เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางบริษัทออริจิ้น และโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ ได้จัดทริปพาบล็อคเกอร์ไปเที่ยวดูงานคอนโดที่ประเทศญี่ปุ่นมาค่ะ ทำให้เราได้เห็นว่าคอนโดที่ญี่ปุ่นแตกต่างกับประเทศไทยพอสมควรเลย ทั้งสไตล์การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ รูปแบบห้องที่นิยม และการบำรุงรักษา ..เราเลยเก็บภาพบรรยากาศมาฝากกันค่ะ ^^
โครงการส่วนใหญ่ที่ทางโนมูระทำนั้นจะอยู่ในเมืองโอซาก้าและเกียวโตค่ะ บรรยากาศของเมืองจะต่างกับที่โตเกียวด้วย สภาพภูมิประเทศแถบคันไซนั้นจะเป็นที่ราบสูง มีภูเขาและแม่น้ำไหลผ่าน ดังนั้นคอนโดแต่ละแห่ง จึงแข่งที่วิวด้วย ยิ่งวิวสวย + ใกล้รถไฟฟ้ายิ่งมีราคาแพงค่ะ
1) The House Sumiyoshi Honcho
โครงการแรกที่ทางโนมูระพาไปชมจะเป็นโครงการ The House Sumiyoshi Honcho คอนโดมิเนียมระดับ High End สูง 5 ชั้น 129 ยูนิต จอดรถได้ 116 คัน ราคาเฉลี่ย 238,000 บาท/ตารางเมตร ตั้งอยู่ในเขต Hyogo-ken, Kobe-Shi ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยราคาแพง ลูกบ้านส่วนใหญ่จะเป็นแพทย์และทนายที่มีรายได้สูงค่ะ ภายในห้องพักอาศัยจะมีขนาดประมาณ 70 ตารางเมตร ฝ้าสูง 2.5 เมตร จุดเด่นของโครงการนี้อยู่ที่วิว มองเห็นทั้งภูเขา Rokko และแม่น้ำ Sumiyoshi (ซูมิโยชิ)
ภาพนี้เป็นแม่น้ำ Sumiyoshi ที่อยู่ใกล้โครงการค่ะ ทางรัฐจะปรับปรุงให้มีทางเดินด้านข้างแม่น้ำ เป็นพื้นที่เดินเล่นของคนในชุมชน ส่วนด้านหลังเป็นภูเขา Rokko
ผู้ออกแบบโครงการเป็นสถาปนิกชาวญี่ปุ่น Mr. Shōzō Uchii ลูกศิษย์ของ Frank Lloyd Wright สถาปนิกระดับตำนานของอเมริกา งานจะเน้นกลมกลืนเป็นส่วนเดียวกับธรรมชาติค่ะ ภาพลักษณ์อาคารจึงคุมโทนด้วยสีเอิร์ทโทน ผนังเลือกใช้วัสดุเหมือนอิฐสีน้ำตาล ผนังตรงห้องพักจะก่อชิดๆ กันเป็นผนังทึบ ส่วนผนังทางเดินหรือโถงก็จะก่อให้มีช่องว่าง แสงธรรมชาติลอดเข้าไปได้
ตัวคอนโดจะยกสูงขึ้นไปจากระดับถนนพอสมควร เพราะคนญี่ปุ่นต้องการความเป็นส่วนตัวมาก
ภาพนี้เป็นรูปด้านหน้าทางเข้าโครงการ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ เพราะเป็นโครงการที่สร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2005 แล้วค่ะ แต่สภาพอาคารยังดูใหม่และสะอาด เพราะทางญี่ปุ่นเค้าจะเก็บค่าดูแลอาคารเพิ่มเติม และมีการปรับปรุงทุกๆ กี่ปีก็ว่ากันไป ตึกจึงยังดูใหม่อยู่เสมอ
ซึ่งต้นไม้ที่ปลูกรอบโครงการนั้นตั้งใจเลือกปลูกหลากหลายสายพันธ์ เพื่อให้มีบรรยากาศแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ละเอียดอ่อนดีจริงๆ ค่ะ
ส่วนวัสดุอื่นๆ อย่างผนังและรั้วรอบโครงการ ก็ยังเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ เป็นหินธรรมชาติขนาดใหญ่ที่หาได้ในภูมิภาค
รั้วฝั่งทางขวาจะเป็นรั้วของเพื่อนบ้านซึ่งจะเป็นรั้วที่ตกแต่งด้วยหินใหญ่เช่นกัน ทั้งนี้ไม่ได้มีกฎหมายกำหนดหรือเตี๊ยมกันแต่อย่างใดนะ ทางดีเวลลอปเปอร์เค้าตั้งเลือกใช้วัสดุเพื่อให้กลมกลืนกับเพื่อนบ้านเอง รู้สึกได้ว่าญี่ปุ่นจะเน้นความกลมกลืนมากกว่าดูโดดเด่นและแตกต่างค่ะ
.
