึงถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยยกระดับองค์ความรู้ของคนไทยได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตลอดจนช่วยยกระดับสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวต่อไป”

.

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารกสิกรไทยมีความมุ่งมั่นในการช่วยแก้ไขปัญหาและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยโดยเน้นสร้างความร่วมมือกับภาครัฐและประชาสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการรักษ์ป่าน่านโดยร่วมขับเคลื่อนโครงการ Nan Sandbox เพื่อปฏิรูปและหาวิธีแก้ปัญหารากฐานของความถดถอยของทรัพยากรธรรมชาติของประเทศอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเป็นการพัฒนาเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหากับจังหวัดอื่นๆ ในอนาคต สำหรับโครงการ The Stanford Thailand Research Consortium ครั้งนี้ จะเป็นการทำวิจัยเพื่อยกระดับการแก้ปัญหาของประเทศไทยให้เป็นที่ตระหนักและเข้าใจมากขึ้น และด้วย DNA ของ Stanford ที่มีความแข็งแกร่งในเรื่องการพัฒนาผู้นำให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้าง DNA ให้กับทีมงานและผู้นำในทุกภาคส่วน เพื่อพร้อมผลักดันให้สังคมไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนต่อไป และผลลัพธ์จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศทั้งในเรื่องของ “Do Good” และ “Do Well”

นางอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC กล่าวว่า “SEAC เป็นหนึ่งในองค์กรที่มุ่งมั่นให้คนไทยสร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้อันนำมาซึ่งโอกาสและทักษะชีวิตใหม่ๆ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถใช้ต่อกรกับความเปลี่ยนแปลงของโลกท่ามกลางกระแสดิสรัปชั่นได้สำหรับ The Stanford Thailand Research Consortium – การรวมกลุ่มทำวิจัยระดับโลกที่เจาะลึกเต็มรูปแบบแห่งแรกของประเทศไทยนั้น SEAC ภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและช่วยเหลือการดูแลหัวข้อวิจัยในทุกๆ ด้านตลอดระยะเวลา 5 ปี เราจึงเป็นเหมือนสะพานเชื่อมสำคัญระหว่าง 3 องค์กรและมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศชาติในภายภาคหน้า นอกจากนั้น SEAC ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำวิจัยโดยเฉพาะที่เป็นในระดับประเทศเช่นนี้เพราะจากข้อมูลสถิติทั่วโลกพบว่าประเทศที่ลงทุนและให้ความสำคัญเรื่องการทำวิจัยมากเท่าไหร่จะส่งผลโดยตรงต่ออัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP) สูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ SEAC จึงต้องการร่วมกับมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่างสแตนฟอร์ดทำให้ The Stanford Thailand Research Consortium เกิดขึ้นมาในประเทศไทย โดยเราอยากผลักดันการทำวิจัยทั้งในส่วนที่เป็นการพัฒนาความสามารถขององค์กรและเพิ่มศักยภาพของคนไทย และประเทศไทยในระยะยาวเพื่อสร้างให้เกิดการเติบโตอย่างก้าวไกลของประเทศอย่างยั่งยืน”

มินิพรีวิวบทความนี้พาไปดูข้อมูลคร่าวๆ ของ THE CUBE LOFT Ladprao 107 (เดอะคิวบ์ ลอฟท์ ลาดพร้าว 107) ที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพโซนลาดพร้าวตอนปลาย ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 107 เขตบางกะปิ เดินทางสะดวก ห่างจากถนนใหญ่ลาดพร้าว เพียง 180 เมตร ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว 101 (โครงการในอนาคต)

เดอะคิวบ์ ลอฟท์ ลาดพร้าว 107 เป็นคอนโด Low-Rise 8 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการขนาด 1-1-77 ไร่ ห้องพักอาศัยจำนวน 207 ยูนิต มีห้องพักให้เลือกแบบ 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 25.5-34.5 ตร.ม. ทั้งหมดขายแบบ Fully Furnished ในราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาทครับ

The Excel Hideaway Ratchada – Huaikhwang
( ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ รัชดา-ห้วยขวาง )

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท คิวบ์ เรียล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
• ที่ตั้งโครงการ >>> ถนน ลาดพร้าว 107 เขต บางกะปิ กรุงเทพฯ
• ขนาดที่ดิน >>> 1 – 1 – 77 ไร่
• จำนวนอาคาร >>> 1 อาคาร
• ความสูงอาคาร >>> 8 ชั้น
• จำนวนยูนิต >>>  207 ยูนิต
• แบบห้อง >>>
  • 1 ห้องนอน ขนาด 25.5-34.5 ตารางเมตร
  • 1 ห้องนอน พลัส ขนาด 34.5 ตารางเมตร
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 1.59 ล้านบาท*
• พิกัด GPS >>> 13.774050, 100.576840
• เว็ปไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• ติดต่อโครงการ >>> 02-029-9999

LOCATION

ทำเลที่ตั้งโครงการ The Cube Loft ลาดพร้าว 107 ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 107 เดินทางสะดวกสบาย ห่างจากถนนใหญ่ เพียง 180 เมตร  และมีรถสองแถวผ่านหน้าโครงการ นอกจากนี้ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว 101 เพียง 650 เมตร ไม่ไกลจากทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ทำให้เข้า-ออกเมืองได้ง่าย และ ภายในซอยลาดพร้าว 107 ยังสามารถลัดไปยังถนนลาดพร้าว 101 เพื่อไปออกถนนนวมินทร์ และ ถนนประเสริฐมนูกิจได้

รอบ ๆ โครงการค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกหลายแห่ง ทั้ง รพ.เวชธานี ในระยะ 350 เมตร, ม.รัตนบัณฑิต ในระยะ 950 เมตร, เดอะมอลล์ บางกะปิ, ตะวันนา และ แม็คโคร ในระยะ 1 กม.ครับ

FACILITIES

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการTHE CUBE LOFT Ladprao 107 ถือว่าครบครัน ที่ชั้นล่างจะมี Lobby, เครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ และ ตู้รับ-ส่งสินค้าอัตโนมัติ กับอีกจุดนึงคือบนชั้นดาดฟ้า มีสระว่ายน้ำระบบเกลือ, ฟิตเนส, ซาวน่า แยกชาย-หญิง, Roof Top Lounge และ Co-Working Space Free Wi-Fi  นอกตากนี้ยังมีระบบความปลอดภัย ได้แก่ ระบบ Key Card ทางเข้าอาคาร และ ในตัวลิฟต์, กล้อง CCTV ทั่วโครงการ พร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ครับ

MASTER PLAN

ผังโครงการ เดอะคิวบ์ ลอฟท์ ลาดพร้าว 107 มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้ากว้างจะอยู่ติดกับถนนซอยลาดพร้าว 107  ที่ชั้น 1 เป็นที่จอดรถทั้งหมด จอดได้ประมาณ 70 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)  มี LOBBY และโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง

ตั้งแต่ชั้น 2-8 เป็นชั้นสำหรับพักอาศัย วาง Layout คล้ายกัน เป็นลักษณะตัว U  ซึ่งห้องส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นแบบ 1 ห้องนอน 25.5 ตร.ม. ครับ

ชั้นที่ 8 จะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่าง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และ Co-Working Space ด้วย

ชั้นดาดฟ้า เป็นสวนให้ออกมานั่งเล่นพักผ่อนได้ครับ

ROOM PLAN

แปลนห้องจะมีให้เลือกอยู่ 5 แบบ แบ่งออกเป็น 1 Bedroom ขนาด  25.5-34.5 ตร.ม. และ 1 Bedroom Plus ขนาด 34.5 ตร.ม. ครับ

• 1 Bedroom Type A 25.5 ตร.ม. จำนวน 89 ยูนิต
• 1 Bedroom Type A-1 32 ตร.ม. จำนวน 7 ยูนิต
• 1 Bedroom Type B 28 ตร.ม. จำนวน 77 ยูนิต
• 1 Bedroom Type B-1 34.5 ตร.ม. จำนวน 13 ยูนิต
• 1 Bedroom Plus Type C  34.5 ตร.ม. จำนวน 21 ยูนิต

โดยรวม ห้องส่วนใหญ่จะได้เป็นครัวเปิด เหมาะกับการทำอาหารเบาๆ ยกเว้นห้องแบบ 1 Bedroom Plus ที่จะได้ห้องครัวปิด มีประตูบานเลื่อนกั้นให้ครับ

INTERIOR

THE CUBE LOFT ลาดพร้าว 107 ให้ห้องแบบ Fully Furnished ได้เคาน์เตอร์ครัว  เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน-ลอยตัว Brand STARMARK, สุขภัณฑ์ Kohler พร้อมฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย, เครื่องปรับอากาศ 1-2 ตัว, Smart Music Player และ ประตู Digital Door Lock ยี่ห้อ Samsung  ซึ่งรูปร่างหน้าตาและสีสันจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับ Type ของห้องที่เลือกครับ

จบพรีวิวสั้นๆ ของ The Cube Loft ลาดพร้าว 107 คอนโดใหม่ พร้อมส่วนกลางลอยฟ้า ในย่านลาดพร้าวตอนปลาย ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และ ม.รัตนบัณฑิต เปิดตัวมาในราคาเข้าถึงง่าย 1.59 ล้านบาท* แถมยังได้เป็นแบบ Fully Furnished ด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จ ประมาณปี 2563 ครับ

ใครที่กำลังมองหาคอนโดบนทำเลลาดพร้าว ก็สามารถเข้าไปชมห้องตัวอย่าง หรือ Add Line เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ >>> http://nav.cx/g2CL5Tp

นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พฤกษา เตรียมเปิดโครงการใหม่ “เดอะ คอนเนค ติวานนท์-แจ้งวัฒนะ” ทาวน์โฮมรูปแบบใหม่ สไตล์ Modern ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด Modish Real Living ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบความเรียบง่ายแต่มีดีไซน์เฉพาะตัว บนสุดยอดทำเลศักยภาพ ใกล้เมืองทองธานีและรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีปากเกร็ด เดินทางสู่ทุกจุดหมายเข้าเมืองได้ง่ายดาย เชื่อมต่อถนนแจ้งวัฒนะได้เพียงระยะทาง 3 กิโลเมตรเท่านั้น จัดเต็มเทคโนโลยี Pruksa Living Tech อาทิ ระบบระบายอากาศในบ้าน Fresh Air System, Sky Light ช่องรับแสงธรรมชาติ เพิ่มแสงสว่างภายในบ้านและช่วยประหยัดไฟ, ระบบ Home Automation สั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าและเปิดปิดไฟผ่าน Smart Device, IP Camera ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน

ให้มากกว่าทาวน์โฮมในระดับเดียวกัน เปิดจอง 28-29 ก.ย. นี้ พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะในวันงาน จอง 999 บาท ฟรี! ทุกค่าใช้จ่ายในวันโอน รับของแถมต่างๆ อีกมากมาย ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท

“เดอะ คอนเนค ติวานนท์-แจ้งวัฒนะ” ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ออกแบบให้ทุกตารางนิ้วกว้างขวางเพื่อรองรับความต้องการใช้งานของทุกคนอย่างแท้จริง มีแบบบ้านให้เลือก 2 แบบ คือ

1. Modish I (โมดิช วัน) ขนาดที่ดิน 17.8 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 112 ตร.ม 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ส่วนรับประทานอาหาร จอดรถ 1 คัน
2. Modish II (โมดิช ทู) ขนาดที่ดิน 20.3 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 130 ตร.ม. 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ส่วนรับประทานอาหาร จอดรถ 2 คัน เน้นความเป็นส่วนตัวสูงด้วย Master Bedroom ที่กว้างขวางเป็นพิเศษพร้อมแยกสัดส่วนห้องน้ำอย่างลงตัวเติมเต็มมุมโปรดของทุกคนในครอบครัวด้วยห้องโถงขนาดใหญ่และพื้นที่ครัวที่แยกเป็นสัดส่วน

พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยให้ตลอด 24 ชั่วโมงพร้อมกล้อง CCTV และเข้าออกโครงการด้วยระบบ Key Card Access ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ Full Facility ฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวนส่วนกลางขนาดใหญ่

โครงการตั้งอยู่ซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 25 สะดวกทุกการเดินทางผ่านถ.ติวานนท์ เชื่อมต่อเส้นทางเข้าเมืองได้หลายเส้นทาง ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู  สถานีปากเกร็ด ใกล้สถานศึกษา, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, สถานที่ราชการหรือหน่วยงานต่างๆ อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1739

หรือ pruksa.com

คุณธัญลักษณ์ นันท์ธนาวรสิริ(กลาง) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, คุณวิโรจน์ กัปปิยจรรยา(ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการพัฒนาโครงการ และคุณสุเมธ รัตนศรีกูล (ขวาสุด) กรรมการผู้จัดการธุรกิจคอนโดมิเนียม แอชตัน/ไอดีโอ คิว/เอลลิโอ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณนคร แสนยาสิริ(ซ้ายสุด) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีม คอนสตรัคชั่น แมเนจเมนท์ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านงานก่อสร้าง และ คุณสมบูรณ์ วีรปกรณ์(ที่ 2 จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เวสท์คอน จำกัด บริษัทผู้รับเหมางานก่อสร้าง เข้าตรวจความคืบหน้าการก่อสร้าง โครงการคอนโดมิเนียม ไอดีโอ โมบิ รางน้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการร่วมทุนกับพันธมิตร “มิตซุย ฟูโดชัง” เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 31 ชั้น ในซอยรางน้ำทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพียง 630 เมตร โดดเด่นด้วยการออกแบบชั้นพักอาศัยแบบ Interlock ที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องทำให้บางยูนิตมี Walk-in closet และโถงทางเดินแบบ Single Loaded Corridor เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้พักอาศัยมากขึ้น พร้อมเทคโนโลยีเพื่อผู้อยู่อาศัย Smart Solar Fresh Air System นวัตกรรมใส่ใจธรรมชาติ  สร้างพลังงานสะอาดสำหรับที่พักอาศัยที่นำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ทำระบบหมุนเวียนอากาศภายในห้องส่งผลให้อุณหภูมิภายในห้องลดลงและประหยัดพลังงานไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างโครงการมีความคืบหน้าเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้และคาดว่าจะพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ภายในเดือนกันยายนปีนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม :

ไอดีโอ โมบิ รางน้ำ (Ideo Mobi Rangnam) โครงการคอนโดมิเนียมรูปแบบ High-Rise สูง 31 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 366 ยูนิต บนทำเลศักยภาพสูง ในซอยรางน้ำที่สะดวกสบายทุกการเดินทางสามารถเชื่อมต่อสู่ถนนพญาไทและถนนราชปรารภได้อย่างง่ายดาย เพียง 630 เมตรจากรถไฟฟ้า BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สะดวกสบายเชื่อมต่อไปยัง Airport Rail Link สถานีพญาไทเพียง 1 สถานี และ Airport Rail Link สถานีราชปรารภ รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีส้มที่จะเปิดให้บริการในอนาคต พร้อมด้วยระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการต่างๆ อย่างครบถ้วน

ชั้น 1 เป็น โถงต้อนรับ, ห้องนิติบุคคล, ห้องจดหมาย

ชั้น 2-8 เป็นชั้นจอดรถ

ชั้น 9-29 เป็นชั้นพักอาศัย โดยมีสระว่ายน้ำแบบ 360 องศาพร้อมอ่างน้ำวน

ที่ชั้น 30 และชั้น 31 มีฟิตเนส, เลาจน์, ห้องอาบน้ำ, ห้องล็อคเกอร์

พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน อีกทั้งยังตั้งอยู๋ใกล้สถานที่สำคัญ อาทิ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ, เซ็นจูรี่ มอลล์, โรงพยาบาลราชวิถี , โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า,โรงพยาบาลรามาธิบดี และ โรงพยาบาลพญาไท เป็นต้น พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของในราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท

พรีวิวบทความนี้จะพามาชมโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้นสไตล์โมเดิร์นบนทำเลย่านบางพลีใหญ่กับโครงการ พลีโน่ บางนา-วงแหวน (Pleno Bangna-Wongwaen) ทาวน์โฮมที่มาพร้อมนวัตกรรมพื้นที่ Enlarge Space ที่พัฒนาฟังก์ชั่นภายในให้ทุกพื้นที่คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยจริงค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก เดินทางเข้าออกเมืองสะดวก ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างศูนย์การค้าเมกาบางนาและสนามบินสุวรรณภูมิ

