หลังจากบทความก่อน เราพาไปดูทำเลและข้อมูลเบื้องต้นของโครงการ Life 1 Wireless (คลิกอ่าน พรีวิว Life 1 Wireless ) หลังจากเปิดสำนักงานขาย ทางทีมงานเลยแวะเข้าไปชมห้องตัวอย่าง และเขียนรีวิวฉบับเต็มให้อ่านกัน โดยจะขอเน้นหนักไปที่ตัวโปรดักส์ของ ไลฟ์ วัน ไวร์เลส กันค่ะ
สำหรับ Life 1 Wireless นี้เป็นคอนโดที่เลื่อนเปิดมาจากปีก่อน (59) เป็นคอนโดสูง 43 ชั้น 1 อาคาร จาก AP ตั้งอยู่บนถนนวิทยุช่วงแยกเพลินจิต-ถนนเพชรุบรี มีระยะห่างจาก BTS เพลินจิต และ Central Embassy ประมาณ 600 เมตร รูปแบบห้องพักอาศัยจะมีให้เลือก 3 แบบ ทั้งสตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ขนาดตั้งแต่ 24 – 63 ตร.ม. ราคาเฉลี่ยประมาณ 170,000 บาท/ตร.ม. สำหรับแบรนด์ Life ต้องถือว่าทำราคา New high ของแบรนด์ ซึ่งก็เป็นปัจจัยมาจากเรื่องของทำเลที่อยู่ใจกลางเมือง และราคาที่ดินที่แพงขึ้นนั่นเองค่ะ แต่ทั้งนี้พอราคาอัพขึ้น รายละเอียดต่างๆ ในโครงการ ทั้งเรื่องการออกแบบและ branding ก็มีการปรับตัวตามไปด้วยเช่นกันค่ะ
รายละเอียดอื่นๆ จะเป็นอย่างไรนั้น เลื่อนลงไปดูด้านล่างเลยค่ะ
พรีวิวทำเลโดยละเอียดสามารถย้อนไปอ่านได้ที่นี่ >>> Life 1 Wireless
เริ่มจากข้อมูลเบื้องต้นของโครงการกันก่อน
Life One Wireless
(ไลฟ์ วัน ไวร์เลส)
- เจ้าของโครงการ >> บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MEC)
- ที่ตั้งโครงการ >>> ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
- ขนาดที่ดิน >>> 4 – 2 – 47.1 ไร่
- จำนวนชั้นและจำนวนอาคาร >>> อาคารชุดพักอาศัย สูง 43 ชั้น 1 อาคาร
- ประเภทห้องและขนาดห้อง >>>
- แบบสตูดิโอ 24 – 28 ตารางเมตร
- แบบ 1 ห้องนอน 35 – 45 ตารางเมตร
- แบบ 2 ห้องนอน 63 ตารางเมตร
- จำนวนยูนิต >>> ห้องพักอาศัย 1,344 ยูนิต 2 ร้านค้า
- ที่จอดรถ >>> 566 ไม่รวมซ้อนคัน
- ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 4.9 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> 170,000 บาท/ตร.ม.
- พิกัด GPS >>> 13.747973, 100.548928
- คาดว่าแล้วเสร็จ >>> ปี 2563
- เว็บไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
- เบอร์ติดต่อ >>> 1623 / 0-2261-2518
พร้อมเปิดจอง 27 และ 29 ก.ค. นี้
-
ลงทะเบียน รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท >>> https://goo.gl/RaLDTs
- iBooking (จองออนไลน์) >>> https://ibooking.apthai.com/th/
((จำนวน 3 ชั้น คือ ชั้น 11 , 22 , 36))
ทดสอบก่อนจองจริง : วันพฤหัสที่ 20 ก.ค. 2017 เวลา 9.00 – 17.00 น.
จองจริง : วันพฤหัสที่ 27 ก.ค. 2017 เวลา 20.00 – 24.00 น.
- Presales >>> วันเสาร์ที่ 29 ก.ค. 2017 เวลา 9.00 – 18.00 ณ Sales Gallery Life 1 Wireless ซึ่งเตรียมห้องไว้กว่า 800 ยูนิต
เอพีการันตีราคาขายทั้งโครงการเฉลี่ยต่อตารางเมตร 170,000 บาทเท่ากันหมดทุกรอบ และมีครบทั้งห้องวิวสวย ไซส์ทุกแบบทั้งสตูดิโอขนาด 24 – 28 ตารางเมตร, ห้องชุด 1 ห้องนอนขนาด 35 – 45 ตารางเมตร และห้องชุด 2 ห้องนอนขนาด 63 ตารางเมตร
ที่ตั้งโครงการ
ขอ wrap-up เรื่องที่ตั้งของคอนโด Life 1 Wireless ก่อนคร่าวๆ สักเล็กน้อยนะคะ คอนโด Life 1 Wireless ตัวนี้ตั้งอยู่บนถนนวิทยุช่วงอยู่ระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนเพชรบุรี โดยจะใกล้กับฝั่งเพชรบุรีมากกว่า ที่ดินติดกับคลองแสนแสบและสะพานวิทยุเลย ดังนั้นจึงใกล้กับท่าเรือสะพานวิทยุด้วย ถนนวิทยุหน้าโครงการจะกว้าง 4 เลน เป็นถนนบังคับวิ่งทางเดียว (One Way) ไปทางถนนเพชรบุรี ซึ่งต่างกับถนนวิทยุช่วงที่อยู่ระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 ที่จะเป็นถนนกว้าง 8 เลน มีต้นไม้เกาะกลางและขับสวนกันได้ปกติค่ะ
บรรยากาศและเส้นทางต่างๆ อ่านย้อนหลังได้ที่นี่ >> พรีวิวทำเล Life 1 Wireless
(กดดูแผนที่ใหญ่ได้นะคะ)
เริ่มเปิดประตู ไปดูในโครงการ
บรรยากาศหน้าสำนักงายขาย ตั้งอยู่บนที่ดินโครงการ Life One Wireless เลย ปัจจุบันด้านข้างมีร้าน FamilyMart ด้วย ถนนด้านหน้าที่เห็นจะเป็นถนนสาธารณะเชื่อมถนนวิทยุไปยังท่าเรือสะพานวิทยุค่ะ
ผนัง Sales Gallery ตกแต่งด้านหน้าด้วยกราฟิกรูปใบโพธิ์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมากจากต้นโพธิ์ใหญ่ที่มีอยู่ในที่ดินเดิม กราฟิกลายใบโพธิ์นี้จึงถูกลดทอนรายละเอียดและเอามาตกแต่งส่วนต่างๆ ภายในโครงการด้วย เก๋ดีค่ะ ดูมี Details และที่มา