บรรยากาศมุมอื่นๆ รอบโครงการ
2 ) PROUD Tower Sumiyoshi
โครงการที่จะพาไปดูต่อไปตั้งอยู่ในทำเลเดียวกันค่ะ แต่เป็นคอนโดสูงระดับ High End ได้วิวภูเขาแม่น้ำเหมือนกัน แต่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า Tokaido Honsen Sumiyoshi Station มากขึ้น ทั้ง 2 ตึกด้านหน้าเป็นของโนมูระ เรียลเอสเตททั้งคู่ค่ะ ตึกซ้ายเป็นคอนโดสูง 29 ชั้น 107 ยูนิต ราคาเฉลี่ยประมาณ 252,000 บาท / ตารางเมตร จอดรถได้ประมาณ 76 คัน หรือประมาณ 50% ทั้งสองอาคารออกแบบลักษณะเดียวกันเลย เพียงแต่อาคารด้านขวาจะมีพื้นที่เยอะกว่า
งานออกแบบสองโครงการนี้ก็ยังคงเน้นความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม คุมโทนสีขาวฟ้าให้เข้ากับท้องฟ้าและแม่น้ำค่ะ ผนังอาคารจะติดกระเบื้องสีขาวเป็นหลัก
ซูมให้ดูผนังกันหน่อย พื้นระเบียงเป็น Post Tension บางๆ สีขาว ราวกันตกเป็นกระจกใสทั้งหมด เน้นรับแสงแดดให้เยอะที่สุดและเปิดรับวิวภูเขาในมุมกว้าง
สังเกตดีดีว่าคอนโดญี่ปุ่นจะไม่มีรั้วรอบค่ะ เป็นตึกตั้งอยู่ริมถนนได้เลยต่างกับบ้านเรา ทางเข้าหน้าอาคารตกแต่งด้วยน้ำตกและสวนสไตล์ญี่ปุ่น ชั้น 1 มีแต่โถงลิฟต์ ส่วนชั้น 2 จะเป็นโถงต้อนรับ นอกนั้นก็เป็นพื้นที่พักอาศัยอย่างเดียวไม่มีพื้นที่ส่วนกลางค่ะ O_o
อีกคอนโดที่อยู่ตรงข้ามกันก็ไม่มีรั้วรอบเหมือนกัน ลูกบ้านสามารถสแกนบัตรเดินเข้าตึกได้เลย
ถนนหน้าโครงการสะอาดสะอ้านทีเดียว
ชั้นบนๆ จะเห็นวิวเมือง แม่น้ำและภูเขาแบบนี้ค่ะ ^^
3 ) PROUD Shukugawa Court Terrace
โครงการที่ 3 เรานั่งรถมายังสำนักงานขาย เพราะตัวโครงการยังสร้างไม่เสร็จ เป็นคอนโด Low Rise สูง 4 ชั้น 104 ยูนิต 84 ที่จอดรถ ราคาเฉลี่ย 264,000 บาท / ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นประมาณ 30 ล้านบาท ความพิเศษคือเป็นคอนโดแบบ Lease Hold …ทางโนมูระเช่าที่ดินทำเป็นโครงการด้วยสัญญาระยะเวลา 70 ปี งานนี้เลย Win-Win กัน 3 ฝ่าย คือทั้งเจ้าของที่ได้เงินค่าเช่าและไม่ต้องเสียภาษีที่ดิน , ผู้พัฒนาโครงการได้เงินค่าพัฒนาโครงการ ส่วนลูกบ้านจะได้ซื้อบ้านหรูทำเลดีในราคาไม่แพงค่ะ ….. 30 ล้านไม่แพงเลยจริงๆ -*-