Pleno บางนา-วงแหวน เป็นโครงการทาวน์โฮมพรีเมี่ยม 2 ชั้น มีจำนวน 271 ยูนิต ทำบ้านหน้ากว้าง 5.5 เมตร พื้นที่ส่วนกลางก็จัดมาให้หลายอย่าง ให้เราไปเลือกใช้งานกันทั้งสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Ocean Learning Park สนามเด็กเล่นที่ช่วยเสริมสร้างทักษะให้เด็กๆ ด้านต่างๆ ค่ะ

Pleno Bangna-Wongwaen
( พลีโน่ บางนา-วงแหวน )

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
• ที่ตั้งโครงการ >>> ติดถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก ตำบลบางพลีใหญ่
• ขนาดที่ดิน >>>  25 – 0 – 76.4 ไร่
• ปรเภท >>> ทาวน์โฮม
• จำนวนยูนิต >>>  271 ยูนิต
• แบบห้อง >>>
  • ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 2.99 ล้านบาท* (รีวิว ณ ก.ย. 62)
• พิกัด GPS >>> 13.668404,100.700683
• เว็ปไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• ติดต่อโครงการ >>> 1623

ADDITIONAL INFO

ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท* (มีจำนวนจำกัดนะจ๊ะ) >>> https://bit.ly/2lTTKyj

LOCATION

ทำเลย่านบางนา-บางพลีนั้นเป็นทำเลที่รองรับการขยายตัวของเมืองออกมา ทำให้ปัจจุบันมีสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายอย่างรายล้อมอยู่ โดยโครงการ Pleno บางนา-วงแหวน ตั้งอยู่ติดริมถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษกและอยู่ใกล้ HUB ในโซนนี้ที่มีทั้ง ศูนย์การค้า Mega Bangna , Tesco Lotus, ฺ Big C, Central Bangna, โรงพยาบาลและโรงเรียนต่างๆ ทั้งแบบภาคไทยและแบบนานาชาติให้เราได้เลือกกัน

การเดินทางก็สะดวกสามารถเชื่อมเส้นทางหลักได้หลายเส้นทางทั้งถนนบางนา-ตราด, ถนนลาดกระบัง, ถนนอ่อนนุช, ถนนกิ่งแก้ว ที่สามารถวิ่งเข้าสนามบินสุวรรณภูมิได้ นอกจากนี้ยังมีทางทางพิเศษบูรพาวิถีอยู่ใกล้ๆ วิ่งออกไปชลบุรีได้สบายค่ะ

FACILITIES

สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ พลีโน่ บางนา-วงแหวน จะเน้นพื้นที่ทำ Activities และพื้นที่พักผ่อนเป็นหลัก โดยมีทั้ง Club house สูง 2 ชั้น ที่ภายในมีสระว่ายน้ำและฟิตเนส ส่วนของ Friendly Park Concept ที่มีการผสมผสานพื้นที่ออกกำลังกายและพื้นที่พักผ่อนได้อย่างลงตัว อย่างเช่น  Ocean Learning Park สนามเด็กเล่นที่ช่วยเสริมสร้างทักษะให้เด็กๆ, Basketball Court สนามบาสรูปแบบใหม่, Multi-Function Lawn พื้นที่โล่งรองรับทุกกิจกรรม, Recovery Zone พื้นที่ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย, Sun Screen Pavilion พื้นที่พักผ่อนในร่มพร้อมชมธรรมชาติ และ Recharging Sunken Bench พื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนแบบ Sunken ที่แยกออกจากพื้นที่ออกกำลังกาย เพื่อความเป็นส่วนตัวในการนั่งพักผ่อนชมวิวสวน

แบบบ้าน

แบบบ้านของที่นี้ทำออกมาสไตล์ Modern คุมโทนด้วยสีเอิร์ทโทน เน้นทำหน้าต่างและช่องแสงบานใหญ่เพื่อให้สามารถรับแสงธรรมชาติได้มากขึ้น ทำให้บ้านรู้สึกโปร่ง ไม่อึดอัด นอกจากนี้ฟังก์ชั่นภายในบ้านยังมีนวัตกรรมพื้นที่ Enlarge Space ที่เราสามารถขยับปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยในชั้น 2 ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นห้องอเนกประสงค์หรือขยายรวมให้เป็น Master Bedroom ก็ได้ แต่จะปรับเปลี่ยนได้ขนาดไหนอันนี้ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมจากทางโครงการนะคะ

INTERIOR

เรามีภาพ Perspective ภายในบ้านมาฝากกันเล็กๆ ให้ชมกันไปก่อนนะคะ

BOTTOM LINE

จบไปกันแล้วกับพรีวิวโครงการ พลีโน่ บางนา-วงแหวน  ซึ่งตัวโครงการก็จัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้หลากหลายพอสมควร พร้อมทั้งมีนวัตกรรมภายในบ้านให้เราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นในพื้นที่ชั้น 2 ได้ตามความต้องการเพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริง โครงการ Pleno บางนา-วงแหวน เหมาะกับคนที่ทำงานในย่านนี้หรือคนที่ต้องเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิบ่อยๆ

(กรุงเทพฯ 19 กันยายน 2562) – บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ในเครือของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และพันธมิตร บริษัท ฟอร์จูน แฮนด์ เวนเจอร์ ลิมิเต็ด จากฮ่องกง ประกาศร่วมลงทุน
5 พันล้านบาทเพื่อก่อตั้ง “โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ”

โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซเป็นโรงเรียนนานาชาติแห่งใหม่ล่าสุดในกรุงเทพมหานคร ที่โดดเด่นด้วยอาคารสถานที่
ที่ทันสมัยและการเน้นปูรากฐานให้นักเรียนมีทักษะและทัศนคติที่พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอนาคต ด้วยการคิดค้นรูปแบบการเรียนการสอนและอาคารเรียนบนพื้นฐานของแนวคิดใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อมุ่งจุดประกายให้นักเรียนพัฒนาศักยภาพของตนได้อย่างสูงสุดโดยปราศจากข้อจำกัดของโรงเรียนแบบเดิมๆ

โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซตั้งอยู่บนพื้นที่ 168 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับโรงเรียนนานาชาติแห่งอื่นๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร ติดกับโครงการธนาซิตี้ ย่านบางนา สามารถรองรับจำนวนนักเรียนได้ถึง 1,800 คน ตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลจนถึงเกรด 12 และจะเริ่มเปิดสอนตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 เป็นต้นไป

“เป้าหมายของเราคือต้องการสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่แค่เพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ” นายคีรี
กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าว
“ก่อนหน้านี้ บีทีเอสกรุ๊ป และ ยู ซิตี้ มีความมุ่งมุ่นตั้งใจที่จะลงทุนเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มาโดยตลอด และในที่สุดก็ได้มีโอกาสทำวิสัยทัศน์ให้เป็นจริงเมื่อได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่เหมาะสมอย่าง ฟอร์จูน แฮนด์ เวนเจอร์ ในการพัฒนาโรงเรียนนานาชาติที่ให้ประสบการณ์เรียนรู้ที่ทันสมัย ก้าวล้ำทันโลกมากที่สุดในกรุงเทพมหานคร”

“การร่วมมือในการลงทุนครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างโรงเรียนนานาชาติที่นำเสนอการเรียนรู้แบบใหม่ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและสื่อการเรียนการสอนที่ครบวงจร เพื่อช่วยให้นักเรียนประสบความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพของตนและเติบโตเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์พร้อมรับกับอนาคตที่จะมาถึง ขณะเดียวกัน การลงทุนในครั้งนี้ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ของ ยู ซิตี้ ที่จะพัฒนาที่ดินในบริเวณใกล้กับโครงการธนาซิตี้ให้กลายเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าอย่างยั่งยืนในอนาคต ทั้งนี้ โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซมีพื้นที่รวมทั้งหมด 168 ไร่ หรือ 66 เอเคอร์ จึงถือเป็นโรงเรียนนานาชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตกรุงเทพฯ ตลอดจนมีพื้นที่สีเขียวรวมมากถึงประมาณ 60% ของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อให้นักเรียนได้รับทั้งความผ่อนคลาย ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และช่วยส่งเสริมสติปัญญาและแรงบันดาลใจด้านศิลปะ”

การร่วมลงทุนของบริษัท ฟอร์จูน แฮนด์ เวนเจอร์ จำกัด ในโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ ถือเป็นการลงทุนจากต่างประเทศที่มีมูลค่าสูงสุดในภาคการศึกษาระบบโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย โดยเงินลงทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาทั้งในด้านการก่อสร้างอาคารเรียนและสถานที่ ตลอดจนการคิดค้นรูปแบบการเรียนการสอนแบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์และมีประสิทธิภาพ

ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการศึกษาที่สั่งสมมาอย่างยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ฟอร์จูน แฮนด์ เวนเจอร์ มีคุณสมบัติพร้อมอย่างยิ่งที่จะเข้ามาบริหารโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ โดยมีมิสเตอร์คาเมรอน ฟ็อกซ์ เป็นหัวหน้าผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ

มิสเตอร์คาเมรอน ฟ็อกซ์ หัวหน้าผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ เผยว่าโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซได้จับมือกับไอดีโอ (IDEO) บริษัทออกแบบและนวัตกรรมระดับโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมกันคิดค้นรูปแบบการเรียนการสอนและอาคารเรียนที่เหมาะกับ “โรงเรียนแห่งอนาคต”

“เวอร์โซเป็นโรงเรียนนานาชาติแห่งแรกในโลกที่ร่วมมือกับไอดีโอในการคิดค้นคอนเซ็ปต์และการออกแบบทางกายภาพของโรงเรียนใหม่ทั้งหมดแต่ต้น โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ” คาเมรอนกล่าว “ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของไอดีโอใช้แนวทางการออกแบบที่มีนักเรียนเป็นศูนย์กลางเพื่อพัฒนาโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซให้สอดคล้องกับบริบทของอนาคต เวอร์โซมีความยินดีและภูมิใจที่ได้มีโอกาสออกแบบและสร้างโรงเรียนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ซึ่งเราคาดหวังว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์และสร้างอิทธิพลเชิงบวกต่อการศึกษาในระบบโรงเรียนนานาชาติทั่วโลกสืบไป”

คาเมรอนกล่าวเสริมว่า “โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซได้นำเอามาตรฐานการศึกษาแบบอเมริกันมาบูรณาการเพื่อสร้างเป็น ‘หลักสูตรเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคต (Future-ready Curriculum)’ ของเวอร์โซ การเรียนการสอนของเวอร์โซจะเป็นแบบสหวิทยาการ เน้นการทำโครงงานและการฝึกทักษะ เพื่อให้นักเรียนได้พาตนเองเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน นักเรียนจะได้รับมอบหมายให้ทำงานกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่คละวัยกัน โดยมีทีมอาจารย์ผู้มีความเชี่ยวชาญคอยช่วยแนะนำและสนับสนุนอย่างใกล้ชิด เพื่อค้นหาสิ่งที่ตนเองสนใจและถนัด ตลอดจนได้มีโอกาสแสดงความสามารถ และบ่มเพาะทักษะที่ตอบโจทย์ความท้าทายในอนาคต”

การก่อตั้งโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซมีปัจจัยส่งเสริมทางเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะโยกย้ายมายังทวีปเอเชียมากขึ้น รวมถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของประเทศไทยในการแปลงระบบเศรษฐกิจให้เป็นดิจิทัล และการที่องค์กรและบริษัทชั้นนำทั่วโลกกำลังมองหาผู้นำและนวัตกรรุ่นใหม่ที่มีทักษะและทัศนคติที่จำเป็นต่อการปรับตัวภายในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสามารถสร้างประโยชน์ให้กับสังคมรอบตัวได้อย่างควบคู่กัน

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกของประเทศไทย หรือ อีอีซี จะสามารถดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาได้ปีละประมาณ 100,000 คน ซึ่งเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและความต้องการโรงเรียนนานาชาติในพื้นที่ภาคตะวันออกของกรุงเทพฯ ที่เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสมาคมโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยยังระบุอีกด้วยว่า ประเทศไทยเป็นตลาดโรงเรียนนานาชาติที่มีการเติบโตมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักตลอดระยะ 8 ปีที่ผ่านมา

นางปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยทำเลใกล้กับ
ธนาซิตี้ที่มีปัจจัยภายนอกส่งเสริมรอบด้าน ประกอบกับประสิทธิภาพและความน่าสนใจของรูปแบบการเรียนการสอนของเราที่คำนึงถึงนักเรียนเป็นศูนย์กลาง บริษัทฯ เชื่อว่าโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซจะเป็นแบบอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับแวดวงการศึกษาในอนาคต และผลักดันประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศแนวหน้าในด้านการศึกษา”

โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซสะท้อนถึงเป้าหมายของ ยู ซิตี้ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณใกล้เคียงกับเครือข่ายขนส่งมวลชน โดยนางปิยพรกล่าวว่า “โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซตั้งอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 4 กิโลเมตร หรือใช้เวลาขับรถเพียง 5 นาที มีทางเชื่อมต่อไปยังถนนสายสำคัญมากมาย และในอนาคตจะมีระบบขนส่งมวลชนรางเบาเส้นทางบางนา-สุวรรณภูมิตัดผ่านในบริเวณใกล้เคียง ด้วยทำเลที่อยู่ใกล้สนามบินนานาชาติขนาดใหญ่นี้เองทำให้ที่ตั้งของโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซเอื้อต่อการรองรับนักเรียนจากนานาประเทศและเป็นตัวเลือกโรงเรียนนานาชาติอันดับต้นๆ ของบรรดานักเรียนและครอบครัวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย”

โครงการธนาซิตี้และพื้นที่โดยรอบมีศักยภาพพร้อมที่จะพัฒนาเป็นชุมชนที่มีความทันสมัย เนื่องจากล้อมรอบไปสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ โครงการที่อยู่อาศัย รวมทั้งแหล่งช็อปปิ้งและแหล่งไลฟ์สไตล์ในละแวกใกล้เคียง อาทิ เมกาบางนา เซ็นทรัล วิลเลจ สนามกอล์ฟและคลับเฮ้าส์ระดับโลกของธ​​นาซิตี้ คันทรี คลับ ร้านอาหาร และโรงแรมอีสติน ธนาซิตี้ รีสอร์ท ที่เพิ่งเปิดทำการใหม่ล่าสุด

สถาปัตยกรรมอันล้ำสมัยของโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซเป็นผลมาจาการศึกษาวิจัยเพื่อคิดค้นวิธีการออกแบบสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่ช่วยเสริมสร้างให้เกิดผลสัมฤทธิ์ พฤติกรรม และความเป็นอยู่ที่ดีของนักเรียน โดยพื้นที่การเรียนรู้ของเวอร์โซนั้นเน้นที่ความคล่องตัว ยืดหยุ่น และการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

อาคารทรงกลมที่เป็นสัญลักษณ์ของเวอร์โซ ให้ความรู้สึกของการเรียนรู้ที่เป็นอิสระ แตกต่างจากรูปแบบของอาคารเรียนแบบดั้งเดิม ทั้งนี้ โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นไฮไลต์ อาทิ สระว่ายน้ำในร่มขนาด 50 เมตรมาตรฐานโอลิมปิกที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยพร้อมด้วยระบบเกลือคลอรีนและ 10 เลนการแข่งขัน สนามฝึกซ้อมอเนกประสงค์ที่ใช้งานได้ทุกฤดูกาล สตูดิโอเพื่อการผลิตงานมัลติมีเดียและสตูดิโอบันทึกเสียง สนามกีฬาที่สามารถจุผู้ชมได้ 1,000 ที่นั่ง ห้องเวิร์คช็อปและสตูดิโองานประดิษฐ์ อาคารยิมเนเซียมขนาดใหญ่และศูนย์ออกกำลังกาย สนามฟุตบอลขนาดมาตรฐาน และโคเวิร์คกิ้งสเปซสำหรับคณาจารย์ เป็นต้น

โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2563 และเปิดภาคการศึกษาแรกในเดือนสิงหาคม 2563 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.verso.com  หรือติดต่อสำนักงานรับสมัครของโรงเรียน ซึ่งจะเปิดตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 เป็นต้นไป