ด้านหน้าเป็นถนนวิทยุบังคับวิ่งทางเดียว ไปทางถนนเพชรบุรี คือวิ่งไปทางขวามือ ตึกฝั่งตรงข้ามเป็นนายเลิศ ทาวเวอร์ สูง 10 ชั้น ทางเท้าด้านหน้ามีต้นไม้ขนาดใหญ่ร่มรื่นดี
ที่ดินโครงการจะอยู่ติดกับคลองแสนแสบ ฝั่งตรงข้ามคลองเป็นคอนโดวิทยุคอมเพล็กซ์ ตึกสีขาว สูง 38 ชั้นและโรงแรม Adriatic Palace (ที่เห็นกระจกสีน้ำเงิน) สูง 33 ชั้น
โครงการอยู่ติดเชิงสะพานวิทยุพอดีด้วย ดูจากฝั่งตรงข้ามจะเห็นชัดขึ้น
ภายในสำนักงานขายจะตกแต่งด้วยโทนสีขาว ตัดด้วยเส้นสายสีดำและสีทอง ซึ่งจะเป็นสีหลักที่ใช้ในการออกแบบอาคาร ส่วนรูปลักษณ์จะเป็นสไตล์ “Modern Thai Colonial” มีกลิ่นอายของตะวันตกผสมกับงานสถาปัตย์แบบไทยๆ ออกแนวร่วมสมัย โทนสีสะอาดตา
โต๊ะกลางอยู่ตรงกับโคมไฟระย้ากลางห้องพอดี
ด้านหลังเป็นเคาน์เตอร์ต้อนรับ สีทอง ผิวสัมผัสเน้นวัสดุมันวาว เพิ่มความหรูหรา ผนังตกแต่งด้วยกระจกเงา ดูบริ้งๆ เข้าไปอีก
มีโซฟารับรองลูกค้าอยู่รอบๆ ค่ะ
ถัดเข้ามาจะเป็นทางเดินไปยังห้องตัวอย่าง
ทางเดินหน้าห้องตัวอย่างยังคงเป็นสีขาวล้วน มีตกแต่งขอบฝ้าขอบผนังเป็นบัว
ดูผังโครงการ ตำแหน่งการเข้าถึง
ซูมออกมาดูเพื่อนบ้านรอบๆ โครงการ Life 1 Wireless โดยเฉพาะตึกสูงที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อจะได้เห็นตำแหน่งห้องต่างๆ ของโครงการกันให้ชัดเจนขึ้น ว่าตำแหน่งไหนโล่ง ตำแหน่งไหนมองเห็นโครงการข้างเคียงนะคะ … ตัวผืนที่ดินของ Life One Wireless นั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ทิศเหนือติดกับคลองแสนแสบฝั่งตรงข้ามเป็นคอนโดวิทยุคอมเพล็กซ์สูง 38 ชั้นและโรงแรมอะเดรียติคพาเลซ สูง 33 ชั้น ทิศตะวันออกติดกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทิศใต้ติดกับกลุ่มทาวน์โฮมในซอยสูง 2 – 3 และตึกแถวสูง 4 ชั้น ส่วนทิศตะวันตกหรือด้านหน้าโครงการจะติดกับถนนวิทยุ ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกนายเลิศ ทาวเวอร์ สูงประมาณ 10 ชั้นและมีส่วนของอาคารไล่ระดับสูง 1 – 3 ชั้นอยู่ด้านข้าง ในภาพรวมของที่ดินมีแค่ทิศเหนือและทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่มีตึกสูง บางห้องจะมีโดนบล็อกวิวบ้าง ต้องเล็งกันดีๆ นะคะ
ซึ่งจากเหตุผลเรื่องการพยายามวางตำแหน่งของห้องพักในหลบมุมมองกับอาคารสูงข้างเคียง ทำให้คอนโด Life One Wireless เลยออกแบบแปลนชั้นพักอาศัยเป็นรูปตัว Z ที่เส้นสายไม่ได้ตั้งฉากหรือขนานไปกับเส้นขอบที่ดินเลย เพื่อวางแปลนให้หลบตึกสูงรอบๆ ให้ได้เยอะที่สุด เปิดมุมมองให้กว้าง และด้านไหนหันไปเจออาคารสูงก็จะขยับร่นเข้ามาอีก เพื่อให้มีระยะห่างระหว่างตึกข้างเคียงมากขึ้นไม่อึดอัดค่ะ ซึ่งก็ออกแบบแก้ปัญหาเรื่องมุมมองออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว
ด้วยรูปแบบของแปลนที่แปลกตา ทำให้ห้องแต่ละตำแหน่งได้มุมที่แตกต่างกันนะคะ สรุปให้ดูกันอย่างละเอียดว่ามุมไหนเห็นอะไร
ห้องที่อยู่ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ (1), (5) ฝั่งนี้จะค่อนข้างโล่ง มองเห็นวิวไปทางโรงแรมปาร์คนายเลิศ, สถานฑูตอังกฤษ และ Central Embassy (แต่สถานฑูตก็ขายให้กับ Central ไปแล้ว) อนาคตคงจะเป็น Shopping Mall ของทาง Central นั่นเอง ส่วนห้องที่หันเข้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (2) จะได้วิวไปทางคอนโดวิทยุคอมเพล็กซ์ วิวด้านนี้จะไม่เคลียร์โดนบล็อกบางส่วน แต่ก็จะมีระยะร่นจากเขตที่ดินเข้ามาเยอะประมาณ 80 เมตร และมองทำให้เห็นพื้นที่สวนเยอะ และไม่ร้อนค่ะ ถือว่า trade-off แลกกันไป
ส่วนห้องที่อยู่ถัดมาหลังโครงการหน่อย (4) จะพ้นตึกสูงจึงไม่มีอะไรมาบัง ได้วิวไปทางพิเศษเฉลิมมหานคร, Airport Rail Link, ระยะไกลๆ ก็ไม่มีตึกสูงอะไร แต่ถ้าเลือกชั้นที่สูงพอๆ กับทางด่วนประมาณชั้น 7 – 10 คงได้ยินเสียงรถบ้างค่ะ อาจจะเลือกชั้นสูงไปเลยหรือต่ำลงเป็นชั้น 4 หันเข้าสวนในโครงการจะดีกว่า ทั้งนี้ห้องฝั่งนี้เย็นสบายกว่าด้านอื่นๆ เพราะไม่โดนแดดบ่ายเลย
ต่อไปห้องที่หันเข้าทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (3) ก็มาในลักษณะเดียวกับ (2) คือหันไปเจออาคารวานิชสูง 42 ชั้น แต่มีระยะห่างมากถึง 150 เมตร เลยคิดว่าไม่อึดอัดแล้วแหละ และเห็นพื้นที่สวนเยอะด้วย … สุดท้ายเป็นกลุ่มห้องที่หันเข้าทิศตะวันออกเฉียงใต้ (6) หันเข้าหาทางพิเศษเฉลิมมหานคร และบ้านเรือนในซอยสุขุมวิท, นานา มีข้อดีตรงที่ได้สวนชั้น 10 ช่วยเพิ่มทำให้บรรยากาศให้ดูดีขึ้น และห่างจากทางด่วนมากกว่า (4) ค่ะ
ทิศทางแดด ฝั่งไหนร้อน? ฝั่งไหนร่ม?