หากสงสัยสัยเมื่อครบ 70 ปีแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ผลคือต้องมีการประชุมกันต่อค่ะว่าจะเช่าพื้นที่กันต่อหรือไม่ ถ้าไม่ต่อสัญญากันก็ต้องทุบตึกไปตามสัญญา แต่โครงการลักษณะมีน้อยค่ะ ประมาณ 30% เท่ากับเมื่อเทียบกับ Freehold
โครงการนี้มีอยู่ฝั่งนึงที่จะติดกับซอยเล็กๆ ซึ่งมีทางเท้าค่อนข้างแคบ ทางโครงการจึงออกแบบให้คอนโด Set Back เข้ามาเพื่อให้มีทางเดินในซอยกว้างมากขึ้นค่ะ เสียพื้นที่ขายไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวมน่ารักมากๆ เลย ^^
หน้าตาสำนักงานขายของ Nomura ค่ะ เรียบๆ ง่ายๆ …บอกเลยว่าหน้าตาเหมือนกันแทบทุกที่ -*- ไม่ตื่นเต้นเหมือนบ้านเราเท่าไหร่
ส่วนบรรยากาศภายในก็ดูเป็นทางการเช่นกัน โต๊ะนั่งทำสัญญาค่ะ บ้านเรานี่จะเป็นโซฟาหรูหราหลากหลายสไตล์
ความปลอดภัยของที่นี่ลูกบ้านจะได้Keycard แบบ Wireless ถ้าพกเอาไว้ก็สามารถเดินผ่านก็เข้าได้เลย ส่วนราวกันตกนั้นจะสูง 1.2 เมตร ต่างกับบ้านเราที่จะกำหนดว่าสูง 0.9 เมตร สูงกว่ากันประมาณ 30 ซม.
ด้านหลังโครงการจะเป็นที่จอดรถ และโครงการนี้ยังติดแผง Solar Cell ไว้บนหลังคาเพื่อใช้กับพื้นที่ส่วนกลางด้วย
ภาพ Perspective มุมอื่นๆ ของโครงการ
คอนโดที่นี่จะไม่ได้ออกแบบหวือหวามากมายค่ะ ความหรูหราแข่งกันที่ขนาดของห้อง และวัสดุที่เลือกใช้ ชั้นบนจะมีราคาแพงเพราะถ้าเป็นห้องชั้น 1 ที่อยู่ติดพื้นดินจะเกิดเชื้อราได้ง่าย ซึ่งจะเหมือนบ้านเราแต่คนละเหตุผลกัน ส่วนห้องที่ได้แสงแดดมากที่สุดจะเป็นห้องที่ราคาแพงกว่าด้วย เพราะเป็นเมืองหนาวค่ะ
ห้องนั่งเล่นของที่นี่จะเน้นให้ใหญ่กว่าห้องอื่นๆ และมักอยู่ติดระเบียงยาวได้แสงแดดและวิวเต็มที่ ครัวจะได้เป็นครัวเปิดอยู่ในห้องนั่งเล่น แพนทรี่ครัวมีลิ้นชักฟังก์ชั่นต่างๆ คิดมาละเอียดเก็บของได้เยอะ บริเวณระเบียงกว้างขวางมาก มีทั้งราวตากผ้าสำหรับรูปที่ติดกับราวกันตก มีอ่างล้างมือสำหรับซักล้างอะไรเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ
ห้องตัวอย่างมีให้ดู 2 ห้อง เริ่มด้วยห้องเล็กขนาด 77 ตารางเมตรค่ะ หน้าประตูจะมีที่ให้กดรหัสหรือแตะบัตร และมีกล้องมองเห็นคนที่อยู่หน้าห้องให้ด้วย