นายนันทชาติ กลีบพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เนอวานา ไดอิ  จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เนอวานา  พร้อมสร้างความคึกคักให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์อีกครั้ง ด้วยความมั่นใจในกลยุทธ์ของเราที่เน้นสร้างความโดดเด่นและแตกต่างทางด้านการออกแบบ รวมถึงนวัตกรรมการอยู่อาศัยที่ตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต จึงออกแคมเปญทางการเงินให้เป็นเจ้าของบ้านเนอวานาได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยดอกเบี๊ยเพียง 0.5% ในปีแรก ซึ่งลูกค้าจะผ่อนธนาคารเพียง 1,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น อีกทั้งเรื่องภาระค่าใช้จ่ายในวันโอนฯ ทางเราก็ดูแลให้ลูกค้าไม่ต้องออกเงินก้อนเอง และยังให้ส่วนลดเพิ่มสูงสุดถึง 5 ล้านบาท”

ทั้งนี้ 8 โครงการพร้อมอยู่จากเนอวานาที่เข้าร่วมแคมเปญประกอบไปด้วย โครงการบ้านเดี่ยว Nirvana BEYOND 4 ทำเล พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา, พระราม 2, ศรีนครินทร์, อุดรธานี และ Nirvana ICON ทำเลปิ่นเกล้า – พุทธมณฑลสาย 1 โครงการทาวน์โฮม Nirvana DEFINE ศรีนครินทร์ – พระราม 9 และโครงการโฮมออฟฟิศ ภายใต้แบรนด์ Nirvana @WORK 2 ทำเล ทั้งรามอินทรา และเกษตร – นวมินทร์

ทางเนอวานา มีความมั่นใจว่าด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น สภาพโครงการที่เสร็จสมบูรณ์พร้อม ทำเลติดถนนใหญ่ที่สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า รวมถึงการบริหารงานภายใต้คุณภาพ ที่มีมาตรฐานของทั้ง 8 โครงการจากเนอวานา ประกอบกับโปรโมชั่นที่เร้าใจตรงกับความต้องการของลูกค้า จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อและได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยใหม่” นายนันทชาติกล่าวสรุป

วันที่ 14-22 ก.ย.นี้ พบข้อเสนอสุดพิเศษกับแคมเปญ “ Nirvana LIVE BEYOND LIMITS” ให้คุณได้เหนือกว่าทุกข้อจำกัด… พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย

• ผ่อนเริ่ม ล้านละ 1,000 บาท/เดือน*
• ดอกเบี้ยพิเศษ 5% นาน 1 ปี*
• ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอน*

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก www.nirvanadaii.com หรือ โทร 1787

วันนี้เราจะพาทุกคนมาสำรวจทำเลที่ตั้งของโครงการ Living Nest อุดมสุข 30 กันค่ะ ซึ่งทำเลย่านอุดมสุขนี้จัดว่าเป็นย่านที่มีผู้คนอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะ มีความเจริญมาก สะดวกสบายทั้งเรื่องการเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิท, ถนนศรีนครินทร์ ทั้งยังสามารถลัดเลาะไปออกถนนบางนา-ตราดและซอยวชิรธรรมสาธิต(สุขุมวิท 101/1)ได้อีกด้วย และเรื่องของอาหารการกินที่มีมากมายให้เลือกสรรตั้งแต่ร้านค้าระดับชุมชนไปยังร้านค้าปลีกชื่อดังต่างๆ มากมายค่ะ

โครงการคอนโด ลิฟวิ่งเนสท์ อุดมสุข 30 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 119 ยูนิต ตั้งอยู่บนซอยอุดมสุข 30 ห่างจาก รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีอุดมสุข ประมาณ 1.5 กิโลเมตรและห่างจาก รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีอุดม ในระยะใกล้เคียงกัน ทั้งคู่ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้นเอง ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท วันนี้ทางทีมงานเลยจะพามาสำรวจทำเลเป็นน้ำจิ้มเล็กๆ ก่อนโครงการจะเปิดพรีเซลล์ในเร็วๆ นี้กันค่ะ

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ ได้ที่นี่เลย >>> คลิกที่นี่

LIVING NEST UDOMSUK 30

( ลิฟวิ่งเนสท์ อุดมสุข 30 )

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท ฮิวแมนเนสท์ จำกัด
• ที่ตั้งโครงการ >>> ซ.อุดมสุข 30 ถ.สุขุมวิท 103 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ
• ขนาดที่ดิน >>>  0-3-24 ไร่
• จำนวนอาคาร >>>  1 อาคาร
• จำนวนชั้น >>> 8 ชั้น
• จำนวนยูนิต >>> 119 ยูนิต
• ประเภทห้อง >>>
  • 1 Bedroom : 25.61 – 36.74 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus : 34.93 ตร.ม.
  • 1 Bedroom – L : 30.43 – 35.63 ตร.ม. (รวมพื้นที่ด้านบนเป็น 39.62 – 45.17 ตร.ม.)
• ที่จอดรถ >>> ประมาณ 43% หรือ 51 ช่องจอด (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) โดยเป็นที่จอดรถแบบ Automatic Parking ประมาณ 32 ช่อง
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำพรีวิว >>>  เริ่ม 1.89 ล้านบาท (ราคาเปิด Pre-sale)
• ค่าส่วนกลาง >>> 55 บาท/ตารางเมตร
• เงินกองทุน >>> 600 บาท/ตารางเมตร
• คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง >>> Q1/2020
• คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ >>> Q4/2021
• พิกัด สำนักงานขาย >>> 13.679269, 100.612375
• พิกัด GPS >>> 13.674874, 100.623108
• เว็บไซต์โครงการ >>> www.humannest.co.th
• โทร >>> 095-021-8888

.

LIVING NEST  UDOMSUK 30 ตัวโครงการตั้งอยู่บนซอยอุดมสุข 30 ซึ่งแม้จะเป็นซอยก็จริงแต่เป็นซอยใหญ่ที่คนสัญจรผ่านค่อนข้างเยอะ และยังเข้าจากถนนอุดมสุขไปในซอยประมาณ 300 เมตร เชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ ทั้งยังสามารถลัดเลาะไปยังถนนบางนา-ตราดและซอยวชิรธรรมสาธิต(สุขุมวิท 101/1) ได้อีกด้วย ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนทั้งบริเวณซอยสุขุมวิท 62 และจุดขึ้นลงบางนา เข้า-ออกเมืองสะดวก เดินทางไปยังจังหวัดข้างเคียงได้อย่างง่ายดาย เช่น สมุทรปราการ, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรีและระยอง เป็นต้น

สำหรับการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะมีหลากหลายวิธีให้เลือกเช่น รถสองแถว, วินมอเตอร์ไซค์, รถไฟฟ้า เป็นต้น และยังมี BTS สถานีอุดมสุข ห่างออกไป 1.5 กิโลเมตรและ MRT สายสีเหลือง สถานีศรีอุดม ห่างออกไป ในระยะใกล้เคียงกันเท่านั้น ถ้าคิดเป็นนาทีก็ใช้ไม่เกิน 5 นาทีเองนะคะ ชิลล์ๆ

การเดินทาง

สำหรับการเดินทางไปยังโครงการ ลิฟวิ่งเนสท์ อุดมสุข 30 วันนี้เราจะพาขับรถโดยจะตั้งต้นกันบน ถนนสุขุมวิท บริเวณ BTS สถานีปุณณวิถี มุ่งหน้าไปอุดมสุข ขับตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 1.3 กิโลเมตร จะเจอกับสี่แยกไฟแดงอุดมสุขให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอุดมสุข ขับตรงมาอีก 1.5 กิโลเมตร จะเจอกับซอยอุดมสุข 30 อยู่ทางด้านขวามือให้เลี้ยวเข้าไป แล้วตรงอีก 300 เมตรจะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางด้านขวามือค่ะ

จุดเริ่มต้นของเราอยู่ที่บนถนนสุขุมวิท บริเวณ BTS สถานีปุณณวิถี มุ่งหน้าไปอุดมสุขกันค่ะ จากตรงนี้ขับตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 1.3 กิโลเมตร จะเจอกับสี่แยกอุดมสุข

ใกล้ๆ กับสี่แยกอุดมสุขมีจุดสังเกตง่ายๆ คือ BTS สถานีอุดมสุขอยู่ด้านหน้าซอยค่ะ

ซอยอุดมสุขจะอยู่เลยบีทีเอสมานิดนึง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเลย

เข้ามาแล้วจะเจอสภาพแวดล้อมแบบตึกแถว ร้านค้าระดับชุมชนอยู่มากมายตลอดรายทาง

เมื่อเลี้ยวเข้าซอยอุดมสุข ให้ขับตรงมาอีก 1.5 กิโลเมตร จะเจอกับซอยอุดมสุข 30 อยู่ขวามือ ให้เลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ

เข้ามาจะเจอกับถนนแบบ 2 เลนสวนกัน ขับตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 300 เมตร จะพบกับที่ตั้งของโครงการอยู่ทางด้านขวามือ

ถึงแล้วค่ะ ที่ตั้งโครงการ Living Nest อุดมสุข 30 ที่ดินมีขนาดหน้ากว้างพอสมควรทีเดียว สังเกตเห็นได้ง่ายค่ะ

มาดูตำแหน่งรอบๆตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง

คอนโดโครงการ Living Nest Udomsuk 30 ตั้งอยู่ค่อนไปเกือบกลางๆ ของถนนอุดมสุข จึงเป็นการง่ายที่จะออกได้ทั้งถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์เลยค่ะ และเพราะอยู่เกือบๆ กึ่งกลางจึงอยู่ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สายด้วยกันอย่าง รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีอุดมสุข และ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีอุดม ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเห็นจะเป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุดในการไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น ที่ทำงาน, ที่กิน, ที่ช็อป เป็นต้น และอย่างที่บอกถนนสายนี้สามารถเชื่อมออกได้ทั้งถนนสุขุมวิทที่มี รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีอุดมสุข ตั้งอยู่ห่างออกไป 1.5 กิโลเมตรและถนนศรีนครินทร์ที่ในอนาคตจะมี รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีอุดม ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากระยะทางรถไฟฟ้าสถานีอุดมสุขเท่าไหร่นักค่ะ ลูกบ้านสามารถเลือกได้อย่างสบายๆ ว่าจะเข้าเมืองหรือเดินทางไปที่ไหนตามเส้นรถไฟฟ้าทั้งสองสายได้อย่างสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้นค่ะ

ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ก็สะดวกเช่นเดียวกันด้วยการที่ถนนอุดมสุขสามารถเชื่อมต่อถนสายหลักได้ทั้งถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ ทั้งยังสามารถลัดเลาะซอยต่างๆ ไปออกถนนบางนา-ตราดและซอยสขุมวิท 101/1 หรือซอยวชิรธรรมสาธิตได้อีกด้วย และใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนทั้งจุดบริเวณซอยสุขุมวิท 62 และจุดบางนาค่ะ

ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการ Living Nest อุดมสุข 30 ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของชำทั้งระดับชุมชนและร้านค้าปลีกชื่อดังกระจายอยู่ทั่วทั้งซอยเช่น One Udomsuk, ตลาดอุดมสุข, บ้าน ณ อุดม(ชั้นล่างเป็นร้านอาหารต่างๆ), Makro อุดมสุข, 7-11, Family Mart, Tesco Lotus Express เป็นต้น และถ้าขยับออกไปที่ถนนสายสำคัญรอบๆ ก็จะมีห้างสรรพสินค้าชื่อดังขนาดใหญ่ตั้งอยู่มากมายเช่น True Digital Park Whizdom 101, Bangkok Mall, Central บางนา, SB Furnitures บางนา, Chic Republic บางนา, Paradise Park, Paradise Place, Seacon Square บางนา, ตลาดนัดรถไฟ เป็นต้น

ในด้านการศึกษาก็มีไม่น้อยอย่างที่ใกล้ที่สุดคืออยู่ในซอยอุดมสุข 30 ด้วยกันเลยคือ โรงเรียนสิริรัตนาธร ขยับออกมาที่ถนนอุดมสุขมี Glory Singapore International School และที่ถนนบางนา-ตราดมี Berkeley International School ตั้งอยู่ค่ะ เลือกเข้าได้ตามใจชอบทั้งโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชนเลย ส่วนสถานพยาบาลก็มีอยู่ประปรายตามถนนอุดมสุขแต่จะเป็นสถานพยาบาลประเภทคลินิค ถ้าใครอยากไปโรงพยาบาลอาจจะต้องออกไปที่ถนนบางนา-ตราดจะมีโรงพยาบาลไทยนครินทร์อยู่ค่ะ

.

ทีนี้ขยับเข้ามาดูใกล้ๆ ที่ตั้งโครงการ ลิฟวิ่งเนสท์ อุดมสุข 30 กันอีกนิด จะเห็นได้ว่าที่ตั้งโครงการอยู่เยื้องๆ กันกับโรงเรียนสิริรัตนาธรค่ะ เข้าจากถนนอุดมสุขมาเพียง 300 เมตรเท่านั้นใกล้ๆ โครงการก็จะมีร้านสะดวกซื้ออยู่ทั้งแม็กโคร อุดมสุข, โลตัส เอ็กซ์เพลส อุดมสุข เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีร้านค้า ร้านอาหารอยู่ตลอด 2 ข้างทางอีกด้วยนะ ส่วนใครที่ลูกโตหน่อยก็จะมีวิทยาลัยพณิชยการบางนา ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบคอนโด

ดูแผนที่กันไปแล้ว ต่อมาเรามาดูสภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการ Living Nest อุดมสุข 30 กันบ้างดีกว่าค่ะว่าเป็นยังไงบ้าง

มองเข้าที่ดินของโครงการจะเห็นว่า ที่ดินผืนหน้ามีขนาดหน้าค่อนข้างกว้าง ลูกบ้านไม่ต้องกังวลเรื่องทางเข้าออกเลยค่ะ สะดวก กว้างขวางแน่นอน

ฝั่งตรงข้ามที่ตั้งโครงการ เป็นบ้านเรือน ตึกแถวเก่าสูง 2 ชั้น

ด้านหลังที่ดินโครงการเป็นบ้านเรือนชุมชนเก่าสูง 1-2 ชั้น

ฝั่งซ้ายมือที่ดินบางส่วนติดตึกแถวสูง 4 ชั้นครึ่ง

ส่วนฝั่งขวามือติดกับบ้านสูง 2 ชั้น ถัดไปอีกหน่อยเป็นอาคารสูง 5 ชั้นค่ะ

มาดูบรรยากาศภายใน ซอยอุดมสุข 30 กันหน่อยว่าเป็นอย่างไร

เข้ามาในซอยมีร้านค้าระดับชุมชนต่างๆ มากมาย

มีร้านขายอาหารเยอะแยะเลย คึกคักทีเดียว

ห่างจากโครงการไปนิดหน่อยคือโรงเรียนสิริรัตนาธร เป็นโรงเรียน กทม.ขนาดใหญ่พิเศษค่ะ

ออกจากซอยอุดมสุข 30 มาต่อกันที่ ถนนอุดมสุข กันเลย จะขอมาตั้งแต่ด้านหน้าฝั่งถนนสุขุมวิทไล่เข้ามานะคะ

ในถนนอุดมสุขก็มีร้านค้าระดับชุมชนตลอด 2 ข้างทางเลยค่ะ คึกคักมาก

มีทั้งร้านค้า ร้านยา และรถสาธารณะมากมาย ผู้คนเข้า-ออกตลอดเวลา

ขับเข้ามานิดนึงจะเจอกับ ซอยอุดมสุข 5 ภายในซอยจะเป็นที่ตั้งของ สำนักงานขายโครงการ ค่ะ

เข้ามาในซอยก็จะเจอกับสำนักงานขายเด่นๆ แบบนี้เลย

เลยมาหน่อยเป็น บ้าน ณ อุดม ด้านบนเป็นคอนโดมิเนียมแต่ด้านล่างเป็นร้านอาหารต่างๆ มากมาย เช่น Domino Pizza, Shabu เป็นต้น

ข้างๆ กันก็เป็นอีก Zone หนึ่งด้านข้างมีร้านอาหารเพิ่มเติมเช่น สเต็กลาวอุดมสุข, สุ-กี้-โบ-ราณ, ร้านกาแฟอเมซอน เป็นต้นค่ะ

ถัดมาหน่อยจะเจอกับ Makro Food Service อุดมสุข

ใกล้ๆ กันมีร้านสะดวกซื้อ Family Mart และ A.C.T. ศูนย์ซ่อมรถยนต์อีกด้วย

อีกฟากหนึ่งของ A.C.T. เป็น 7-11 ใครชอบแบรนด์ไหนเลือกแบรนด์นั้นได้เลยค่ะ

ขับมาค่อนๆ กลางถนนอุดมสุขจะเจอกับตึกแถวคล้ายๆ คอมมูนิตี้มอลล์เล็กๆ ภายในมีทั้งร้านเบเกอรี ร้านอาหาร คลินิคความงาม เปิดให้บริการอยู่ค่ะ