เราเห็นตึกสูงรอบๆ Life 1 Wireless ที่มีผลกับวิวเราไปบ้างแล้ว ทีนี้มาดูทิศแดดกันต่อ ไล่ไปจากทิศที่สบายที่สุดคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (2) ค่อนข้างสบายแดดไม่ร้อนตลอดทั้งวัน และอยู่หลบมุมเข้ามาด้านในมีพื้นที่สวนด้านหน้าเยอะอีกด้วย รองลงมาเป็นห้อง (4) ที่หันเข้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือเหมือนกัน แต่อยู่ริมอาคารเลยเปิดมุมมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและได้แดดยามเช้าด้วยค่ะ
ด้านห้องทิศตะวันตกเฉียงเหนือนั้น (3) เช้า-บ่ายไม่ร้อนเลย จะไปร้อนหน่อยๆ ช่วงบ่ายเย็นๆ ก็เท่านั้น เนื่องจากอยู่หลบมุมเข้ามาด้านใน มีปีกอาคารด้านหน้าช่วยบังแดดบ่ายให้ด้วย …. ช่วงเที่ยงๆ-บ่ายๆ ห้องฝั่งทิศใต้จะร้อนกันหมด ทั้ง (5) (6) และ (1) เพราะว่าแดดอ้อมใต้ แถมฝั่งนี้ไม่มีตึกสูงใกล้ๆ ด้วย ได้รับแดดไปเต็มๆ แลกกับวิวเมือง เป็น City View ทางสุขุมวิท เป็นวิวเปิดโล่งไม่มีตึกสูงบัง หากร้อนก็แก้โดยการติดม่านและฟิล์มเพิ่มเอาเนอะ หรือจะมองว่าตากผ้าแห้งเร็วก็ได้ ^^”
พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร
Facilities ของคอนโด Life 1 Wireless จะกระจายอยู่ตามชั้นต่างๆ ที่ชั้น 1, ชั้น 10, และชั้น 42-43 ค่ะ ชั้นล่างสุดจะมีสวนสาธารณะเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ภายในอาคารมีพื้นที่โถง Lobby, Co-Working Space, Library ชั้น 10 เป็นสวนลอยฟ้า ชั้น 42 เป็นสวน, ห้องทำงาน, ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า, ซาวน่า และชั้น 43 มีห้องฟิตเนส และสระว่ายน้ำค่ะ
สำหรับสัดส่วนการใช้งานนั้น ลิฟต์จะได้แบบล็อคชั้น สัดส่วนลิฟต์โดยสาร 7 ตัว กับ 1,344 ยูนิต ลิฟต์บริการ 1 ตัว เฉลี่ยออกมาได้ 192 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว ถือความหนาแน่นถือว่ากลางๆ จอดรถได้ที่ชั้น 1-9 โดยชั้น 4 – 9 จะมีส่วนของยูนิตพักอาศัยปนอยู่ด้วย รวมแล้วจอดได้ 566 คัน หรือ 42% (ไม่รวมที่จอดรถซ้อนคัน) ก็ถือว่าพอใช้ได้สำหรับคอนโดที่ไม่ได้อยู่ไกลจากรถไฟฟ้ามากนัก
นอกจากพื้นที่ส่วนกลางที่จัดมุมสวยให้หลายมุมแล้ว ยังจัดเทคโนโลยีต่างๆ ให้ด้วย เช่น มี wi-fi ในทั้งในอาคารและในสวน จะได้ใช้เน็ตกันได้อย่างเต็มที่, มีโดมเก็บเสียงเหนือโต๊ะทำงานตามพื้นที่ Co-Working ต่างๆ เพื่อให้เสียงไม่รบกวนกับโต๊ะข้างๆ, มี CoCoon เก็บเสียง ที่สามารถนั่งฟังเพลง อ่านหนังสือได้เป็นส่วนตัวมากขึ้นแม้จะอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง และมี Application ในมือถือ ที่สามารถจองใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้ จะใช้สแกนเข้าอาคาร หรือเปิดปิดไฟฟ้าในห้องพักบางอย่างก็ได้เช่นกันค่ะ
เริ่มจากดูแปลนชั้นล่างกันก่อน สวนสาธารณะจะอยู่ฝั่งทิศเหนือหันเข้าคลองแสนแสบ ตั้งชื่อว่า “ONE WIRELESS BOTANY” ประกอบไปด้วยทางเดินในสวน, บ่อน้ำ, ที่นั่งพักผ่อน, พื้นที่อเนกประสงค์, Sunken Seat ในสวน, ศาลาในสวน, ลานว่างทำกิจกรรมต่างๆ ในสวน