อีกห้องนึงจะมีขนาด 106 ตารางเมตร มีห้องเก็บรองเท้าแยกให้ต่างหาก ภายในห้องน้ำมีอุปกรณ์ให้ครบถ้วน และพื้นจะออกแบบให้มีช่องระบายน้ำ เลือกใช้วัสดุไม่อมน้ำ ทำให้พื้นห้องแห้งเร็ว และที่ต่างกับบ้านเราคือเค้าจะมีที่วางเครื่องซักผ้าอยู่ในห้องน้ำค่ะ
4) PROUD Kurakuen
ต่อเนื่องมาที่โครงการที่ 4 โครงการนี้กำลังก่อสร้างกันอยู่เลย โครงการ Proud Kurakuen เป็นคอนโด Low Rise สูง 4 ชั้น มีแค่ 65 ยูนิต ที่จอดรถ 67 คัน ราคาเฉลี่ย 274,000 บาท / ตารางเมตรค่ะ …จุดเด่นของโครงการนี้คือทำเลเดิมจะเป็นพื้นที่ป่ามาก่อน ภายในโครงการจึงมีต้นไม้ใหญ่และมีทะเลสาบ Niteko อยู่ใกล้ๆ บรรยากาศดี และทางรัฐต้องการให้โซนนี้เป็นที่อยู่อาศัย จึงลิมิตความสูงรถที่จะเข้ามาในพื้นที่เพื่อให้รถไม่ผ่านมาวุ่นวายในที่ชุมชน พื้นที่ตรงนี้จึงมีความพรีเมี่ยมขึ้นมา เป็นที่ชื่นชอบของคนรวยที่รักความสงบค่ะ
ทะเลสาบด้านหน้าโครงการชื่อว่า Niteko Lake
บรรยากาศรอบๆ ดีขนาดนี้ ทางดีเวลลอปเปอร์จึงออกแบบให้ทุกห้องหันหน้าเข้าทะเลสาบ พยายามเก็บต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิมให้มากที่สุด โดยเหลือพื้นที่ป่าอยู่กว่า 40% ส่วนด้านหลังเป็นส่วนบริการและที่จอดรถ
และแม้จะเป็นคอนโด Low Rise แต่ก็มีลิฟต์ให้ทุกช่วงตึกนะจ๊ะ ใช้ร่วมกัน 3 ห้องต่อลิฟต์ 1 ตัวเท่านั้น เป็นส่วนตัวสุดๆ ทางโครงการบอกว่าเจ้าของ Panasonic ก็เลือกอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
สิ่งที่เราชอบในโครงการนี้คือระเบียงค่ะ นอกจากจะให้ความยาวถึง 10 เมตร ยังเลือกใช้ราวกันตกกระจกลายพิเศษ ที่ถ้ามองจากด้านล่างขึ้นไปจะเห็นเป็นกระจกฝ้าสีขาวขุ่น คนในห้องจึงได้ความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าเป็นคนที่อยู่ในห้องมองออกมาจะเห็นเป็นระเบียงใส มองเห็นทะเลสาบและต้นไม้ได้เต็มที่ค่ะ
จากระเบียงมองออกไปจะเห็นเป็นกระจกขุ่นน้อยๆ
ผนังทึบด้านนอกจะปิดแผ่นคอนกรีตปั๊มลายคล้ายก้อนอิฐเล็กๆ เรียงต่อกัน ดูหรูหรากว่าปล่อยเป็นผนังฉาบเรียบธรรมดา
ต้นไม้หน้าโครงการเป็นต้นซากุระด้วยนะเธอ …
.
บรรยากาศที่ไซส์ก่อสร้างจริง
.
สำนักงานขายและห้องตัวอย่างค่ะ ห้องของที่นี่ก็เหมือนโครงการก่อนหน้าที่จะเน้นห้องนั่งเล่นติดระเบียงใหญ่ เปิดรับวิวทะเลสาบด้านหน้าเต็มที่ ที่น่าสนใจคือบริเวณระเบียงจะมีช่องสี่เหลี่ยมบนพื้น นั่นคือทางหนีภัยค่ะ !