ขับต่อมาซักพักจะเจอกับ Udomsuk Walk ตลาดนัดตอนเย็น มีของกิน ของใช้ให้ช้อปเยอะทีเดียว

ออกจากถนนอุดมสุขมากันที่เส้นหลักอย่าง ถนนสุขุมวิท กันบ้าง เส้นนี้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกใหญ่ๆ อยู่ด้วยค่ะ

เริ่มจาก BTS ปุณณวิถี จะเจอกับ True Digital Park Whizdom 101 ตั้งตระหง่านอยู่ซ้ายมือ ใหญ่มาก ภายในมีทั้ง Office, ร้านค้า, ร้านอาหารมากมายหลายประเภทให้เลือกสรร

ตรงหน้าปากซอยอุดมสุขมี One Udomsuk คอมมูนิตี้มอลล์แหล่งรวมร้านอาหาร

ข้ามแยกบางนามาก็จะเจอกับ BITEC บางนา ศูนย์การค้าและศูนย์ประชุมนานาชาติ

ถนนสุขุมวิทไปแล้ว เราเลี้ยวซ้ายเข้า ถนนบางนา-ตราด กันบ้างค่ะ

เลี้ยวมาปุ๊บจะเจอกับห้าง Bangkok Mall เลย เป็นห้างขนาดใหญ่ กำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ คาดว่าอีกไม่นานน่าจะเปิดให้บริการได้

ไม่ไกลกันเป็น Berkeley International School

เซ็นทรัลบางนา ศูนย์การค้าเก่าแก่ในย่านนี้ที่คนบางนาต่างรู้จักดี

โรงพยาบาลไทยนครินทร์ โรงพยาบาลขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างๆ เซ็นทรัลเลยค่ะ

ใครที่กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านอยู่บนถนนบางนาก็มี SB Furnitures บางนาให้มาช้อปปิ้งกันได้นะคะ

ไม่ไกลกันก็เป็นห้างค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์เช่นเดียวกันชื่อว่า Chic Republic ค่ะ

จากถนนบางนา-ตราดเลี้ยวซ้ายเข้า ถนนศรีนครินทร์ กันบ้าง

ห้างขนาดใหญ่บนถนนเส้นนี้ที่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้คือ Paradise Park มีของให้เลือกจับจ่ายมากมาย

ข้างๆ กันเป็น Paradise Place ห้างใหม่ เครือเดียวกันกับพาราไดซ์ พาร์ค

เลยมาหน่อยจะเจอกับ Seacon Square ห้างขนาดใหญ่ มีสินค้าและบริการหลากหลายรูปแบบและประเภท ครบทุกความต้องการ

ข้างๆ ซีคอนเป็น ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ ของกินเยอะมากๆ ใครชอบกินแนะนำที่นี่เลย

อาคารสูงโดยรอบ

ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการ Living Nest Udomsuk 30 ตั้งอยู่ในซอยอุดมสุข 30 ที่เป็นย่านของบ้านเรือน ที่พักอาศัยชุมชนเก่าจึงทำให้พื้นที่รายล้อมส่วนใหญ่เป็นบ้านชาวบ้านเดิมสูงเพียง 1-3 ชั้นเท่านั้นคนที่อยู่อาศัยในคอนโดแห่งนี้จึงน่าจะได้วิวโล่งๆ แทบทุกด้านเลย ส่วนอาคารที่ดูจะสูงขึ้นมาหน่อยจะเป็นอาคารของโรงเรียนสิริรัตนาธรที่สูง 5-8 ชั้น แต่เนื่องด้วยระยะที่ค่อนข้างห่างจึงไม่ส่งผลใดๆ กับผู้อยู่อาศัยภายในโครงการ บรรยากาศรอบๆ ก็จะได้ความเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนเพราะรายล้อมไปด้วยบ้านเรือนชาวบ้านค่ะ

พื้นที่ส่วนกลาง

พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ลิฟวิ่งเนสท์ อุดมสุข 30 ให้มาค่อนข้างครบครันกระจายตามจุดต่างๆ ของอาคารทั่วไป รองรับทุกความต้องการของลูกบ้านทุกรูปแบบ เริ่มจากชั้น G ที่ให้ Lobby มาแบบเพดานสูงโปร่ง พร้อมกับ Free Wifi ให้บริการ และชั้น G ยังมี Waiting  Area จุดนั่งรอรับรถจากลิฟต์จอดรถอัตโนมัติและ Laundry Area ไว้ให้บริการอีกด้วยนะคะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็น Co-Working Space พร้อม Free Wifi อีกเช่นกัน สามารถมานั่งทำงาน ประชุมได้หลายกลุ่มพร้อมกัน พร้อมกับ Tropical Private Garden สวนชั้น 2 ที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวอีกระดับให้กับลูกบ้าน

บริเวณชั้น 8 จะเป็นห้องพักอาศัยและห้องออกกำลังกายพร้อมห้องน้ำแยกชาย-หญิงใกล้ห้องฟิตเนสไว้ให้ลูกบ้านเรียบร้อยเลยค่ะ

และที่ชั้นดาดฟ้าจะเป็นส่วนของ Main Facilities หลักของโครงการ ประกอบด้วย Tropical Sky Garden, Relaxing Space, Party Area & BBQ Terrace, Rock Climbing Area, Imagine Play Area, Sky Multipurpose Area และ Jogging Track ขนาด 104 เมตร

และยังมี Sky Swimming Pool สระน้ำเกลือยาวเกือบ 20 เมตร, Imagine Pool, Jacuzzi และ Creative Corner ไว้นั่งชิลล์ริมสระว่ายน้ำด้วยค่ะ

นอกจากจะจัดเต็มเรื่องพื้นที่ส่วนกลางแล้วเรื่องที่จอดรถทางโครงการก็ให้มาประมาณ 43% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน นับว่าเพียงพอกับการใช้สอยเพราะนอกจากจอดได้ที่ชั้นล่างแบบปกติแล้วยังมีที่จอดรถแบบอัตโนมัติให้ด้วยนะคะ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยกล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ผ่านเข้าออกโครงการด้วยระบบ Key Card Access และติดตั้ง Digital Door Lock ให้ทุกยูนิตอีกด้วยค่ะ

ผังคอนโด Typical Floor Plan

ผังของโครงการ ลิฟวิ่งเนสท์ อุดมสุข 30 ชั้น G หรือชั้นล่างสุดจะเป็นที่จอดรถแบบปกติและมีทางเข้าลิฟต์จอดรถอัตโนมัติ พร้อมกับโถงต้อนรับลูกบ้านค่ะ

ส่วนห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ที่ชั้น 1 ของอาคารแต่มีเพียง 3 ยูนิตเท่านั้นนะ พอขึ้นไปที่ชั้น 2 จะเริ่มมีห้องพักอาศัยเพิ่มขึ้นมาบ้างและจะมีบางส่วนเป็นส่วนของห้องนิติบุคคล, สวนหย่อมและห้อง Co-Working Space อยู่ด้วย

ชั้นที่พักอาศัยล้วนจะเริ่มที่ชั้น 3-7 โดยแปลนอาคารชั้น 3-6 จะเป็นห้องพักแบบ 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus ทั้งหมดขนาด 25.61-34.93 ตารางเมตร

ส่วนที่ชั้น 7 จะมีห้องบางส่วนเป็นห้องแบบ Loft ผสมอยู่ด้วยค่ะ

และชั้นที่ 8 จะเป็นห้องพักอาศัยและห้องฟิตเนส กับห้องน้ำชาย-หญิง ที่อยู่ใกล้กันค่ะ   ส่วนชั้นดาดฟ้าทางโครงการจัดให้เป็นชั้น Facilities หลักประกอบด้วยสระว่ายน้ำ, พื้นที่นั่งเล่น, สนามเด็กเล่น เป็นต้นค่ะ

Room Plan

แปลนห้องคอนโด Living Nest Udomsuk 30

แบบ 1 Bedroom ขนาด 25.61 – 36.74 ตารางเมตร

แปลนของห้องแบบ 1 ห้องนอนขนาด 25.61-36.74 ตารางเมตร มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายทั้งแบบครัวปิดและครัวเปิด ครัวเล็ก ครัวใหญ่ เน้นห้องนอนหรือเน้นห้องรับแขกก็มี รองรับทุกความต้องการของคนทุกแบบได้ดีค่ะ หมดปัญหาลูกค้าชอบห้องนั่งเล่นใหญ่ อยากได้ห้องนอนใหญ่ไม่เอาห้องนั่งเล่นไปโดยปริยาย

แปลนห้องคอนโด Living Nest Udomsuk 30

แบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 34.93 ตารางเมตร

ส่วนแบบ 1 ห้องนอนพลัสจะได้พื้นที่ห้องค่อนข้างยาว แบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วนดี ได้ครัวปิด แยกพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้เป็นระเบียบ จัดส่วนของห้องนอนและห้องอเนกประสงค์ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวไว้ด้านในสุดของห้อง เพิ่มความเป็นส่วนตัวดีค่ะ

แปลนห้องคอนโด Living Nest Udomsuk 30

แบบ 1 Bedroom Loft ขนาด 30.43 – 35.63 ตารางเมตร (รวมพื้นที่ใช้สอยชั้นลอยเป็น 29.62-45.17 ตารางเมตร)

และสำหรับแบบ 1 ห้องนอน Loft จัดออกมาได้ดีเช่นกัน แบ่งห้องรับแขกและห้องครัวได้เป็นสัดส่วน แยกออกจากกัน และดันห้องนอนไปไว้ส่วน Loft ด้านบนให้ความเป็นส่วนตัวดีมากค่ะ

จบลงไปแล้วนะคะสำหรับพรีวิวทำเลย่านอุดมสุขแบบพอหอมปากหอมคอ สำหรับโครงการ Living Nest อุดมสุข 30 สำนักงานขายน่าจะพร้อมเปิดให้ชมห้องตัวอย่างแล้วนะคะ และกำลังจะ Pre-Sales ในวันที่ 21-22 กันยายน 2562 นี้เช่นกันค่ะ ภายในงานมีโปรโมชั่นยูนิตพิเศษราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท สำหรับคนที่จองภายในงานรับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท ลุ้นจับฉลากรับส่วนลดพิเศษ Top up อีก 20,000-50,000 บาทอีกด้วย และรับบัตรกำนัลแทนเงินสดจาก Fuji/Central สำหรับลูกค้าทุกท่านที่จองห้องในงาน

และสำหรับผู้เข้าชมโครงการเพียงกด Like & Share Post ใน Facebook Page ของโครงการ จะได้รับบัตรกำนัลแทนเงินสดจากร้าน Sukishi/ร้านอาหารทะเล อบอวน มหาชัย(บางนา)

แอบบอกนิดนึงว่าโครงการนี้ขายห้องแบบ Fully-Furnished ทุกยูนิต โดยเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในห้องได้รับการออกแบบมาเฉพาะโครงการโดยเฉพาะจาก SB Furniture พร้อมเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่องและ Digital Door Lock ทุกยูนิตอีกด้วยนะคะ

ลงทะเบียนรับส่วนลดพิเศษ สูงสุด 250,000 บาท ได้ที่นี่เลย >>> คลิกที่นี่

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร. 095-021-8888

Line@ : @livingnestuds30 หรือ http://nav.cx/5HdYk4u

Official Website : www.humannest.co.th

ถ้าข้อมูลเป็นประโยชน์ ช่วยกด Like กด Share ให้ทีมงานด้วยนะคะ  ^_____^

วันนี้เราจะพาไปชมโครงการของ J.S.P. property กันที่ทำเลย่านบางบัวทองกับโครงการ  เจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง (J City Rattanathibet Bangbuatong) โครงการทาวน์โฮม 2 ชั้นสไตล์อังกฤษ ที่ตั้งอยู่บนถนนบางกรวย-ไทรน้อย ใกล้ตลาดบางบัวทองค่ะ ตัวโครงการ J City นี้จะมีหลายโครงการย่อยๆ อยู่รวมกัน อีกถึง 4 โครงการ  คือ

• โครงการ J City เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 261 ยูนิต
• โครงการ J Avenue ส่วน Home office สูง 3.5 ชั้น 22 ยูนิต
• โครงการ J Avenue ส่วนอาคารพาณิชย์ 28 ยูนิต
• โครงการ J Villa เป็นโครงการบ้านแฝด 182 ยูนิต

โดยทั้ง 4 โครงการนั้นจะตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน 83 ไร่ แต่ก็มี Gate ทางเข้าแยกกันเพื่อความเป็นส่วนตัวนะคะ ทำให้บรรยากาศของโครงการเหมือนการเป็นแหล่งชุมชนหนึ่งที่ผสมไปด้วยบ้านพักอาศัย ร้านค้า สำนักงานต่างๆ ไม่เหงากันเลยทีเดียว แต่บทความรีวิววันนี้จะขอเน้นไปที่ทาวน์โฮม J City เป็นส่วนใหญ่  แล้วจะเล่าเสริมถึงโครงการอื่นๆ ตบท้ายแบบคร่าวๆ กันไปก่อนค่ะ

ตามมากันเลย….

ข้อมูลโครงการเบื้องต้น

J City Rattanathibet Bangbuatong
(เจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง)

• เจ้าของโครงการ >>> J.S.P. Property
• ที่ตั้งโครงการ >>> ถนนบางกรวย-ไทรน้อย
• ขนาดที่ดิน >>> 32 ไร่
• ประเภท >>> ทาวน์โฮม 2 ชั้น
• จำนวนหลัง >>> 261 หลัง
• พื้นที่ใช้สอย >>>
  • ทาวน์โฮม 2 ชั้น 3 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ, 2 ที่จอดรถ / 113 ตารางเมตร / หน้ากว้าง 5.7 เมตร
  • ทาวน์โฮม 2 ชั้น 4 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ, 1 ที่จอดรถ / 102.69 ตารางเมตร / หน้ากว้าง 5.7 เมตร
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 2.39 ล้านบาท
• พิกัด GPS >>> 13.919303,100.4178573
• เว็ปไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• ติดต่อโครงการ >>> 1173

ก่อนอื่นเรามาดูแผนที่โครงการ เจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง เพื่อจะได้รู้จักทำเลคร่าวๆ กันก่อนนะคะ  ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนบางกรวย-ไทรน้อย ห่างจากถนนชัยพฤกษ์ 300 เมตร สามารถเชื่อมไปออกยังถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนกาญจนาภิเษก ถนนราชพฤกษ์ได้ ส่วนสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้กับโครงการมากที่สุดคือ สถานีคลองบางไผ่ ค่ะ

เริ่มเดินทาง ดูทำเล

การเดินทางไปโครงการ J City รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง สามารถมาได้หลากหลายเส้นทาง โดยวันนี้ทางทีมงานเลือกใช้เส้นทางถนนรัตนาธิเบศร์วิ่งตรงมาจนเจอกับสี่แยกบางพลูแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนบางกราย-ไทรน้อย หลังจากนั้นให้ตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 5.1 กม. ก็ถึงโครงการ J City รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง แล้วค่ะ

ซุ้มประตูโครงการ เจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง ตกแต่งออกมาสไตล์ Modern เรียบง่าย

มาดูตำแหน่งรอบๆตัวโครงการก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง

ตัวโครงการตั้งอยู่บนเส้นถนนบางกรวย-ไทรน้อยในทำเลย่านบางบัวทอง ซึ่งพื้นที่ส่วนมากจะเป็นบ้านพักอาศัยและแหล่งชุมชนที่ค่อนข้างคึกคักตลอดเส้นทาง Hub บริเวณนี้จะอยู่ตรงตลาดบางบัวทองที่เป็นแหล่งชุมชน การจับจ่ายใช้สอยก็มีให้เลือกมากมายทั้งร้านค้า ร้านอาหารตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึง Hypermarket อย่าง Tesco Lotus ค่ะ  หากขยับออกไปอีกหน่อยช่วงแยกบางใหญ่บริเวณนี้จะมีทั้ง CentralPlaza WestGate, IKEA บางใหญ่, Homepro รัตนาธิเบศร์, Big C Extra บางใหญ่, Big C รัตนาธิเบศร์ และตลาดบางใหญ่ ซึ่งค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เลยทีเดียว ส่วนสถานพยาบาลก็มีทั้งโรงพยาบาลบางบัวทอง, โรงพยาบาลชลลดาและโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ เห็นอย่างงี้แล้วก็ถือได้ว่ามีครบไม่ต้องไปไหนไกลกันเลยทีเดียว