ภายในอาคารไล่ไปจากจุด Drop-Off ที่เปิดวิวเข้าหาสวน แต่ยังเข้าสวนจากตรงนี้ไม่ได้เพื่อความปลอดภัย พอเข้าอาคารจะเจอกับส่วน Semi Outdoor Lobby ที่อยู่ติดกับร้านค้า ถัดเข้าไปเป็นห้องนิติบุคคลและห้องจดหมาย จากนั้นจะเป็นโถงลิฟต์ชุดแรกและถึงจะเข้าโถง Lobby ตรงกลาง ภายในมีพื้นที่นั่งเล่น Sunken Seat และ Library เปิดวิวเข้าไปยังสวน ส่วนพื้นที่ด้านหลังอาคารจะเป็นที่จอดรถขนาดใหญ่ จอดได้ตั้งแต่ชั้น 1 – 9 ค่ะ แต่ห้องพักอาศัยจะเริ่มมีตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไป ดังนั้นห้องพักชั้น 4 – 9 จะมีบางส่วนอยู่รวมกับที่จอดรถด้วย
ชั้น 10 มีสวนจะอยู่ฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีทั้งบ่อน้ำ ลานกว้าง และศาลานั่งเล่นพักผ่อน

ส่วนกลางต่อไปจะอยู่ที่ชั้น 42 มีสวนที่ออกแบบให้เล่นระดับเป็นขั้นบันไดเชื่อมกับชั้น 43 ได้ มี Vista Terrace สะพานกระจกที่ยื่นออกไปจากตัวอาคารให้ไปหวาดเสียวเล่นๆ มีลานกิจกรรมอเนกประสงค์ และมุมพนักพิงตาข่ายใต้ต้นไม้สามารถลงไปนอนเล่นได้ ส่วนภายในอาคารโครงการนี้จะมี Storage ให้ลูกบ้านเอาของมาฝากเก็บได้ด้วย เช่น จักรยาน ส่วนนี้ตต้องติดต่อกับนิติบุคคลเอา อีกฝั่งนึงของอาคารจะมีมีห้อง Co-Working Space และ Sky Bar

สุดท้ายคือชั้น 43 หรือชั้นดาดฟ้า มีสระว่ายน้ำระบบเกลือ ยาว 35 เมตร และมีบ่อ Jacuzzi ภายในสระ 3 จุด อีกฝั่งนึงจะเป็นที่นั่งพักริมสระว่ายน้ำและห้องฟิตเนสค่ะ
ด้านหน้าโครงการจะเป็นรั้วยาวตลอดถนนสาธารณะ รั้วค่อนข้างมิดชิดทำให้ผู้อยู่อาศัยเป็นส่วนตัวมาก
พอขับเข้ามาด้านในจะมีวงเวียน Drop-Off สามารถมาวนส่งผู้โดยสารได้ มีลานน้ำพุวงกลมตรงกลางดูแกรนด์ดี ด้านบนมีโคมไฟวงกลม ดีไซน์ให้เหมือนเป็นใบโพธิ์เรียงลงมา เป็นรูปทรงเดียวกับน้ำพุด้านล่าง มองไปสุดทางจะเห็น Background เป็นสวนภายในโครงการ แต่เข้าจากตรงนี้ไปไม่ได้นะคะ
บริเวณโถงตรงกลางจะมีพื้นที่ Sunken Seat Area เป็นพื้นที่ Semi-Outdoor นั่งชมวิวสวน งาน Interior คุมโทนสีขาว พื้นและผนังลายหินอ่อนดูหรูหรา
ถ้ามองออกมาโถงจะเห็นวิวสวนที่อยู่ด้านข้างแบบนี้ ซึ่งโครงการนี้โชคดีตรงที่มีต้นไม้ใหญ่เดิมอยู่ในพื้นที่ด้วย เลยจะได้ต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่นหลายต้น และยังถมทำเบิมดินขึ้นมาเป็นเนินตามแนวคลองแสนแสบ ทำให้เห็นเป็นเนินหญ้า ซึ่งการที่อยู่ในสเปซที่มีเบิมหญ้าโอบล้อม ก็น่าจะช่วยให้รู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น และน่าจะช่วยลดเสียงของเรือโดยสารจากคลองแสนแสบได้ส่วนหนึ่งด้วยค่ะ
หากมองจากสวนเข้าหาตัวอาคารจะเห็นว่าชั้นล่างยกฝ้าสูงมาก และมีฟินสีทองลายใบโพธิ์ตกแต่งอยู่ ช่วยกรองแสงแดดเข้าสู่อาคารและเพิ่มความงามด้วย
ภายในสวนสาธารณะโครงการนี้ค่อนข้างจัดเต็ม เพราะเป็น 1 ใน Concept ต้องการให้คอนโดนี้เป็นเหมือน Oasis เลยมีทั้งสวนและบ่อน้ำค่ะ ของจริงจะเขียวชอุ่มอย่างนี้มั้ยนะ
ชั้น 10 มีสวนชื่อว่า “CASCADE GARDEN” เข้าได้จากทางโถงลิฟต์ ลูกศรสีชมพู อย่างเดียวค่ะ ภายในมีทั้งสวน, บ่อน้ำ, มีลานปาร์ตี้, ศาลาสำหรับ 10 – 16 คนและ Sunken Seat
ถ้าเข้ามาจากโถงลิฟต์จะเข้ามาเจอบ่อน้ำ ที่ตกแต่งด้วยหินธรรมชาติ
ติดๆ กันเป็นลานว่างในสวนที่มีเล่นระดับ และศาลานั่งเล่นอยู่ติดรั้ว รอบๆ จะปลูกพุ่มไม้เยอะหน่อยเพราะต้องใจให้ช่วยบังวิว กรองเสียงและควันจากทางด่วนด้วยค่ะ