5) PROUD CITY Tsukaguchi Eki-Mae
หลังจากดูคอนโดกันมาซักพัก เรามาดูโครงการ Mixed Use ขนาดใหญ่ที่สุดในคันไซกันบ้างค่ะ เดิมทีที่ดินแห่งนี้เป็นโรงงานทำขนม แต่เมื่อโรงงานยกเลิกไปเลยพัฒนาเป็นชุมชนขนาดใหญ่แบบครบวงจรขึ้นมาแทน ทำถนนและสร้างสถานีรถไฟฟ้าใหม่ให้โดยเฉพาะ ภายในประกอบไปด้วย คอนโด 11 อาคาร รวม 1,200 ยูนิต บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น มีศูนย์การค้าภายในโครงการ มีสนามเด็กเล่นและสวนสาธารณะขนาดใหญ่เป็นจุดเด่นของที่นี่
ขนาดโครงการใหญ่มากๆ ประมาณ 8,000 ตารางเมตร อาคารสูงที่เห็นจะเป็นคอนโด ส่วนอาคารเตี้ยๆ ขนาดใหญ่จะเป็นศูนย์การค้าค่ะ
หน้าตาศูนย์การค้าค่ะ ดูดี….และครบครัน เหมาะกับแม่บ้านมากๆ
พื้นที่สีเขียวเยอะกว่า 25% เพราะจะเน้นคุณภาพชีวิตที่ดี
ตัวบ้านสูง 2 ชั้น ทำออกมาได้น่ารักเลยหล่ะ รั้วรอบบ้านก็ไม่มีเช่นกัน
ขนาดเท้าภายในโครงการจะออกแบบให้กว้างได้มาตรฐาน ถนนกว้าง 9 เมตร ทางคนเดินกว้าง 2 เมตร และพื้นที่ปลูกต้นไม้ริมทางเท้ากว้างถึง 6 เมตร
บรรยากาศจริงต้นไม้ร่มรื่นมากๆ
ทางเข้าออกรถยนต์จะมีกระจกมองซ้ายขวา คนขับรถมองเห็นคนเดินเท้า ส่วนคนเดินก็จะเห็นว่ามีรถเข้าออกด้วยหรือเปล่า
โครงการนี้นอกจากจะเก็บค่าส่วนกลางแล้ว ยังเก็บค่าบำรุงรักษาอาคารเพิ่มอีกต่างหาก เพื่อปรับปรุงอาคารทุกๆ 12 ปี เพื่อให้อาคารอยู่ในสภาพดีตลอดเวลา …หน้าตาทางเข้าอาคารก็เรียบๆ สไตล์ญี่ปุ่น
ทางโนมูระจะมีบริษัทลูกเป็นนิติบุคคลให้ทางโครงการ ซึ่งก็จะมีโหวตให้เปลี่ยนนิติบุคคลใหม่ทุกๆ 1 – 2 ปี ซึ่งนอกจากนิติฯ จะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและการซ่อมบำรุงต่างๆ แล้ว ยังมีทีมงาน (Community Support) คอยจัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ของลูกบ้านด้วย ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสนิมสนิมระหว่างเพื่อนบ้านให้รู้จักกัน จะได้ช่วยเหลือกันได้ กลายเป็นชุมชนแข็งแกร่งและน่าอยู่ค่ะ กิจกรรมที่จัดเช่น สอนเด็กๆ ทำขนมบ้าง สอนกลุ่มแม่ๆ ใส่ผ้าอ้อม กิจกรรมเล่นดนตรี ออกกำลังกาย และงานปาร์ตี้ต่างๆ
6) PROUD Tower Kitahama
ทีนี้เราเดินทางเข้าย่าน CBD ของโอซาก้ากันค่ะ เป็นโครงการใหม่ที่กำลังก่อสร้าง สูง 43 ชั้น 281 ยูนิต จอดรถได้ 100 คัน และยิ่งเป็นคอนโดในเมืองราคาก็ย่อมสูงขึ้นไปอีก โครงการนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 363,000 บาท/ตารางเมตร
จุดเด่นของโครงการจะอยู่ที่ออกแบบรองรับแผ่นดินไหวด้วยระบบ Dual Frame System คือมี Core ตรงกลางอาคารที่จะมีความยืดหยุ่น โยกไปมาในแนวราบได้ดี
โถงต้อนรับที่นี่จะสูงถึง 7 เมตร ขนาดห้องประมาณ 67 – 142 ตารางเมตร มีรูปแบบการกั้นห้องภายในให้ลูกค้าเลือกหลาย ห้องแพงสุดราคาสูงถึง 120 ล้านบาทแหน่ะ !! วัสดุที่เลือกใช้หรูหราทีเดียว เวลาเข้าไปดูห้องตัวอย่างเราต้องใส่ถุงมือด้วยค่ะ ^^”
.