เรื่องการเดินทางก็ถือว่าสะดวกเพราะอยู่ใกล้ถนนสายหลักหลายสาย สามารถเชื่อมออกไปยังถนนชัยพฤกษ์ที่วิ่งข้ามสะพานพระราม 4 ตรงไปยังโซนปากเกร็ดได้, ถนนราชพฤกษ์ ถนนเส้นใหญ่ที่สามารถตรงเข้าเมืองไปยังเขตสาทร, ถนนกาญจนาภิเษกที่ขับขึ้นเหนือไปยังปทุมธานีและสุดท้ายถนนรัตนาธิเบศร์ เส้นถนนเชื่อมกันระหว่างถนนกาญจนาภิเษกและถนนราชพฤกษ์เข้าด้วยกันค่ะ ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็มีทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ พี่วินและรถสองแถวต่างๆ วิ่งผ่านหน้าโครงการไปมาตลอดให้เราได้เลือกใช้กัน ทำให้การเดินทางด้วยรถสาธารณะค่อนข้างสะดวกถึงไม่ได้อยู่ติดรถไฟฟ้า

แต่หากใครต้องการใช้รถไฟฟ้าก็มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีคลองบางไผ่อยู่ใกล้กับโครงการมากที่สุด ห่างออกไปประมาณ 4.6 กม. ถ้าไม่อยากขับรถไปเส้นกาญจนาภิเษก ก็ให้ตรงลงมายังถนนรัตนาธิเบศร์ก็มีสถานีบางพลู ที่ห่างจากโครงการประมาณ 5.1 กม. ค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

กางแผนที่ดูภาพรวมกันกันไปแล้ว งั้นเราลองมาดูบรรยากาศสิ่งแวดล้อมรอบๆ โครงการกันต่อดีกว่าค่ะ โดยเริ่มกันบนถนนบางกรวย-ไทรน้อยบริเวณติดกับถนนชัยพฤกษ์

เปิดกันด้วยร้านค้า 7-11 ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 300 เมตร สามารถเดินมาได้

เยื้องๆ กับโครงการเป็นที่ตั้งของมัสยิดอับดุลลานุสรณ์  อาจจะได้ยินเสียงละหมาดบางเวลานะคะ

ส่วนพื้นที่ตรงข้ามโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์ ร้านค้าต่างๆ ของคนในชุมชน  จะซื้อหาของอะไรก็สะดวกค่ะ

เข้ามาในซอยเทศบาล 6 จะมีทั้งฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองบางบัวทองนั่นเอง  คนย่านนี้รู้จักกันดีค่ะ

และโรงพยาบาลบางบัวทอง  โรงพยาบาลขนาดเล็กใกล้กับโครงการ

ข้ามคลองพระพิมลมาบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยร้านค้า ที่เป็นที่ตั้งของตลาดบางบัวทอง

ตรงมาไม่ไกลจะพบกับโรงเรียนเทศบาลวัดละหาร

ติดๆ กันก็เป็นโรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดนนทบุรี

ในฝั่งเดียวกันก็มีสำนักงานประปา สาขาบางบัวทอง

ตรงข้ามกันเป็นไปรษณีย์ไทย สาขาบางบัวทอง แวะมาส่งของกันได้ที่นี่

ใกล้ๆ กันเป็นพื้นที่สำนักงานเทศบาลเมืองบางบัวทอง

โรงพยาบาลชลลดา โรงพยาบาลแห่งที่ 2 ที่อยู่ใกล้กับโครงการค่ะ

ใครไม่อยากเดินตลาดก็เปลี่ยนมา Tesco Lotus Supermarket บางบัวทอง แทนแล้วกันนะคะ

ตลอดเส้นถนนบางกรวย-ไทรน้อยก็มีปั๊มน้ำมันให้เลือกกันหลากหลายเจ้ากันเลยทีเดียว

เราไปดูบรรยากาศแถวถนนกาญจนาภิเษกกันหน่อย ซึ่งเป็นเส้นที่มีความคึกคักเป็นอย่างมากยิ่งช่วงบริเวณแยกบางใหญ่แล้วด้วยนะคะ

เปิดกันด้วย Tesco Lotus สาขาบางกรวย-ไทรน้อย ที่ภายในรวมเอา Index Living Mall เข้าไปด้วยกัน

ติดกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีตลาดบางใหญ่ก็มี Big C Extra บางใหญ่

ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กันก็เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และ Big C Supercenter สาขารัตนาธิเบศร์

ติดๆ กันเลยก็ยังเป็นที่ตั้งของ CentralPlaza WestGate

ที่ภายในมี IKEA บางใหญ่ตั้งอยู่ด้วย

ฝั่งตรงข้ามกับเซ็นทรัล ก็มีร้าน Index Living Mall สาขาบางใหญ่

และตลาดบางใหญ่ ตลาดสดของคนในย่านนี้

มาต่อกันที่ถนนรัตนาธิเบศร์กันบ้าง

ถนนเส้นนี้เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์

พร้อมทั้งยังเส้นรถไฟฟ้าสายสีม่วงวิ่งผ่านอีกด้วย

เริ่มเปิดประตู  ไปดูในโครงการ

ไปดูรอบๆ โครงการกันมาแล้ว ทีนี้ไปดูในโครงการกันบ้างนะคะ

เส้นถนนหน้าโครงการเป็นถนน 4 เลนไปกลับ

เมื่อเลี้ยวเข้ามาแล้วจะพบกับซุ้มทางเข้าโครงการ J City Rattanathibet-Bangbuatong  ซึ่งพื้นที่ด้านหน้าก่อนเข้าไปในโครงการจะเป็นที่ตั้งของ Home office โครงการ J Avenue ค่ะ

พอผ่านซุ้มโครงการเข้ามาจะพบกับบ้านตัวอย่างและสำนักงานขายอยู่ทางซ้ายมือค่ะ

เดินเข้ามาชมสำนักงานขายกันสักหน่อย ภายในมีการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เน้นคุมโทนด้วยสีเทาและยังมีน้องหมีมาสคอตประจำโครงการนั่งต้อนรับเราอยู่ด้วย

พื้นที่ต้อนรับลูกค้าให้เข้ามานั่งตากแอร์เย็นๆ สอบถามข้อมูลกันได้ที่นี่ค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร

เริ่มกันที่ซุ้มประตูของโครงการที่ใช้ระบบ Key Card Access ในการเข้าออกโครงการ และทำที่กั้นรถด้วยไม้กระดก พร้อมรปภ ตลอด 24 ชม.

เมื่อเข้ามาด้านในสิ่งแรกที่เจอ คือ Clubhouse ของทางโครงการที่ใช้ชื่อว่า J Club English หน้าตาเรียบๆ ไม่ได้หวือหวามากค่ะ

เดินขึ้นมาจะพบกับพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนแบบ Outdoor เอาไว้วันไหนลมเย็นๆ อากาศดีๆ เปลี่ยนบรรยากาศจากที่บ้านมานั่งอ่านหนังสือบริเวณนี้ก็ดีไปอีกแบบนะคะ

สระว่ายน้ำของที่นี้เป็นแบบระบบเกลือ ขนาด 5x16x1.2 ม. มาพร้อมสระเด็ก ลึก 60 ซม.

บริเวณข้างๆ สระน้ำก็มีเก้าอี้มาให้ เพื่อพ่อแม่ที่พาเด็กมาเล่นน้ำจะได้มีที่นั่งพักผ่อน

ห้องฟิสเนตออกแบบให้เป็นกระจกแบบ Full Height  ทำให้ห้องดูโปร่งไม่อึดอัดและยังสามารถมองวิวสระว่ายน้ำได้อีกด้วย  ถ้าช่วงไหนแดดแรงๆ ก็ดึงผ้าม่านลงมาปิดได้ค่ะ

ภายในนั้นมีเครื่องออกกำลังกายให้เลือกหลายหลายอย่างและมีมุมสำหรับนั่งพักเบรคระหว่างออกกำลังกายด้วยค่ะ

ใครขี้เกียจเดินมาเองก็ขับรถมามาได้ เพราะบริเวณหน้า Clubhouse มีที่สำหรับจอดรถ

สวนสาธารณะของโครงการ บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่น เหมาะกับการการเดินเล่น ออกกำลังกายแบบ Outdoor

บริเวณสนามหญ้าก็ทำเป็นพื้นที่โล่ง เด็กสามารถมาวิ่งเล่น เตะฟุตบอลกันได้

ของเล่นสำหรับเด็กก็มีมาให้เช่นกัน ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะปูด้วยพื้นยางเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

เปิดแปลนบ้าน

แปลนบ้านโครงการ J City รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง มีให้เราเลือก 2 แบบ คือ

• ทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาด 102.69 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ หน้ากว้าง 5.7 ม.
• ทาวน์โฮม 2 ชั้น ขนาด 113 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ หน้ากว้าง 5.7 ม.

ทาวน์โฮมทั้ง 2 แบบมี ฟังก์ชันที่แตกต่างกันไปค่ะ ครอบครัวไหนมีสมาชิกเยอะก็เลือกแบบ 4 ห้องนอน ส่วนใครมีรถ 2 คันก็ต้องเลือกทาวน์โฮมแบบ 2 ที่จอดรถเนอะ  จะได้มีที่จอดเพียงพอ  ไม่ต้องไปจอดริมถนนรบกวนเพื่อนบ้านด้วย

แปลนทาวนโฮม J City รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง
ขนาด 102.69 ตร.ม.

แบบทาวน์โฮมขนาด 102.69 ตร.ม. เป็นแบบบ้านที่มีฟังก์ชันภายในบ้านมี 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ หน้ากว้าง 5.7 เมตร บนที่ดินขนาด 18 ตร.วา การออกแบบแปลนค่อนข้างเป็นสัดส่วน

ชั้นล่างจะจอดรถได้ 1 คัน มีทางเข้าออกบ้านเพียงทางเดียวจากหน้าชานบ้าน แปลนชั้นล่างมีลักษณะเป็นรูปตัว P มีพื้นที่ห้องนั่งเล่นเชื่อมกับส่วนรับประทานอาหารและโซนครัว ห้องนอนเล็กอยู่ในตำแหน่งหลังบ้าน ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เราสามารถเปลี่ยนมาทำเป็นห้องทำงานส่วนตัวได้ โดยที่ไม่ต้องกั้นห้องเพิ่มเติม

ขึ้นมาชั้น 2 ฟังก์ชันจะแบ่งออกมาเป็น 2 โซน คั่นกลางด้วยห้องน้ำ โดยโซนด้านหน้าเป็นตำแหน่งของห้องนอนใหญ่ที่ภายในมีพื้นที่สำหรับทำเป็น walk in-closet ส่วนโซนด้านหลังเป็นพื้นที่ของห้องนอนเล็ก 2 ห้องที่มีขนาดแตกต่างกันเล็กน้อย

หน้าตาแบบบ้านทาวน์โฮมแบบ 1 ที่จอดรถ สูง 2 ชั้น สไตล์อังกฤษ  คุมโทนด้วยสีขาวครีม ดูสะอาดตา

ตกแต่งหน้าต่างและบานประตูด้วยกระจกแบบลูกฟัก พร้อมทั้งติดบัวผนังบริเวณหน้าต่างชั้นบนให้เหมือนบานหน้าต่างที่เปิดออก สร้างบรรยากาศบ้านให้ดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้น

ชั้นล่างของบ้านสามารถจอดได้เพียง 1 คัน เป็นที่จอดรถในร่มแบบครึ่งคัน

แปลนทาวนโฮม J City รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง
ขนาด 113 ตร.ม.

แบบบ้านทาวน์โฮมหลังนี้มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 113 ตร.ม. ฟังก์ชันภายใน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ หน้ากว้าง 5.7 ม. ชั้นล่างมีลักษณะแปลนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นที่ส่วนต่างๆ จะเชื่อมถึงกันทั้งหมด วางบันไดทางขึ้นให้อยู่ติดกับประตูทางเข้าและมีทางเข้าห้องน้ำชั้นล่างจะอยู่ตรงกับห้องครัว พื้นที่ส่วนหลังบ้านกว้าง 2 เมตร

ชั้น 2 ของบ้านจะมีฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ โดยห้องนอนใหญ่จะอยู่ด้านหน้า ไม่มีระเบียง ส่วนห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องจะอยู่ตำแหน่งหลังบ้าน ห้องน้ำในชั้นนี้จะเป็นแบบ Double Access สามารถเข้าได้จากห้องนอนใหญ่และโถงทางเชื่อม

แบบทาวน์โฮม 2 จอดทางโครงการทำสีบ้านมาให้เลือก 2 สี คือสีน้ำตาลและสีฟ้า จะมีดีเทลการตกแต่งหน้าตาบ้านด้านนอกมากกว่าแบบก่อนหน้านี้ที่เล่าให้ฟังไปค่ะ

ชั้นล่างทางเข้าบ้านเป็นประตูกระจกบานเลื่อน มีช่องแสงบริเวณบันไดเพื่อรับแสงเข้าไปในบ้านให้มากขึ้น

มองขึ้นไปยังชั้นบน มีการตกแต่งด้วยเชิงบัวและราวเรียงเหล็กสีขาว บริเวณผนังมีการเซาะร่องและทาสีน้ำตาลอ่อนเพื่อให้บ้านดูมีลูกเล่นและมิติมากขึ้น

แบบบ้านอีกหลังที่เป็นสีฟ้า มีความแตกต่างที่ลวดลายราวระเบียงเล็กน้อย ส่วนรั้วบ้านจะเป็นเหล็กทานสีขาวแบบบานเฟี้ยมนะคะ

เปิดห้อง  มองสเปซ  :  Focus  on  “SPACE”  and  “DIMENSION”

บ้านตัวอย่างที่เราจะพาไปให้ชมกันจะเป็นบ้านที่ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้ง 2 แบบ ภายในจะเป็นอย่างไร ลองตามเข้ามาชมกันเลยค่ะ

โครงการเจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง
ทาวน์โฮม ขนาด 102.69 ตร.ม.

เปิดเข้ามาในบ้านจะพบกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่และโต๊ะรับแขกได้โดยที่ไม่รู้สึกอึดอัด

ส่วนที่ถัดมาที่อยู่ติดกันจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่เชื่อมอยู่ติดกับโซนครัว ทางโครงการได้เดินท่อติดตั้งระบบเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ

ห้องที่อยู่ติดกันจะเป็นห้องนอนเล็กชั้นล่าง สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้ เหมาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ ไม่ต้องเดินขึ้นลงบันได

ส่วนของพื้นที่ซักล้างหลังบ้านจะเป็นรูปแบบ on ground เทคอนกรีตเรียบร้อยค่ะ นอกจากนี้ระหว่างบ้านแต่ละหลังมีกำแพงกั้นสูง 1.2 ม.ค่ะ

กลับเข้ามาในบ้านกันต่อ ตำแหน่งของห้องน้ำชั้นล่างจะอยู่ใต้บันไดทางขึ้นชั้น 2

ทำให้พื้นห้องน้ำมาการลด Step ลงไป

ภายในห้องน้ำไม่ได้แยกโซนแห้งโซนเปียกมาให้

และยังมีส่วนที่ลดระดับฝ้าลงมาตรงตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะไม่กระทบต่อการใช้งาน

ขึ้นมายังชั้น 2 จะพบกับโถงทางเชื่อมห้องต่างๆ ซึ่งมีห้องน้ำอยู่ตรงกันบันไดทางขึ้น

ภายในห้องน้ำชั้นบนมีการแยกโซนเปียกโซนแห้งเอาไว้และยังติดตั้งพัดลมดูดอากาศ ระบายกลิ่นในห้องน้ำ

ห้องนอนใหญ่อยู่ติดกับหน้าบ้านทำให้รับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างเข้ามาได้เยอะและห้องยังดูโปร่งโล่งอีกด้วย

พื้นที่ปลายเตียงมีขนาดค่อนข้างกว้าง เราสามารถกั้นห้องทำเป็น Walk in-closetได้

หรือถ้าใครอยากได้มุมส่วนตัวก็ลองปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นมุมทำงานเล็กๆ ในห้องตรงส่วนนี้กันดูนะคะ

ห้องนอนเล็กที่อยู่ตำแหน่งหลังบ้าน โดยห้องนอนนี้สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าได้สบาย

ส่วนห้องนอนอีกของมีขนาดเล็กลงมาหน่อย

ภายในห้องมีมุมสำหรับไว้วางตู้เสื้อได้เป็นสัดส่วน

โครงการเจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง
ทาวน์โฮม ขนาด 113 ตร.ม.

เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเห็นได้ว่าฟังก์ชันชั้นล่างถูกจัดวางให้อยู่ในสเปซเดียวกันทั้งหมด ซึ่งฟังก์ชันส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่มีขนาดกว้าง

ส่วนต่อมาที่อยู่ติดกันจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหาร 4 ที่นั่งได้

มองจากอีกมุมจะเห็นได้ถึงวางเฟอร์นิเจอร์ลงไปแล้วก็ยังเหลือช่องสำหรับทางเดินค่อนข้างเยอะ

บริเวณหน้าทางเข้าห้องน้ำจะพื้นที่ของครัวที่บ้านจริงทางโครงการจะติดตั้งท่อเอาไว้ให้เรียบร้อย มีขนาดพื้นที่กะทัดรัด

ภายในห้องน้ำไม่ได้แยกโซนแห้ง โซนเปียกมาให้

ด้านหลังบ้านทางโครงการได้ต่อเติมออกมาเป็นตัวอย่าง บ้านจริงจะเป็นพื้นคอนกรีตแบบ on ground

ทางขึ้นบันไดจะอยู่บริเวณด้านหน้าติดกับประตูทางเข้า ซึ่งมีการทำช่องหน้าต่างให้มีแสงส่องเข้ามายังโถงบันไดได้มากขึ้น

ตัวบันไดทางโครงการยังเพิ่มฟังก์ชันช่องเก็บของมาให้ อยู่บริเวณบันไดขั้นที่ 2-4  ตรงนี้มีประโยชน์ในการใช้งานก็จริง  แต่ต้องระวังอย่าเปิดลิ้นชักทิ้งไว้นะคะ  ไม่งั้นเวลาเดินขึ้นลงอาจจะสะดุดเกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ

เดินขึ้นมายังชั้น 2 ตำแหน่งหน้าบ้านเป็นพื้นที่ของห้องนอนใหญ่ ไม่มีระเบียงห้องแต่สามารถเปิดประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อระบายอากาศและยืนชมวิวจากภายในห้องได้

ส่วนปลายเตียงเป็นพื้นที่ของโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าค่ะ

ส่วนห้องน้ำในชั้น 2 จะเป็นแบบ Double Access สามารถเข้าได้จากห้องนอนใหญ่และโถงทางเดินตรงกลาง

ห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องนอนใหญ่เป็นพื้นที่ของห้องนอนเล็กของบ้าน

เริ่มจากห้องนอน 2 ที่ภายในสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงานได้ แต่ต้องวางชิดผนังเพื่อกันสักหน่อย

ส่วนห้องนอน 3 จะเป็นห้องที่มีขนาดเล็กสุดในบ้าน แนะนำให้วางเตียงขนาดเล็กและเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูโปร่งและมีฟังก์ชันที่หลากหลายเพื่อประหยัดพื้นที่

เปิดห้อง  ส่องวัสดุ  :  Focus  on  “MATERIALS”

วัสดุในภาพรวมของโครงการ J City รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง นั้นให้มามาตรฐานทั่วไปค่ะ ส่วนของครัวจะได้เป็นครัวเปล่า ทางโครงการเตรียมท่อน้ำเอาไว้ให้

อยู่สบายแบ่งแบบเป็น 3 ส่วนให้ดูกันง่ายๆ เป็นวัสดุห้องครัว ห้องน้ำ และวัสดุปิดผิวในห้อง (Finishing Material) สำหรับส่วนครัวนั้นไม่มีรายละเอียดอะไรมากค่ะ เพราะเตรียมพื้นที่กับงานระบบไว้ให้เฉยๆ

วัสดุห้องครัว

บริเวณโซนครัวของแบบทาวน์โฮมขนาด 113 ตร.ม. บ้านจริงจะได้เป็นครัวเปล่ามีการติดตั้งท่อเอาไว้ให้

ส่วนแบบทาวน์โฮมขนาด 102.69 ตร.ม ก็เป็นแบบเดียวกัน เราจึงสามารถต่อเติมเคาน์เตอร์ครัวจะตามใจชอบ

วัสดุห้องน้ำ

อ่างล้างมือในห้องน้ำชั้นล่างของแบบทาวน์โฮม 113 ตร.ม. จะเป็นทรงกลม ทำจากเซรามิคสีขาว ของ American Standard

ชั้นบนจะเป็นทรงสี่เหลี่ยม แบรนด์เดียวกัน

อ่างล้างมือแบบแขวนสีขาว ของแบบทาวน์โฮม ขนาด 102.69 ตร.ม.

ก๊อกจะได้เป็นแบบก้านโยก

ห้องน้ำทุกห้องทางโครงการติดตั้งกระจกเงาติดผนังมาให้

โถสุขภัณฑ์สีขาว American Standard

โถสุขภัณฑ์สีขาวอีกแบบที่จะได้ ของ American Standard เช่นกัน

ฝักบัวอาบน้ำสเตนเลส ของ Victor

พื้นห้องน้ำบริเวณที่อาบน้ำในบางห้องมีการยกระดับธรณีขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อกั้นไม่ให้น้ำไหลมายังโซนแห้ง

เครื่องดูดอากาศภายในห้องน้ำ

วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)

พื้นบ้านชั้นล่างปูด้วยแกรนิตโต้สีขาว

พื้นชั้นเป็นลามิเนตหนา 8 มม.

พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องสีเทาขนาด 30×30 ซม.

ประตูบานเลื่อนกระจกเขียวตัดแสง ของแบบทาวน์โฮม ขนาด 102.69 ตร.ม.

ประตูบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมสีขาว ใช้กระจกเขียวตัดแสง ของแบบทาวน์โฮม ขนาด 113 ตร.ม.

ลูกบิดประตูห้องต่างๆ ของ COLT หรือเทียบเท่า

ที่จับประตูกระจกบานเลื่อน

ประตูห้อง HDF

วงกบประตูห้อง uPVC

สวิตซ์ไฟ

แผงควบคุมไฟในบ้าน

ราวจับบันไดเป็นอลูมิเนียมทาสีขาว

บันไดโครงสร้างคอนกรีต ลูกนอนลูกตั้งทำจากไม้ยางพาราสีน้ำตาลอ่อน มีลิ้นชักเก็บของ

เพราะซอยขั้นบันไดเยอะ ทำให้ราวบันไดไม่ต่อเนื่อง จึงจะเห็นเป็นหยักๆ ทุกมุม

จบไปกันแล้วกับโครงการ J city รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง ที่เป็นโซนของทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์อังกฤษ งั้นเรามาดูข้อมูลคร่าวๆ โครงการอื่นๆ ของที่นี้กันบ้าง

โครงการ J Villa รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง

เปิดกันด้วย J Villa โครงการบ้านแฝด 2 ชั้น สไตล์อังกฤษเช่นเดียวกันค่ะ ภายในโครงการมีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 2 แบบ ขนาด 116 -117 ตร.ม. ขนาดที่ดิน 35 ตร.วา

• แบบบ้าน Old Design Function

ตัวบ้านมีการดีไซน์ออกมาให้ดูอบอุ่นเน้นหน้าต่างบานใหญ่ พร้อมทั้งคุมโทนด้วยสีเทา ทำให้ดูสบายตา ภายในมีฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ขนาด 116 ตร.ม.

• แบบบ้าน New Design Function

ส่วนแบบบ้าน New Design Function มีการดีไซน์ที่แตกต่างจากแบบแรก โดยตกแต่ง Facade รับมุมหลังคา ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนแบบบ้านอังกฤษ ส่วนภายในมีฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 117 ตร.ม.

โครงการ J Avenue รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง

มาต่อกันที่โครงการ  J Avenue ที่ภายในจะมีทั้งอาคารพาณิชย์และ Home Office อยู่ด้วยกันและอยู่ในตำแหน่งด้านหน้าติดกับถนนบางกรวย-ไทรน้อย

• อาคารพาณิชย์

ทางโครงการดีไซน์ออกมาสูง 3.5 ชั้น ทำหน้ากว้าง 4 ม.  โดยภายในชั้น 1 สูง 5 ม. ชั้นอื่นๆ สูง 3 เมตร พื้นที่ใช้สอย 187.11 ตร.ม.

• Home Office

Home Office ของทางโครงการจะอยู่ในส่วนด้านในถัดมาจากอาคารพาณิชย์ มีการออกแบบสไตล์ Modern คุมโทนด้วยสีเทา ภายในมี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ

เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

ราคาขายเริ่มต้น ณ วันที่ไปรีวิว ( ส.ค. 62) ทาวน์โฮมทั้ง 2 แบบ ราคาเริ่มต้น 2.39 ล้านบาทค่ะ ที่ดินเพิ่มลดจะอยู่ที่ 70,000 บาท/ตร.ม.

ราคา ณ เดือนสิงหาคม  2562

ราคาเริ่มต้น :

ทาวน์โฮม ราคา 2,390,000 บาท

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

ทำสัญญา 10,000 บาท

• ผ่อนดาวน์

เป็นบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง  35 บาท/ตารางวา/เดือน

ประมาณอัตราการผ่อน (คิดจากราคาเริ่มต้นด้านบน) 

(เพื่อให้เห็นกรอบของค่าใช้จ่ายคร่าวๆและนำไปวางแผนประมาณการของแต่ละคน  ถึงไม่ได้ซื้อห้องที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็ใช้ตัวเลขได้ ซึ่งผมประมาณการอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าปกติหน่อย  เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรองรับความสามารถในการผ่อน  รวมถึงให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆที่เกิดขึ้น  เช่น  ค่าส่วนกลาง ไปด้วยในตัว) :

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 30 ปี

ทาวน์โฮม ราคาขาย 2,390,000 บาท ผ่อนประมาณ 14,351 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 25 ปี

ทาวน์โฮม ราคาขาย 2,390,000 บาท ผ่อนประมาณ 15,3331 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 20 ปี

ทาวน์โฮม ราคาขาย 2,390,000 บาท ผ่อนประมาณ 16,928 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 15 ปี

ทาวน์โฮม ราคาขาย 2,390,000 บาท ผ่อนประมาณ 19,778 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  95% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 10 ปี

ทาวน์โฮม ราคาขาย 2,390,000 บาท ผ่อนประมาณ 25,781 บาท/เดือน

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

J City รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง ตั้งอยู่บนถนนบางกรวย-ไทรน้อย ที่สามารถไปได้ทั้งถนนชัยพฤกษ์, ถนนราชพกฤษ์, ถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนกาญจนาภิเษกที่วิ่งขึ้นเหนือไปปทุมธานีได้ค่ะ หากต้องการใช้รถสาธารณะก็มีขับผ่านหน้าโครงการหลายอย่าง ทั้งพี่วิน รถเมล์ รถสองแถว รถแท็กซี่ นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่มีสถานีคลองบางไผ่ห่างออกไปประมาณ 4.6 กม. ถือได้ว่าเดินทางค่อนข้างสะดวก

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

ทำเลย่านบางบัวทอง นั้นจัดอยู่ในเขตชานเมือง ที่ส่วนมากจะเป็นบ้านพักอาศัยของคนในชุมชนเดิมและหมู่บ้านจัดสรรเป็นส่วนใหญ่ พร้อมทั้งยังเหลือที่ดินเปล่ารอการพัฒนาอยู่อีกเยอะ ทำให้ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้เรื่อยๆ ยิ่งหลังจากมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงเข้ามายังพื้นที่ การเดินทางเข้าออกเมืองจึงเป็นเรื่องง่ายมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน  ส่วนทำเลที่ตั้งของ J City รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง  ต้องบอกว่าได้เปรียบกว่าหลายๆ โครงการบ้านจัดสรรโซนนี้  เพราะว่าอยู่ใกล้แหล่งชุมชน และตลาด  สามารถจับจ่ายใช้สอยได้สะดวก  และการที่อยู่ในจุดที่คนพลุกพล่าน  ก็ช่วยทำให้ที่ดินอสังหาฯ ตรงนั้นมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ  มีข้อควรคำนึงอย่างนึงก็คือโครงการอยู่ใกล้มัสยิด  อาจจะได้ยินเสียงละหมาดบางเวลาค่ะ

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

ภาพรวมของงานดีไซน์ของโครงการ เจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง  ใช้เส้นสายในการออกแบบหน้าตาที่เรียบ  แต่มีดีเทลการตกแต่งเล็กๆ ซ่อนอยู่ ผสมกลิ่นไอของอังกฤษเล็กน้อย ให้บรรยากาศของบ้านดูอบอุ่นมายิ่งขึ้น  มีสีบ้านให้เลือกกันถึง 3 สีออกหวานๆ หน่อย โดยแบ่งออกมาเป็นทาวน์โฮมขนาด 113 ตร.ม. จะเป็นสีฟ้าและสีน้ำตาล ส่วนทาวน์โฮม ขนาด 102.69 ตร.ม. มีเพียงสีขาวเท่านั้น โทนสีของโครงการจึงดูสดใส โครงสร้างบ้านเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นหลังบ้านและพื้นโรงจอดรถเป็นแบบ on ground ความกว้างของตัวบ้าน 5.7  เมตร ค่ะ

การวางบ้านแปลนของโครงการออกมามีฟังก์ชันพื้นฐาน  แบบบ้านทาวน์โฮม ขนาด 113 ตร.ม. จัดฟังก์ชันออกมาในลักษณะ Compact Space ทุกพื้นที่เชื่อมเข้าด้วยกัน จึงทำให้เหลือพื้นที่ใช้สอยมากยิ่งขึ้น ส่วนแบบบ้านทาวน์โฮม ขนาด 102.69 ตร.ม. จะมีห้องนอนเล็กอยู่ชั้นล่าง ทำให้เหมาะครอบครัวที่มีผู้สูงอายุไม่อยากให้เดินขึ้นลงบันไดเยอะค่ะ ความสูงฝ้าโดยรวมสูง 2.8 ม.แต่ในห้องนอนใหญ่จะได้ความสูง 3 ม. ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งยิ่งขึ้น

ภาพรวมวัสดุภายในบ้านทำออกมาได้มาตรฐาน สามารถใช้งานได้จริง พื้นชั้นล่างปูด้วยแกรนิตโต้ ส่วนชั้นบนปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. ประตูห้องต่างเป็นบาน HDF กรอบหน้าต่างเป็นอลูมิเนียมสีขาว กระจกเขียวตัดแสง บันไดคอนกรีตปิดด้วยลูกนอนไม้ยางค่ะ  โดยเสริมฟังก์ชันช่องเก็บของเข้าไปให้อีกด้วย  แต่ต้องห้ามเผลอเปิดลิ้นชักทิ้งไว้เพราะเดี๋ยวจะสะดุดนะคะ  สุขภัณฑ์ในห้องน้ำใช้ของ American Standard หรือเทียบเท่าค่ะ

พื้นที่ส่วนกลางของโครงการมีการแบ่งออกมาเป็น 2 ส่วน โดยส่วนด้านหน้าเป็นที่ตั้งของ Clubhouse ที่ใช้ชื่อว่า J Club English ภายในมีทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือที่แยกสระเด็กออกมาให้ พื้นที่นั่งพักผ่อน และฟิตเนส ส่วนที่ 2 จะอยู่บริเวณตรงของโครงการซึ่งพื้นที่ส่วนนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นสวนสาธารณะและ Playground ของเด็กๆ ด้วยนะคะ

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ  (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนบ้านจัดสรรที่นี่)

และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

ถ้าข้อมูลเป็นประโยชน์ ช่วยกด Like กด Share ให้ทีมงานด้วยนะคะ  ^_____^

มินิพรีวิวบทความนี้พาไปดูข้อมูลคร่าวๆ ของ ชวนชื่น ทาวน์ บางใหญ่  พรีเมียมทาวน์โฮมของ มั่นคงเคหะการ ที่ตั้งอยู่ใน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เดินทางสะดวกเชื่อมต่อเมืองใกล้ทางพิเศษศรีรัช นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีแยกบางใหญ่) และ เซ็นทรัล อยู่ในระยะไม่เกิน 10 กม. จากตัวโครงการครับ

Chuan Chuen Town บางใหญ่ เปิดตัวมาในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เริ่มต้น 2.39 ล้านบาท กับฟังก์ชั่น 4 ห้องนอน พร้อมลงเสาเข็มหลังบ้าน ออกแบบในสไตล์ Garden Home ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัว ลองไปอ่านข้อมูลคร่าวๆ กันดูนะครับ