สวนชั้น 42 ตั้งชื่อว่า “High Garden Promenade” ออกแบบให้เป็นขั้นบันได เลือกนั่งเล่นกันได้ตามใจชอบแบบไม่บังวิวกัน มีขึงตาข่ายให้ลงไปนั่งเล่นด้วยนะ
ภาพรวมของชั้น 42 และ 43 จะต่อเนื่องกันค่ะ เดินทะลุขึ้นไปยังสระว่ายน้ำได้
ส่วนมุมนี้จะมองเห็นไปถึงห้องฟิตเนสและ Outdoor Sky Bar ที่ทางขวามือด้วย
สระว่ายน้ำชั้น 43 ระบบเกลือ มองเห็นวิวในเมืองได้รอบ
เป็นสระที่เหมาะกับการว่ายน้ำออกกำลังกาย หรือแช่ตัวเล่นๆ เพราะมีความยาว 35 เมตร และมีบ่อ Dazzling Pool (Jacuzzi) เป็นหลุมลงไปในสระให้ด้วยค่ะ ส่วนพื้นสระก็ไม่ธรรมดา มีติดไฟใต้น้ำเพิ่มดูระยิบระยับสวยงามขึ้น
อีกฝั่งนึงของสระจะเป็นสระเด็ก และมีโซนน้ำพุ
กลับมาที่ชั้น 42 อีกทีนึงค่ะ ชั้นนี้ภายในอาคาร มี Co-Working Space, Social Lounge เห็นในวิวมุมสูง และมีโดมครึ่งวงกลมเหนือโต๊ะ เชื่อมต่อกับ Bluetooth ได้ โครงการเคลมว่าเจ้าโดมนี้จะช่วยให้เสียงก้องอยู่ภายในเฉพาะบริเวณ ไม่กระจายออกไปรบกวนสเปซส่วนอื่นๆ ค่ะ
บางส่วนก็กั้นผนังให้เป็นสัดส่วน
พื้นที่ Outdoor Sky Bar ฝ้าสูง Double Floor เป็นแบบกึ่ง Outdoor จัดปาร์ตี้นั่งชมวิวได้ สเปซตรงนี้ของจริงน่าจะงาม
และห้องน้ำ, ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและห้องซาวน่าแยกชายหญิง ก็ตกแต่งออกมาสไตล์เดียวกันหมด
บริเวณ Locker เก็บของ โดยรวมแล้วทำออกมาได้หรูหราสวยงามและน่าใช้งานค่ะ
เปิดผังคอนโด Typical Floor Plan
ทีนี้เรามาดูการเข้าถึง และแปลนห้องพักชั้นต่างๆ ของ Life 1 Wireless ว่ามีห้องแบบไหนอยู่ตรงไหนกันบ้าง
Master Plan คอนโด Life 1 Wireless
ทางเข้าโครงการหาเดินจะสามารถเดินตรงเข้ามาได้เลยตามลูกศรสีฟ้า ถ้าเป็นรถต้องวนอ้อมหน่อยตามลูกศรสีเขียว ผ่านช่วงถนนสาธารณะที่ทาง AP ตัดที่ดินยกให้ไป เพื่อทำทางเข้าออก ถนนดูหักศอกเหมือนกัน เลี้ยวขวาแล้วต้องเลี้ยวซ้ายอีกครั้งก่อนเข้าสู่ที่ Drop-Off วงกลม โดยสามารถวนส่งคนแล้วออกไปได้ตามลูกศรสีแดง ส่วนลูกบ้านจะขับเข้าที่จอดรถ ก็ขับตรงตามลูกศรสีเหลืองไปเข้าที่จอดรถด้านหลังโครงการได้เลย ซึ่งลักษณะของการวางถนนในโครงการจะพยายามจะรวบเอาไว้ฝั่งทิศใต้ฝั่งเดียว เพื่อที่ฝั่งทิศเหนือจะจัดเป็นสวนได้เต็มที่
Typical Floor Plan ชั้น 14 – 32
คอนโด Life One Wireless
ตำแหน่งห้องต่างๆ ขออธิบายอย่างละเอียดที่ Typical Floor Plan ชั้น 14 – 32 เป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยอยู่ทั้งหมด 39 ห้อง ในแต่ละชั้นจะมีห้องครบทุกแบบให้เลือกเลย แต่ละทิศมีห้องแบบต่างๆ ไม่เหมือนกันค่ะ
แบบห้อง Studio ขนาด 24 ตร.ม., แบบ 1 ห้องนอน 38 ตร.ม. และแบบ 1 ห้องนอน 45 ตร.ม. จะมีเพียงชั้นละ 2 ห้องเท่านั้น ส่วนแบบ 38, 45 ตร.ม. จะอยู่หัวมุมอาคารมองเห็นวิวได้โล่งๆ แต่สตูดิโอนี่จะอยู่ตามมุมอาคารเลยเห็นวิวไม่เต็มที่เท่าไหร่ เรียกว่าเป็นห้องที่เอาไว้ทำราคาขายนั่นเองค่ะ
ห้องแบบ 2 ห้องนอน 63 ตร.ม. มีชั้นละ 3 ห้อง กระจายอยู่ตามมุมอาคารต่างๆ เช่นกัน ห้องลักษณะนี้จะได้หน้าต่างเข้ามุมและได้วิวสองฝั่ง และห้องส่วนใหญ่ในโครงการก็นั้นจะเป็นแบบสตูดิโอ 28 ตร.ม. และ 1 ห้องนอน 35 ตร.ม. มีจำนวน 10 และ 20 ห้องตามลำดับ ห้องตัวอย่างเลยมีให้ดูแค่ขนาด 28 และ 35 ตร.ม. ค่ะ
แปลนห้องดีไหม?