ภายก็ตกแต่งหรูหราสไตล์ยุโรปกันเลยทีเดียว ภายในห้องจะมีห้องน้ำเล็กอีกห้องแยกให้แขกที่มาเยี่ยม จะมีแค่อ่างล้างมือเล็กๆ กับโถสุขภัณฑ์
7) PROUD Kyoto Fuyacho Oike
โครงการสุดท้ายเป็นโครงการแห่งแรกของทางโนมุระที่เกียวโต ซึ่งเมืองนี้จะแตกต่างจากโอซาก้าตรงที่เป็นเมืองเก่า ดังนั้นตัวเมืองจึงมีกลิ่นอายเมืองเก่าผสมกับเมืองใหม่เข้าด้วยกัน อาคารส่วนใหญ่จะใช้สีทึมๆ หน่อย เข้ากับทั้งเมืองค่ะ และผังเมืองจะเป็น Grid ดูเป็นระเบียบ และส่วนใหญ่จะไม่สร้างอาคารสูงเท่าไหร่ งานออกแบบเลยต้องกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ตึกมีความสูงแค่ 11 ชั้น มี 43 ยูนิตเท่านั้น ภายนอกออกแบบเป็น Grid หน้าต่างและคุมโทนด้วยสีเทาและเทาเข้ม ให้เข้ากับเมืองเก่าเกียวโตค่ะ
ซึ่งตอนโดนี้โครงการแห่งนี้มีราคาสูงสุดในเกียวโต ราคาเฉลี่ย 373,000 บาท / ตารางเมตร แพงสุดราคาอยู่ที่ 40 ล้านบาท ขนาด 100 ตารางเมตรค่ะ สามารถเลือกรูปแบบการดีไซน์ของแต่ละคนด้วย โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นระดับผู้บริหาร
บรรยากาศเมืองเกียวโต
เป็นเมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่านเช่นกัน
หลังจากเราเดินชมมาหลายโครงการ จะเห็นว่าดีเวลลอปเปอร์ที่ญี่ปุ่นจะพยายามออกแบบโครงการให้กลมกลืนกับเพื่อนบ้าน และธรรมชาติมากกว่าที่จะทำให้โดดเด่นแตกแยก เช่น การเลือกใช้วัสดุเหมือนบ้านเรือนข้างเคียง คุมสีสันไม่ฉูดฉาดเกินไป มีความเป็น Unity สูงค่ะ แต่ส่วนตัวคิดว่าบ้านเมืองเราก็หลากหลายและสนุกสนานดี มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ^^
สิ่งที่เราชอบคือเวลาพัฒนาโครงการเค้าจะให้ความสำคัญกับชุมชนใกล้เคียง และให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวมาก ชอบจัดพื้นที่สวนให้เยอะๆ แม้ไม่มีกฎหมายกำหนดค่ะ
ด้านค่านิยมของคนญี่ปุ่นก็จะเน้นความเป็นส่วนตัวมาก ทั้งยกตัวโครงการให้สูงขึ้นจากพื้นถนนบ้าง มีระเบียงที่ปิดมิดชิดบ้าง ไม่เน้นพื้นที่ส่วนกลางเหมือนบ้านเรา ชอบห้องกว้างๆ ที่เปิดรับแดดค่ะ และหากเป็นที่อยู่ราคาแพงจะเริ่มเน้นความเงียบสงบและบรรยากาศรอบๆ ด้วย ^^
ทั้งนี้ใครสนในคอนโดในประเทศญี่ปุ่นก็สามารถมาจับจองกันได้นะ ที่นี่ไม่มีกฎหมายห้ามคนต่างชาติซื้อเกินครึ่งเหมือนเมืองไทยค่ะ มีเงินก็จัดมาได้เลย …
The post พาดูคอนโดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น กับ Nomura Real Estate appeared first on รีวิวคอนโด บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม โดยอยู่สบาย.คอม (YuSabuy.com).