Chuan Chuen Town Bangyai
( ชวนชื่น ทาวน์ บางใหญ่ )

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน)
• ที่ตั้งโครงการ >>> ถ.ประชาอุทิศ ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
• พื้นที่โครงการ >>> 37-2-46.9 ไร่
• ประเภทโครงการ >>> ทาวน์โฮม 2 ชั้น
• สไตล์ >>> Garden Home Style
• พื้นที่ใช้สอย >>> 140 ตร.ม.
• จำนวนยูนิต >>> 335 ยูนิต
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 2.39 ล้านบาท
• พิกัด GPS >>> 13.8450983,100.2930687
• เว็ปไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• Email >>> sales@mk.co.th
• สำนักงานขาย >>> เปิดทำการทุกวัน เวลา 9.00 – 18.00 น.
• ติดต่อโครงการ >>> 1622

LOCATION

โครงการ ชวนชื่น ทาวน์ บางใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตชานเมือง เหมาะกับคนที่ต้องการความสงบ โดยจะตั้งอยู่ที่ ถ.ประชาอุทิศ ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ครับ

สถานที่ใกล้เคียง ใกล้ทางด่วนศรีรัช และรถไฟฟ้าสายสีม่วง(สถานีแยกบางใหญ่), ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต, อิเกีย บางใหญ่, บิ๊กซี, ห้าง  Plus Mall และ ตลาดบางใหญ่

FACILITIES

พื้นที่ส่วนกลางของ Chuan Chuen Town Bangyai จะมีคลับเฮาส์ที่ดีไซน์โดดเด่น ภายในฟิตเนส และสระว่ายน้ำ นอกจากนี้ยังมีสวนส่วนกลางขนาดใหญ่บรรยากาศร่มรื่นด้วยครับ

• Clubhouse

• Playground

…จบมินิพรีวิวสั้นๆ ของ ชวนชื่น ทาวน์ บางใหญ่ น่าจะถูกใจคนที่อยากได้ทาวน์โฮมราคาเบาๆ อยู่ในเขตชานเมือง อำเภอบางใหญ่ เดินทางสะดวก ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกครับครันนะครับ …

ครั้งนี้ YUSABUY จะพาทุกท่านไปทำความรู้จัก “สามย่านมิตรทาวน์” (Samyan Mitrtown) โครงการ Mixed Use แห่งใหม่กลางกรุง ที่ตั้งอยู่บนถนนพระราม 4 บริเวณสามย่าน ใกล้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 9,000 ล้านบาท ถูกพัฒนาโดย บริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ Goldenland ครับ

Samyan Mitrtown ได้มีการพัฒนารูปแบบการใช้พื้นที่แบบใหม่ๆ ให้เหมาะกับโลกปัจจุบัน เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 รูปแบบหลักๆ คือ

1. OFFICE โซนอาคารสำนักงาน “มิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์” (Mitrtown Office Tower) อาคารสำนักงานเกรด A สูง 31 ชั้น พื้นที่เช่ารวม 48,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็น 30%ของโครงการ
2. RESIDENCE โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม (TRIPLE Y RESIDENCE) มีความสูง 33 ชั้น จำนวน 516 ห้อง คิดเป็น 15% ของโครงการ และ โซนโรงแรมสไตล์ดีไซน์ โฮเทล  (TRIPLE YHOTEL) จำนวน 102 ห้อง ซึ่งโรงแรม และคอนโดมิเนียม มีการแยกส่วนกลางออกจากกันเพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย
3. RETAIL โซนรีเทลภายใต้คอนเซ็ปต์ “Urban Life Library” เพื่อสร้างคลังอาหารและการเรียนรู้ โดยแบ่งพื้นที่ย่อยเป็น The Eating Library โซนสำหรับอาหาร 43%, Living Library โซนรวมของจำเป็นสำหรับไลฟ์สไตล์คนเมือง living 28% และ The Learning Library พื้นที่เปิดกว้างสำหรับการเรียนรู้ 29% ซึ่งพื้นที่นี้มีบริเวณ 7 ชั้นคิดเป็นพื้นที่ 36,000 ตารางเมตร

MITR MEANINGFUL RETAIL SPACE

สำหรับโซนที่ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว นั่นก็คือโซนรีเทลศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์  วันนี้ก็เลยจะพาผู้อ่านทุกท่านไปทัวร์ภายในศูนย์การค้ากันครับ รับรองว่าเต็มอิ่มแน่นอน..

MITR DIRECT LINK

เริ่มต้นจากการเดินทางครับ โครงการสามย่านมิตรทาวน์ สามารถเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน(MRT)ได้ ลงที่สถานีสามย่าน ใช้ทางออกที่ 2 นะครับ เรียกว่าสะดวกสบายมากๆ แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น ไม่ใช่แค่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าเท่านั้นนะครับ แต่สามารถเดินผ่านอุโมงค์ใต้ดิน ที่เชื่อมต่อระหว่างตัวสถานีสามย่านมายังโครงการสามย่านมิตรทาวน์ได้โดยตรงเลย ฝนจะตก แดดจะร้อนแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวครับ ซึ่งอุโมงค์นี้ก็ออกแบบมาทันสมัย เหมือนกำลังจะเดินไปขึ้นยานอวกาศเลยครับ (ฮ่าๆ)

จากอุโมงค์ทางเชื่อม เดินมาเรื่อยๆ จะเจอบันไดเลื่อน มุ่งตรงเข้าสู่ภายในศูนย์การค้าเลยครับ

แต่สำหรับใคร ที่ขับรถมา ที่นี่ก็มีที่จอดรถนะครับ รองรับได้มากกว่า 1,000 คัน

B1 FLOOR

เริ่มดูที่ชั้นล่างสุด ชั้น B1 ก่อนเลย ชั้นนี้จะเน้นไปที่ร้านอาหารและของกินต่างๆ มีโซนที่เปิดตลอด 24 ชม. ด้วยนะครับ ถือเป็นจุดเด่นของ สามย่าน Mitrtown ก็ว่าได้ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับวิถีชีวิตของชาวเมืองแบบสุดๆ เลยครับ

ร้านส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตา หลากหลายสัญชาติ อาทิ ฮะจิบัง ราเมน, Pepper Lunch, Tudari, Yayoi เป็นต้น

สายบุฟเฟต์ชาบูต้องไม่พลาดร้าน Shabushi เพราะสาขาสามย่านมิตรทาวน์นี้ เปิด 24 ชม. ด้วยนะครับ

ส่วนร้าน SHINKANZEN SUSHI คนแน่นเลยครับ ซูชิน่ากินมาก

ร้านอาหารไทยก็มีนะครับ อย่างร้านก๋วยเตี๋ยวเรือพระนครร้านนี้ ชามละ 16 บาท เท่านั้น

นอกจากร้านอาหารที่อยู่ใน Shop แล้ว ก็ยังมีร้านแบบ Kiosk ด้วยนะครับ เยอะแยะมากมายทีเดียว

มีพื้นที่ให้มานั่งทานอาหาร หรือมานั่งรอ นัดเจอกันได้

อีกร้านที่เป็นไฮไลต์ของชั้น B1 ก็คือร้าน Apron Walk ขายทั้งส่วนที่เป็น Food และ Non-food ของที่เป็น Food ก็จะมีเครื่องปรุง ชา กาแฟ ไปจนถึงข้าวสาร ส่วนของที่เป็น Non-food ก็จะมีตั้งแต่ภาชนะไปจนถึงเครื่องครัวแบรนด์ดังๆ

Big C เปิดตลอด 24 ชม. ด้วยนะครับ

ปิดท้ายชั้น B1 ด้วยโซนธนาคารครับ มีทั้งกสิกรไทย, กรุงศรี และ ไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นธนาคารที่เปิด 24 ชม. นอกจากนี้ยังมี Kerry Express ที่เปิดตลอด 24 ชม. อีกเช่นกัน

G Floor

ถัดขึ้นมาจากชั้น B1 เป็นชั้น G ครับ ชั้นนี้สามารถเดินเข้ามาจากทางถนนพระราม 4 และถนนพญาไทได้ครับ เผื่อใครที่ไม่ได้มาจากรถไฟฟ้าใต้ดิน

ชั้นนี้จะมีร้าน MUJI ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังมี Coffee Corner หรือมุมกาแฟแห่งแรกในประเทศไทยด้วย โดยเลือกใช้เมล็ดกาแฟจากดอยตุงครับ

ส่วนโถงกลางของชั้น G มีร้านที่เป็นรูปแบบ Kiosk ของ Nescafe Hub และ After You ครับ

เดินมาเรื่อยๆ จะเจอโซน Semi Outdoor มีร้าน KFC, STARBUCKS และ ASEAN ที่เปิดตลอด 24 ชม. ครับ

ร้าน Starbucks กินพื้นที่ถึง 2 ชั้นเลยทีเดียว

ระหว่างร้าน KFC และ STARBUCKS มีทางเดินออกมาด้านนอกได้

1st Floor

ชั้น 1 ส่วนใหญ่จะเป็นโซนของใช้ เช่น ร้าน Boots , Miniso เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีร้านเสื้อผ้าแฟชั่นอย่าง UNIQLO ซึ่งตอนนี้ยังตกแต่งไม่เสร็จ แต่ดูแล้วน่าจะใหญ่มากทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีร้านขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาอย่าง Sport World อยู่ด้วยครับ

2nd Floor

SAMYAN CO-OP หรือ Co-learning space ในพื้นที่กว่า 1,400 ตารางเมตร ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เห็นน้องๆ นิสิตนักศึกษาต่อแถวเข้ากันเยอะขนาดนี้ แน่นอนครับเพราะว่าบริการฟรีทุกอย่าง มีทั้งพื้นที่เปิดที่สามารถใช้เสียงได้บ้าง มี Focus Zone สำหรับคนที่ต้องการความสงบ และมีห้องประชุม 8 ห้อง สำหรับการประชุมหรือการคุยงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ห้องประชุมต้องจองผ่านแอป Mitr App ก่อน โดย 1 คนจองได้ 1 ชั่วโมงต่อครั้งต่อวัน

สำหรับคนรักการแต่งบ้านก็มาที่นี่ได้นะครับ เพราะมีทั้ง HomePro และ JYSK สามารถมาเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของใช้ต่างๆภายในบ้านได้

ส่วนสาวๆ น่าจะถูกใจสิ่งนี้ครับ นั่นก็คือร้านเสริมความงาม, ร้านตัดผม ไปจนถึงสปาครับ

3rd Floor

ขึ้นมาชั้นที่ 3 ชั้นนี้จะมีทั้งส่วนที่เป็น Knowledge Hub และฟิตเนสครับ

มีทั้ง Muay-Thai Gym และ Cerebrity Fitness สตูดิโอออกกำลังกายครบวงจรของ Fitness First ซึ่งตัว Cerebrity Fitness ที่สามย่านมิตรทาวน์นี้ ก็จะเปิดให้บริการ 24 อีกเช่นกัน ไม่ต้องบ่นว่าไม่เวลาออกกำลังกายแล้วนะ

ส่วนบริเวณ Hall ที่อยู่ตรงกลาง เป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงต่างๆ ครับ

โซน Knowledge Hub จะมีร้านค้าต่างๆ ที่เกี่ยวกับการศึกษา ทั้งหนังสือ และอุปกรณ์การเรียน เช่น ร้านสมใจ

ร้าน MEDIUM AND MOER ร้านนี้ยกให้เป็นพื้นที่ของคนรักงานคราฟต์เลย มีของสำหรับทำงานคราฟต์และงานศิลปะต่างๆ ครบหมด นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับสอนทำงานคราฟต์หรือเวิร์กช้อปต่างๆ โดยทางร้านจะจัดหากิจกรรมสนุกๆ มาให้ได้ลองทำอยู่เรื่อยๆ  มี Craft Classroom เป็นของตัวเองด้วย ถ้าสนใจก็ไปลงทะเบียนล่วงหน้ากันได้

ใครที่ชอบจองบัตรต่างๆ ผ่าน Thai Ticket Major ที่สามย่านมิตรทาวน์ก็มีนะครับ อยู่ที่ชั้น 3 นี้

ก่อนขึ้นไปที่ชั้น 4 แวะเข้าไปดูในห้องน้ำของ สามย่าน Mitrtown กันซักหน่อยครับ การตกแต่งก็จะมาในโทน Minimal เรียบง่าย แต่มีสไตล์ครับ  ปริมาณก็ถือว่าเยอะพอสมควร เพียงพอต่อการใช้งานครับ

4th Floor

ถัดมาชั้นที่ 4  กลับมาเป็นชั้นของกินอีกครั้งครับ มีศูนย์อาหารของสามย่านมิตรทาวน์ ใช้ชื่อว่า SAMYAN FOOD LEGENDS ร้านอาหารก็ถือว่าค่อนข้างครบ ที่สำคัญคือมีที่นั่งเยอะมาก

บรรยากาศที่นั่งภายในศูนย์อาหารครับ ตกแต่งได้ทันสมัย ได้เห็นวิวภายนอกด้วย

นอกจากศูนย์อาหาร SAMYAN FOOD LEGENDS ก็ยังมีร้านอาหารอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นร้านชื่อดัง อาทิ BAR B Q PLAZA, MK, SHUSHI HURO, THE PIZZA COMPANY เป็นต้น

5th Floor

ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของ สามย่านมิตรทาวน์ แล้วครับ ที่ชั้น 5 นี้ มีโรงหนัง HOUSE ซึ่งพัฒนาจาก HOUSE RCA สู่ HOUSE SAMYAN นั่นเอง เป็นโรงหนังสายอินดี้แห่งใหม่ ภายในมีโรงหนัง 3 โรง รวม 361 ที่นั่ง และยังคงเป็นโรงหนังอินดี้ที่ฉายหนังทางเลือก เช่น หนังดี หนังดัง หนังรางวัลที่ไม่ได้เข้าโรงใหญ่ เช่นเดียวกับ HOUSE RCA ครับ

SAMYAN MITRTOWN HALL เป็นพื้นที่จัดประชุม จัดอีเว้นท์ต่างๆ น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะตั้งอยู่ใจกลางสามย่านเลย

จากที่เล่ามาทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าจุดเด่นที่เป็นตัวชูโรงของ สามย่านมิตรทาวน์ อยู่ที่การเป็นศูนย์การค้าที่เปิดตลอด 24 ชม. ดังนั้นก่อนจะจบบทความนี้ เรามาดูสรุปกันว่าที่ สามย่านมิตรทาวน์ นี้ มีร้านอะไรที่เปิด 24 ชม. บ้าง…

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ.. สำหรับโครงการ SAMYAN MITRTOWN (สามย่านมิตรทาวน์) นับว่าเป็นโครงการ Mixed use อีกโครงการที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ศูนย์การค้า ที่ได้รับการออกแบบให้สอดรับกับการค้าปลีกยุค 4.0 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มาเดินช้อปปิ้งเพียงอย่างเดียว แต่มาเพื่อใช้ชีวิตที่นี่ รองรับทั้งกลุ่มนิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไปให้เข้ามาใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง น่าจะถูกใจคนเมืองที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ เลิกงานดึกๆ ใช่มั้ยละครับ ..คราวหน้า หากมีโครงการใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ทีมงาน YUSABUY จะพาไปอัปเดตกันอีกแน่นอนครับ แล้วไว้พบกันใหม่บทความหน้านะครับ… ^__^

คุณเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการลงทุน คุณจักรกฤษณ์ เตชะวณิช (ขวาสุด) Head of Strategic Real Estate Investment & Business Unit บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณนราธิป จันทร์ทอง (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิเนอร์วา แมเนจเมนท์ บริษัทที่ปรึกษางานก่อสร้าง และ คุณพงศ์พันธ์ ธีระจรุงเกียรติ (ซ้ายสุด) กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิศวภัทร์ จำกัด ผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก

ได้เข้าตรวจความคืบหน้าการก่อสร้าง โครงการซัมเมอร์เซ็ต รามา 9 บางกอก ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยรูปแบบเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ภายใต้การร่วมทุนกับ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด แบรนด์เซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ ที่ได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงระดับโลก  ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสูง ย่านพระราม 9 ใจกลางย่านธุรกิจแห่งใหม่ หรือ New CBD โดดเด่นด้วยห้องพักที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเหมือนอยู่บ้าน มีพื้นที่ครัวและพื้นที่ที่เชื่อมต่อของห้องพัก (Connecting Room) เพื่อรองรับกับจำนวนสมาชิกครอบครัวของผู้พักอาศัย มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย โดยขณะนี้การก่อสร้างโครงการมีความคืบหน้าเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนมกราคม 2563