แปลนของคอนโด Life One Wireless จะมีทั้งแบบสตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอนค่ะ แต่จะละแบบแยกย่อยเข้าไปอีกหลายขนาด อย่างแบบสตูดิโอขนาด 24 และ 28 ตร.ม. ฟังก์ชั่นภายในห้องจะเหมือนกันเลย เพียงแต่ตัวห้องยาวขึ้นตามพื้นที่ ส่วนห้องขนาด 38 , 45 , 63 ตร.ม. ที่แบ่งย่อยมีหลาย Type แปลนจะมีสัดส่วนห้องการแบ่งห้องต่างกันบ้าง เนื่องจากตำแหน่งของห้องนั่นเอง แต่หลักๆ ก็จะได้ฟังก์ชั่นคล้ายกัน วัสดุภายในห้องก็เหมือนกันค่ะ
- แบบสตูดิโอ
- Type 24A – 24 ตารางเมตร
- Type 28A – 28 ตารางเมตร
- แบบ 1 ห้องนอน
- Type 35A – 35 ตารางเมตร
- Type 38A / Type 38B / Type 38C / Type 38D – 38 ตารางเมตร
- Type 43 – 43 ตารางเมตร
- Type 45A / Type 45B – 45 ตารางเมตร
- แบบ 2 ห้องนอน
- Type 63A / Type 63B / Type 63C – 63 ตารางเมตร
แปลนห้องคอนโด Life 1 Wireless
แบบสตูดิโอ ขนาด 28 ตารางเมตร
แบบสตูดิโอนี้เป็นห้องไซส์ที่มีจำนวนเยอะรองลงมาจากแบบ 35 ตร.ม. แปลนห้องจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แคบและยาวเข้าไป ด้านหน้าที่ติดกับทางเข้าออกห้องจะเป็น Pantry ครัว มีห้องน้ำอยู่ติดทางเข้าห้องออกอีกฝั่ง หากอยากทำอาหารจริงจังก็สามารถกั้นประตูเพิ่มได้ค่ะ ถัดไปจะเป็นเตียงนอน ซึ่งปลายเตียงจะวางชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้าเอาไว้ ส่วนด้านในสุดจะมีสเปซไว้สำหรับนั่งเล่นและนั่งรับประทานอาหารอยู่ติดหน้าต่าง ติดกับระเบียงขนาดเล็กที่แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบน พื้นที่ใช้สอยรวมๆ ก็ลงตัวดีแบบกระชับหน่อย เป็นแปลนแบบ compact เน้นการใช้งาน
แปลนห้องคอนโด Life 1 Wireless
แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร
มาดูที่แบบ 1 ห้องนอนที่มีจำนวนเยอะสุดในโครงการ แปลนห้องหน้ากว้างมากขึ้น แต่ยังคงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า (เป็นแปลนเดียวกับที่ AP เริ่มเอามาใช้ใน Life Pinklao เป็นโครงการแรกๆ) สเปซจะถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนพื้นที่ครัว, พื้นที่นั่งเล่น, ห้องน้ำ กับส่วนของพื้นที่นอนและห้องอเนกประสงค์ เข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นต่อด้วย Pantry ที่หลบไปอยู่หน้าห้องน้ำเป็นสัดส่วน สามารถกั้นห้องเป็นครัวปิดได้ภายหลังเช่นกัน (แต่อย่ากั้นเลยค่ะ มันจะซอยห้องยิบย่อยไป) ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ภายในห้องสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้และอยู่ติดหน้าต่าง ปลายเตียงเป็นประตูเข้าห้องอเนกประสงค์ ซึ่งสามารถทำเป็นห้องแต่งตัวหรือห้องทำงานได้ค่ะ ห้องนี้จะอยู่ติดกับระเบียงด้วย
ห้องตัวอย่างมีให้ดู 2 แบบ คือ แบบห้องสตูดิโอ 28 ตร.ม. และ 1 ห้องนอน 35 ตร.ม. ห้อง Type หลักของโครงการ ความสูงฝ้าของห้องโดยทั่วไปนั้นอยู่ที่ 2.6 เมตร ห้องน้ำสำเร็จรูป ความสูงฝ้าในห้องน้ำ 2.4 ตร.ม. ห้องที่ได้จะเป็นแบบ Partially fitted คือได้เฉพาะ Pantry พร้อมเครื่องปรับอากาศเท่านั้นค่ะ
ห้องตัวอย่างคอนโด Life 1 Wireless
แบบสตูดิโอ ขนาด 28 ตารางเมตร
เมื่อเข้ามาภายในห้องแบบสตูดิโอ จะเจอกับส่วน Pantry ก่อนค่ะ พื้นที่ครัวค่อนข้างกว้างเลย ยืนทำอาหารได้สบายๆ 2 คน และห้องตัวอย่างนี้จะติดประตูบานเลื่อนกั้นส่วน Pantry ไว้เป็นตัวอย่างสำหรับคนที่อยากต่อเติมด้วย
ติดกับห้องครัวจะเป็นห้องน้ำค่ะ คุมโทนสีขาว แบ่งส่วนเปียก-แห้ง เรียบร้อย ขนาดได้มาตรฐาน หมุนตัวใช้งานได้แบบพอดีๆ
ถัดจากพื้นที่ครัวเข้ามาจะเป็นห้องนอน สามารถวางเตียง 5 ฟุต ไว้กลางห้องและยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงใส่โต๊ะทำงานอีก
อีกข้างของเตียงจะเป็นสเปซเข้ามุมติดหน้าต่าง สามารถวางโซฟาเบดหรือทำเป็นโต๊ะได้มุมนึง
เมื่อยืนอยู่ในห้องก็รู้สึกว่าห้องนอนก็กว้างดีนะ ไม่อึดอัด พื้นที่ห้องสามารถจัดเฟอร์ได้อีกหลายแบบ
ปลายเตียงทำชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้าได้
ดูฝั่งหัวเตียงอีกรอบ
พื้นที่โต๊ะทำงานข้างเตียงวางโต๊ะคอมพิวเตอร์ได้เลย
กลับมายังแพนทรี่ครัวกันอีกรอบค่ะ
ห้องตัวอย่างคอนโด Life 1 Wireless
แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร
ส่วนแบบ 1 ห้องนอนจะเข้ามาเจอกับพื้นที่นั่งเล่นก่อน ต่อด้วยห้องนอนที่กั้นด้วยประตูกระจก
ข้างๆ โซฟานั่งเล่นสามารถวางโต๊ะทำงานได้ ในห้องตัวอย่างติดกระจกเงาช่วยให้พื้นที่ตรงนี้รู้สึกกว้างมากขึ้น
ระยะดูทีวีประมาณนี้ ห้องตัวอย่างติดทีวีสูงไปหน่อย (น่าจะกะให้คนที่เดนดูห้องตัวอย่างดูได้ด้วย) ทีวีใช้จอใหญ่ได้พอสมควร
สามารถทำชั้นวางทีวีแบบ Built-in ได้นะ พื้นที่ยังพอมี แต่ความลึกจะไม่มาก ต้องพอดีกับขอบประตูด้วย เวลาเปิดประตูมาจะได้ไม่กระแทก
ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็นแพนทรี่และโต๊ะรับประทานอาหาร ของจริงไม่มีโต๊ะกินข้าวแถมมาให้ บางคนอาจจะกั้นเป็นครัวปิดแทนก็ได้
ข้างๆ แพนทรี่เป็นห้องน้ำที่แบ่งส่วนเปียก-แห้งเช่นกัน มีกระจกกั้นอาบน้ำให้
มองออกมาจากห้องน้ำมายังแพนทรี่ครัวจะเห็นหน้าต่างแคบๆ มองเห็นห้องอเนกประสงค์ด้วย
ภายในห้องนอนก็สามารถวางเตียงใหญ่ได้
และมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือๆ ประมาณ 65 ซม.
ปลายเตียงเหลือทางเดินประมาณ 45 ซม. เหมาะกับการติดทีวีที่ผนัง และมีทางเข้าห้องอเนกประสงค์
ห้องตัวอย่างนี้จะทำเป็น Walk-in Closet เก็บของได้เยอะขึ้น
อีกมุมนึงที่มีหน้าต่างมองเห็นแพนทรี่
ห้องนี้จะอยู่ติดกับระเบียงค่ะ ขนาดระเบียงกว้าง 80 ซม. ยาว 1.95 ม.
เปิดห้อง ส่องวัสดุ : Focus on “MATERIALS”
วัสดุในภาพรวมของคอนโด Life 1 Wireless ห้องที่ได้เป็นแบบ Partially Fitted มีเฟอร์นิเจอร์ให้เฉพาะแพนทรี่ครัว และเครื่องปรับอากาศแถมให้ครบทุกห้องค่ะ ส่วนพื้นฐานของห้องก็ไม้ลามิเนต ฝ้าฉาบเรียบ ผนังฉาบเรียบทาสีขาว ห้องน้ำแบบสำเร็จรูปที่เริ่มนิยมใช้กันแพร่หลายมากขึ้น ได้สุขภัณฑ์ต่างๆ เหมือนห้องตัวอย่างค่ะ
อยู่สบายแบ่งรีวิววัสดุออกเป็น 3 ส่วน คือ วัสดุครัวและส่วนเตรียมอาหาร (Pantry) , วัสดุห้องน้ำ , วัสดุทั่วไปและวัสดุปิดผิวภายในห้อง (Finishing Material) เพื่อให้ส่องกันง่ายๆเช่นเคยค่ะ
วัสดุห้องครัว / ส่วนเตรียมอาหาร (pantry)
วัสดุห้องน้ำ
วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)
ราคา ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2560
ราคาเริ่มต้น :
ราคาเริ่มต้น 4,900,000 บาท เฉลี่ย 170,000 บาท/ตร.ม
เงื่อนไขการจอง :
- เงินจอง
n/A
- ผ่อนดาวน์
n/A
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :
ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม.
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund) 500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)
Overview Summary
ด้านการเดินทาง
ถนนวิทยุด้านหน้าโครงการ Life 1 Wireless เป็นช่วงถนนวิทยุระหว่างถนนสุขุมวิท-ถนนเพชรบุรี ที่กว้าง 4 เลน และบังคับเดินรถทางเดียวไปทางถนนเพชรบุรีเท่านั้น การวนเลยรถเลยมีข้อจำกัดอยู่บ้างโดยเฉพาะตอนขาเข้าโครงการ Life 1 Wireless ค่ะ ถ้ามาจากสยามวิ่งด้วยเส้นสุขุมวิทมาเลี้ยวเข้าหน้า Central Embassy หรือวิ่งตรงมาด้วยถนนวิทยุจากพระราม 4 ก็ตรงเข้าไปได้เลยไม่มีปัญหา แต่ถ้ามาทางอโศกอย่าลืมต้องเบี่ยงขวาก่อนที่แยกนานาก่อน เพื่อจะได้เลี้ยวขวาเข้าถนนวิทยุได้ตรงแยกเพลินจิตได้ และถ้ามาจากถนนเพชรบุรีต้องขับเข้าซอยชิดลมแทน แล้ววนมาออกถนนสุขุมวิทเพื่อเข้าด้านข้าง Central Embassy อีกที ส่วนขาออกจากโครงการยังไงก็ต้องถูกบังคับออกไปถนนเพชรบุรีอย่างเดียว แล้วถ้าจะมาสุขุมวิทก็ต้องไปเข้าทางชิดลมหรือจะนานาก็แล้วแต่ค่ะ นอกจากนี้ถ้าออกไปทางเพชรบุรีก็ยังใกล้ทางขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร ด่านเพชรบุรีอีกด้วย
ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะ สามารถเดินไปยัง BTS เพลินจิตได้ในระยะ 600 เมตร ทางเดินกว้างและอยู่ในสภาพดี กว้าง มีต้นไม้อยู่ตลอดทาง ถือว่าคุณภาพของการเดินดีค่ะ หากรีบก็สามารถนั่งพี่วินมอเตอร์ไซต์ที่อยู่ซอยข้างๆ ไปก็ได้ ในราคา 10 บาท เพราะพี่วินสามารถเลี้ยวเข้าซอยนายเลิศลัดมาออกถนนสุขุมวิทได้ค่ะ หรืออีกทางนึงคือใช้บริการเรือตรงท่าเรือสะพานวิทยุได้เลยเหมือนกัน อันนี้อยู่ติดกับโครงการเลยค่ะ นั่งไปแป๊ปๆ ก็ถึงแยกเพชรบุรี-อโศก ไปต่อ Airport Rail Link มักกะสันได้อีก
ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ศักยภาพการเติบโตมีแนวโน้มไปในทางที่ดี เพราะสถานฑูตอังกฤษที่อยู่ติดกับ Central Embassy เพิ่งขายที่ดินให้กับ Central ไปในราคา 2 – 2.2 ล้านบาท/ตร.วา คาดว่าต้องกลายเป็นโปรเจ็คที่หรูหราไฮโซอีกแน่นอน ส่วนพื้นที่ของโรงแรมสวิสโซเทล ปาร์คนายเลิศบางส่วน ที่อยู่เยื้องๆ กับโครงการ Life 1 Wireless ก็เพิ่งขายให้กับเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ (BDMS) เพื่อพัฒนาเป็น ศูนย์สุขภาพแบบครบวงจร BDMS Wellness Clinic ทั้งสองโครงการดังกล่าวจะยิ่งทำให้ถนนวิทยุช่วงสุขุมวิท-เพชรบุรี ยิ่งมีมูลค่าสูงขึ้นอีกมาก อีกทั้งถนนเพชรบุรีเองข้างๆ อาคารวานิช ก็กำลังก่อสร้าง Smile Square โครงการ Mixed Use ที่มีทั้งคอนโด, สำนักงานขายและศูนย์การค้า เพิ่มความคึกคักให้กับย่านประตูน้ำด้วย
ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ
คอนโด Life 1 Wireless เป็นตึกสูง 43 ชั้น มี Concept ในการออกแบบค่อนข้างชัดเจน โดยดึงเอาจุดขายของถนนวิทยุที่เป็นถนนมีประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยร.6 จนปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสถานฑูตมากมาย เลยออกแบบอาคารที่ AP เรียกว่าสไตล์ Modern Thai Colonial เอาแนวงานสถาปัตยกรรมร่วมสมัยในสมัยรัชกาลที่ 5 – 6 ที่ได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกเข้ามาผสมกับสถาปัตยกรรมไทย แต่จะลดทอนให้มีความโมเดิร์นและทันสมัยมากขึ้น สีหลักๆ ที่จะใช้ออกแบบจึงเป็นสีขาว, สีดำ และสีทอง นอกจากนั้นพื้นที่ตั้งโครงการเดิมยังมีต้นไม้ใหญ่อยู่หลายต้น เช่น ต้นโพธิ์, ต้นหูกวาง, ต้นจามจุรี ก็ไม่ตัดทิ้ง แต่เก็บเอาไว้ และดึงเอาองค์ประกอบของใบต้นโพธิ์มาทำเป็นลายกราฟิกเพื่อตกแต่งส่วนต่างๆ ของโครงการด้วย