ข้อมูลโครงการ ซัมเมอร์เซ็ต รามา 9 บางกอก (Somerset Rama 9 Bangkok)

ตัวโครงการเป็นที่พักอาศัยรูปแบบเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ จำนวน 1 อาคาร สูง 35 ชั้น มีจำนวน 445 ห้องพัก มาพร้อมพื้นที่ร้านค้าและพื้นที่จัดประชุม  ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสูงานพระราม 9 ที่ถือเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ New CBD เดินทางสะดวกสบาย ห่างเพียง 100 เมตร จากรถไฟฟ้า MRT สถานีพระราม 9 และ เพียง 200 เมตร จากรถไฟฟ้า MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ โดยสามารถเชื่อมต่อไปยัง Airport Rail Link สถานีมักกะสัน ได้เพียง 1 สถานีและไปสู่สนามบินสุวรรณภูมิได้

ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ โถงต้อนรับ, ร้านค้า, สระว่ายน้ำ,  ฟิตเนส, สวนพักผ่อน, ห้องอเนกประสงค์ต่าง ๆ, อีกทั้งโครงการยังรายล้อมไปด้วยแหล่งงาน อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาลชั้นนำ  อาทิ  AIA capital center, G Tower, Fortune Town, The 9^th tower, Central Rama9, Esplanade Cineplex, The Street Ratchada,โรงพยาบาลพระราม 9 และ โรงพยาบาลปิยะเวท เป็นต้น

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่ : โทร.02-316-2222 /  www.ananda.co.th

บริษัท คิวบ์ เรียล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาและบริหารงานโครงการ เดอะคิวบ์ ทาวน์ ลำลูกกา (The Cube Town Lamlukka) ทาวน์โฮมพรีเมียม 2 ชั้น มีทั้งแบบ 4 ห้องนอน และ 3 ห้องนอน สร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์และเข้าพักอาศัย  หรือเพื่อลงทุนอสังหาริมทรัพย์บนทำเลมีศักยภาพซอยเปียร์นนท์ ลำลูกกา คลอง 3 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีคูคต (เปิดใช้ระบบปี  2563) จัดงาน ‘Have a Very Lucky Day : ขอให้ทุกวันเป็นวันที่โชคดีที่สุด’ ระหว่างวันที่ 28-29 กันยายน 2562 ณ บริเวณหน้าสำหนักงานขายโครงการเดอะคิวบ์ ทาวน์ ลำลูกกา เชิญสัมผัสทาวน์โฮม 5 ยูนิตพิเศษ ราคาเดียวเพียง 1.92 ล้านบาท* พร้อมรับเงื่อนไขพิเศษ ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์* ยื่นกู้สินเชื่อซื้อบ้านได้ 100% เปิดให้ชมบ้านตัวอย่างและบ้านจริงในบรรยากาศสบาย ๆ รับเครื่องดื่มเย็นคลายร้อนตลอดงาน และกิจกรรมสนุก ๆ เสริมความโชคดี

เดอะคิวบ์ ทาวน์ ลำลูกกา มีแบบหน้ากว้างตั้งแต่ 4 – 5.70 เมตร ให้พื้นที่ใช้สอยรวม 100-130 ตร.ม./ยูนิต มีที่จอดรถให้ทุกยูนิต และบริเวณหน้าบ้านรับวิวมุมกว้างโปร่งสบาย ทุกหลังติดถนนเมนของโครงการที่กว้างถึง 12 เมตร ให้ความเป็นส่วนตัวทุกแปลง ดีไซน์สวยทันสมัย ใช้วัสดุคุณภาพสูง เหมาะสำหรับครอบครัวที่อยู่ร่วมกันทุกวัย ห้องนอนชั้นล่างออกแบบสำหรับผู้สูงอายุหรือห้องพักรับแขก สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางภายในโครงการ อาทิ เลนสำหรับจักรยาน (Bike Lane) ลู่วิ่งออกกำลังกาย (Outdoor Jogging Track) ห้องออกกำลังกาย (Indoor Fitness Room) สวนหย่อมบรรยากาศร่มรื่น สนามเด็กเล่น ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง

การเดินทางสะดวก เข้า/ออกโครงการได้หลายเส้นทาง อาทิ ถนนลำลูกกาเชื่อมต่อคลองลำลูกกาและถนนรังสิต-นครนายก ถนนลำลูกกาเชื่อมต่อถนนพหลโยธินและวิภาวดีรังสิต ถนนกาญจนาภิเษก (บางปะอิน-บางนา วงแหวนฝั่งตะวันออก) ใกล้หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา  สนามบินดอนเมือง กองทัพอากาศ สถานีตำรวจ และห้างสรรพสินค้า (* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)

ชมทาวน์โฮมจริงได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุด สอบถามเพิ่มเติมโทร. 1246  กดเดอะคิวบ์ ทาวน์ ลำลูกกา เว็บไซต์ www.thecube-condo.com และติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ทาง www.facebook.com/TheCubeCondominium ไลน์บริษัท : @The Cube Condo

ใครที่รู้สึกว่าทาวน์โฮม 2 ชั้นนั้นเล็กไปไม่ตอบโจทย์การใช้งานของตัวเอง วันนี้เรามีมินิพรีวิว NEO Haus Plus Nakniwat 32 (นีโอ เฮาส์ พลัส นาคนิวาส 32) โครงการ Duplex Townhome 3 ชั้นครึ่ง ในซอยนาคนิวาส 32 ห่างจากถนนนาคนิวาสเพียง 90 ม. ซึ่งจุดเด่นของถนนนาคนิวาส คือ มีถนนซอกซอยหลายเส้นที่เราสามารถใช้เป็นทางลัดไปออกยังถนนหลักได้หลายสาย ไม่ว่าจะไปเกษตร-นวมินทร์ ลาดพร้าวและประดิษฐ์มนูธรรม ทำให้เดินทางได้สะดวก หลีกหนีรถติดได้ดี

ตัวโครงการ NEO Haus Plus นาคนิวาส 32 ออกแบบมาภายใต้แนวคิด MODERNIST LIFE “ ดีไซน์ที่ตอบรับกับวิถีชีวิตคนเมือง ” โดยทำเป็นทาวน์โฮม สูง 3 ชั้นครึ่ง พร้อมทั้งยังทำ Double Volume ให้สูงถึง 5.8 ม. เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้น รับรองกิจกรรมของทุกคนในบ้าน  ซึ่งมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 196-237 ตร.ม. ค่ะ

NEO Haus Plus Nakniwat 32
(นีโอ เฮาส์ พลัส นาคนิวาส 32)

• เจ้าของโครงการ >>> NEO GROUP
• ที่ตั้งโครงการ >>> ซอยนาคนิวาส 32
• ขนาดที่ดิน >>>  217 ตารางวา
• ประเภท >>> Duplex Townhome
• ความสูง >>> 3 ชั้นครึ่ง
• จำนวนยูนิต >>>  8 ยูนิต
• แบบทาวน์โฮม >>>
  • ทาว์โฮม >>> ที่ดินขนาด 17-26 ตร.วา/ พื้นที่ใช้สอย 196-237 ตร.ม. / 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ  2 ที่จอด พร้อมทำ Double Volume สูง 5.8 ม.
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 6.99 ล้านบาท* (รีวิว ณ ก.ย. 62) 
• พิกัด GPS >>> 13.8111389,100.6106111
• เว็ปไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• ติดต่อโครงการ >>> 097-946-7995

ADDITIONAL INFO

NEO GROUP  เปิดบ้านตัวอย่างโครงการ NEO Haus Plus นาคนิวาส 32 ให้ชมกันในวันที่ 28-29 ก.ย. นี้ พร้อมทั้งในงานยังมีส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท* (เฉพาะวันงานเท่านั้น) ใครที่สนใจสามารถแวะเข้าไปชมโครงการกันได้นะคะ

LOCATION

ที่ตั้งของโครงการ นีโอ เฮาส์ พลัส นาคนิวาส 32 ตั้งอยู่ในซอยนาคนิวาส 32 ตรงเข้ามาจากหน้าปากซอยประมาณ 90 ม. ค่ะ เนื่องจากทำเลในย่านนี้มีถนนซอกซอยเยอะ ทำให้เรามีทางลัดหลากหลายทางเชื่อมออกไปยังถนนได้หลายเส้น ทั้งถนนสุคนธสวัสดิ์ที่มีทางเชื่อมออกไปยังเกษตร-นวมินทร์ หากต้องการไปถนนประดิษฐ์มนูธรรมก็มีซอยนาคนิวาส 16 ที่สามารถใช้เป็นทางลัดเลาะออกไปได้ค่ะ ส่วนคนที่อยากมาฝั่งลาดพร้าวก็เพียงตรงมาออกถนนโชคชัย 4 เชื่อมเข้าถนนลาดพร้าวได้แล้วค่ะ

สิ่งอำนวยความสะดวกในย่านนี้จะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดโชคชัย 4 ไปจนถึงศูนย์การค้าต่างๆ ที่เกาะอยู่ในเส้นถนนประดิษฐ์มนูธรรมและเส้นเกษตร-นวมินทร์ ซึ่งจะมี Central Festival Eastville, Tesco Lotus, CDC และ The Walk เกษตร-นวมินทร์

MASTER PLAN

โครงการ NEO Haus Plus นาคนิวาส 32 ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 217 ตร.วา. ลักษณะของแปลงที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส วางทาวน์โฮมออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 4 หลัง หันหน้าเข้าหากัน โดยมีถนนของโครงการตัดผ่านอยู่ตรงกลางค่ะ

EXTERIOR

รูปแบบการดีไซน์เป็นแบบโมเดิร์นเลือกใช้สีเอิร์ธโทนในการตกแต่ง พร้อมทั้งยังเน้นหน้าต่างหลายบาน เพื่อสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้ดูโปร่งโล่งและยังเพิ่มลูกเล่นเป็นระแนงเข้ามาให้ตัวบ้านดูไม่แข็งจนเกินไปอีกด้วยนะคะ

FLOOR PLAN

ดูเพล็กซ์ ทาวน์โฮมของโครงการสูง 3 ชั้นครึ่ง มีฟังก์ชั่น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ โดยชั้น 1 จะทำเป็น Double Volume สูง 5.8 เมตร และมีชั้นลอยอยู่ในส่วนนี้ ชั้น 2 ของบ้านจะเป็นพื้นที่ของห้องนอนใหญ่ ส่วนชั้น 3 จะพื้นที่ของห้องนอนเล็กในบ้านค่ะ

INTERIOR

เรานำภาพบรรยากาศภายในบ้านมาให้ชมกันแบบคร่าวๆ กันก่อนนะคะ

BOTTOM LINE

เป็นอย่างไรกันบ้างกับมินิพรีวิวโครงการ นีโอ เฮาส์ พลัส นาคนิวาส 32 ที่เรานำมาฝากกัน ซึ่งทางโครงการทำออกมาเพียง 8 ยูนิตเท่านั้น ใครที่กำลังสนใจโครงการนี้อยู่ก็ต้องรีบเข้าไปจับจองกันสักหน่อยนะคะ  ส่วนใครที่อยากชมบ้านจริงก็สามารถเข้าไปชมได้ในวันที่ 28 ก.ย. 62 เป็นต้นไปค่ะ

สำหรับคนที่กำลังหาโฮมออฟฟิศเพื่อทำกิจการหรือธุรกิจกันอยู่ วันนี้เรามีมินิพรีวิว Home Office ย่านลาดพร้าวมาฝากกันกับโครงการ นีโอ สเปซ แอท เวิร์ค (NEO SPACE @ WORK) โฮมออฟฟิศสูง 3 ชั้น จาก NEO GROUP ที่ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 41 แยก 16 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถลัดเลาะไปออกถนนได้หลากหลายเส้นสาย มีสิ่งอำนวยความสะดวก ศูนย์การค้ารายล้อมอยู่ พร้อมทั้งห่างจาก MRT ลาดพร้าวประมาณ 2 กม.

ตัวโครงการ NEO SPACE @ WORK เป็นโฮมออฟฟิศสูง 3 ชั้น ที่มาภายในใต้แนวคิด GREAT COMBINATION  โดยมีการดีไซน์โฮมออฟฟิศออกมาให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Work / Life / Balance อย่างลงตัว ฟังก์ชั่นภายในมี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 4-6 ที่จอดรถ และยังออกแบบให้ห้องอเนกประสงค์ให้มีโถงสูง 5.7 ม.อีกด้วย

นีโอ สเปซ แอท เวิร์ค
(NEO SPACE @ WORK)

• เจ้าของโครงการ >>> NEO GROUP
• ที่ตั้งโครงการ >>> ซอยลาดพร้าว 41 แยก 16
• ขนาดที่ดิน >>>  500 ตารางวา
• ประเภท >>> Home Office
• ความสูงอาคาร >>> 3 ชั้น
• จำนวนยูนิต >>> 15 ยูนิต
• แบบโฮมออฟฟิศ >>>
  • Home Office >> ขนาดที่ดิน 27-43 ตร.วา / พื้นที่ใช้สอย 230-300 ตร.ม. /  ฟังก์ชั่น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 4-6 ที่จอดรถ และมีห้องอเนกประสงค์ทำโถงสูง 5.7 ม.
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 8.99 ล้านบาท* (รีวิว ณ ก.ย. 62)
• พิกัด GPS >>> 13.8107222,100.5853056
• เว็ปไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• ติดต่อโครงการ >>> 097-946-7995

ADDITIONAL INFO

โครงการ NEO SPACE @ WORK จะเปิดโฮมออฟฟิศตัวอย่างให้ชมกันในวันที่ 28-29 ก.ย. นี้ พร้อมส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท* เฉพาะวันงานเท่านั้นนะคะ ใครที่สนใจแวะเข้าไปชมและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกันได้

LOCATION

ตัวโครงการ นีโอ สเปซ แอท เวิร์ค ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 41 แยก 16 ถึงจะเป็นซอยย่อยขนาดเล็กแต่ก็มีข้อดีที่สามารถลัดเลาะไปออกยังถนนอื่นๆ ได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนลาดพร้าว ถนนรัชดาภิเษกและถนนลาดพร้าววังหิน จัดได้ว่าเป็นเส้นทางที่หลีกหนีรถติดได้ดีทีเดียว ใครที่ต้องการใช้รถไฟฟ้าก็มี MRT ลาดพร้าวอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2 กม. ส่วนในอนาคตก็รถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีจันทรเกษมอยู่ใกล้กับโครงการมากที่สุดค่ะ

เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกในย่านนี้ก็ถือว่าอุดมสมบูรณ์มีตั้งแต่ร้านค้าระดับชุมชนไปจนถึงศูนย์การค้าต่างๆ อย่าง  Central ลาดพร้าว, Union Mall, Major รัชโยธินและตลาดโชคชัย 4

MASTER PLAN

โครงการ NEO SPACE @ WORK  มี Home Office ทั้งหมด 15 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 500 ตร.วา โดยมีการจัดวางอาคารให้หันไปทางทิศเหนือและทิศตะวันออก ทำให้หน้าบ้านไม่โดนแดดตลอดทั้งวัน

EXTERIOR

Home Office ของที่นี่จะดีไซน์มาในสไตล์โมเดิร์น บริเวณชั้นบนจะได้หน้าต่างบานใหญ่ทำให้ภายในบ้านดูโปร่งและโล่งขึ้น นอกจากนี้ทางโครงการก็ติดตั้งระแนงเพิ่มเติมให้ด้วย เพื่อลดแสงแดดและไอความร้อนที่เข้ามาในบ้านมากเกินไป

FLOOR PLAN

โครงการ นีโอ สเปซ แอด เวิร์ค ทำแบบ Home Office ให้มีพื้นที่ใช้สอย 230-300 ตร.ม. ฟังก์ชั่นภายในมี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และที่จอดที่สามารถจอดได้สูงสุดถึง 6 คัน ชั้นล่างจะเป็นพื้นที่ Service area  ส่วนชั้นบนจะเป็นฟังก์ชั่นใช้สอยอย่าง ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องอเนกประสงค์ที่ทางโครงการทำโถงสูงถึง 5.7 ม

BOTTOM LINE

เป็นอย่างไรกันบ้างกับโครงการ NEO SPACE @ WORK หวังว่าจะถูกใจใครหลายๆ คนที่กำลังมองหา Home office พื้นที่กว้างๆ สักหลังในย่านลาดพร้าวนะคะ หากใครอยากชมโครงการก็สามารถเข้าไปได้ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 62 เป็นต้นไป