ส่วนการวางอาคาร ไลฟ์ วัน ไวร์เลส นั้น ทาวเวอร์จะเป็นรูปตัว Z เพื่อให้หลบมุมตึกสูงใกล้เคียงและมีหลายทิศให้เลือก ฝั่งไหนติดตึกสูงรอบๆ ก็จะ Set Back จากที่ดินเข้ามาเยอะหน่อย ทำให้มีระยะห่างมากขึ้นและมองเห็นสวนมากขึ้น เพื่อ trade-off กันไป อย่างห้องทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะหันไปเจอคอนโดวิทยุคอมเพล็กซ์ หรือด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่หันเข้าหาตึกวานิชก็จะ Set back อาคารเข้ามาเพื่อให้มีระยะห่างมากขึ้นและเห็นสวนเยอะขึ้นค่ะ
สำหรับแปลนห้องของ Life One Wireless จะมี 3 แบบให้เลือก คือ สตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน และแบ่งย่อยแต่ละแบบออกอีกเป็นหลายขนาด แต่ฟังก์ชั่นหลักๆ ก็เหมือนกัน โดยทุกห้องจะได้ครัวเปิด จะไม่ค่อยเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ชอบทำอาหารจริงจังมื้อหนักๆ แต่ pantry ก็วางตำแหน่งอยู่เป็นสัดส่วน จึงสามารถกั้นห้องเพิ่มเติมได้ภายหลังหากต้องการ ในส่วนของห้องน้ำเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป แบ่งพื้นที่เปียก-แห้ง ขนาดได้มาตรฐาน หมุนตัวใช้งานได้ ภายในห้องนอนใหญ่พอที่จะใส่เตียง queen size ได้ค่ะ และห้องแบบ 1 ห้องนอน 35 ตร.ม. จะมีห้องอเนกประสงค์ในห้องนอนสามารถทำเป็น Walk-in Closet หรือห้องทำงานได้หลากหลาย เป็นจุดขายของโครงการ รวมๆ Layout ก็ตามมาตรฐานที่ AP ทำมาอยู่แล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่
ด้านวัสดุ Life One Wireless นั้นอาจจะไม่ได้มีประเด็นให้พูดถึงมากนัก ได้ห้องแบบ Partially Fitted ได้แพนทรี่ครัว เตา อ่างล้างจาน Hob&Hood ของ Teka เคาน์เตอร์ลายไม้ให้ผิวสัมผัสของวัสดุคุณภาพทั่วไป, ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ KOHLER และ GROHE พื้นปูไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ดูดี ผนังฉาบเรียบทาสี ฝ้าฉาบเรียบทาสีและติดดวงไฟดาวน์ไลท์ค่ะ
ด้านพื้นที่ส่วนกลาง Life One Wireless อันนี้ถือว่าให้มาเยอะและออกแบบมาสวยงามน่าใช้งานดีค่ะ มีที่ชั้น 1, 10, 42, 43 โดยชั้นล่างมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่, โถง Lobby, Co-Working Space, Library, สวนชั้น 10, สวนชั้น 42 ที่ออกแบบเป็นขั้นบันได ไม่บังวิวกันมีหลายมุมดี และเดินเชื่อมกับชั้น 43 ได้, มีพื้นที่ Co-Working Space, ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า, ซาวน่า และชั้น 43 มีห้องฟิตเนส, Sky Bar แบบ Semi-Outdoor และสระว่ายน้ำระบบเกลือยาว 35 เมตร มีบ่อ Dazzling Pool หรือ Jacuzzi เป็นหลุมอยู่ในสระให้นั่งพักผ่อนกันด้วย และที่แปลกกว่าโครงการอื่นคือมีพื้นที่เก็บของชั้น 42 ให้ลูกบ้านด้วย สามารถเข้าจักรยานอะไรแบบนี้มาฝากได้เหมือนเป็นตู้ Locker
ส่วนเทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาใช้ในโครงการ หลายอย่างจะคล้ายๆ กับ Life ลาดพร้าว ที่เป็นไปโครงการแรกของปีนี้ คือ มีโดมเก็บเสียงเหนือโต๊ะทำงาน เพื่อให้เสียงไม่ไปรบกวนโต๊ะข้างๆ , Wi-Fi ทั้งในสวนและในอาคาร, AP Application เชื่อมกับมือถือกับอาคาร ใช้ Scan เข้าตึก, จองห้องส่วนกลาง, ติดตามค่าใช้จ่ายต่างๆ หรือเปิดไฟฟ้าในห้องค่ะ
เรื่องสัดส่วนการใช้ลิฟต์ที่ 192 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัวนั้น ความหนาแน่นก็กลางๆ ไม่มากไม่น้อย ที่จอดรถ 42% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน สำหรับคอนโดทำเลในเมือง เดินไปรถไฟฟ้าได้ในระยะ 600 เมตร ก็ถือว่าโอเคอยู่ค่ะ
Score Summary
สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)
และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่ https://www.facebook.com/Yusabuy
ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆค่ะ เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่ เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นค่ะ (^_____^)
ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์ ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะคะ
The post Life One Wireless (Life 1 Wireless) คอนโดหรู 43 ชั้น บนถนนวิทยุ 600 เมตรจาก BTS เพลินจิต [รีวิว] appeared first on รีวิวคอนโด บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม โดยอยู่สบาย.คอม (YuSabuy.com).