สวัสดีครับ รีวิวคอนโดบทความนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปชมตึกเสร็จของโครงการ The Tree Rio Bang-Aor Station กันครับ โครงการเป็นคอนโดสูง 41 ชั้น ที่ทางเข้าโครงการติดกับสถานีรถไฟฟ้า MRT บางอ้อ ที่อยู่บนสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเลย แต่ตัวโครงการจะถอยร่นเข้าไปจากแนวถนนใหญ่พอสมควร จุดเด่นอย่างหนึ่งของ The Tree Rio Bang-Aor Station ก็คงเป็นเรื่องวิว เนื่องจากการวางตัวตึกของคอนโดนั้นเป็นแนวแกนตรงกับรัฐสภาแห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้างอยู่และคืบหน้าไปได้พอสมควรแล้ว จริงๆ โครงการนี้กำหนดเสร็จช่วงกลางปีนี้ แต่ว่าก็สร้างเร็วกว่ากำหนดเกือบปี เลยมีคนทยอยโอนและเข้าอยู่กันพอสมควรแล้ว วันนี้เราเลยพาไปดูตึกที่สร้างเสร็จแล้วกัน เพราะผมว่าสระว่ายน้ำ Sky Pool บนชั้น 41 ของ The Tree Rio นี้ ติดอันดับสระว่ายน้ำที่สวยที่สุดโครงการหนึ่งในฝั่งธนฯ แน่นอน
ลองไปชมรีวิวโครงการ The Tree Rio บางอ้อ สเตชั่น พร้อมๆ กันเลยครับ
เริ่มจากข้อมูลเบื้องต้นของโครงการกันก่อน
The Tree Rio Bang-Aor Station
(เดอะทรี ริโอ้ บางอ้อ สเตชั่น)
- เจ้าของโครงการ >> บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
- ที่ตั้งโครงการ >>> ถนนจรัญสนิทวงศ์ ตรงข้ามโรงพยาบาลยันฮี
- ขนาดที่ดิน >>> 10 – 0 – 80 ไร่
- จำนวนชั้นและจำนวนอาคาร >>>
- อาคารชุดพักอาศัย สูง 41 ชั้น และ Club House 1 อาคาร
- ประเภทห้องและขนาดห้อง >>>
- 1 ห้องนอน 28 – 29.50 ตารางเมตร
- 1 ห้องนอน 30 – 30.50 ตารางเมตร
- 1 ห้องนอน (Corner) 37 ตารางเมตร
- 2 ห้องนอน (Combine) 59.50 ตารางเมตร
- 2 ห้องนอน (Corner) 60.50 – 61 ตารางเมตร
- จำนวนยูนิต >>> ห้องพักอาศัย 1,412 ยูนิต
- ที่จอดรถ >>> 608 คัน (43%) ไม่รวมซ้อนคัน รวมซ้อนคันได้ 53%
- ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 2.29 ล้านบาท (ณ มกราคม 2561)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 85,000 บาท/ตารางเมตร
- พิกัด GPS >>> 13.799192, 100.509817
- เว็บไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
- เบอร์ติดต่อ 1739
ในเรื่องของทำเลนั้นผมจะไม่ได้พูดถึงมากในรีวิวนี้นะครับ ขอ wrap-up เพียงคร่าวๆ เพราะในตัวโครงการเองมีดีเทลเยอะมาก โดยเฉพาะในส่วนของ Facilities ที่ถ่ายมาเกินร้อยรูป ผมเลยจะขอโฟกัสเน้นไปที่ตัวโปรดักส์กันเลย
คอนโด เดอะทรี รีโอ้ บางอ้อ สเตชั่น ตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ตำแหน่งเยื้องๆ โรงพยาบาลยันฮี อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ส่วนต่อขยาย) ที่กำลังก่อสร้างกันอยู่ตอนนี้ และมีแผนจะเดินรถในช่วงประมาณ เมษายน 2563 อีกประมาณ 2 ปีกว่าครับ โดยมีบันไดทางลงรถไฟฟ้าสถานีบางอ้อมาจ่อหน้าโครงการเลย
(คลิกที่รูปเพื่อดูแผนที่ขยายได้ครับ)
เริ่มเปิดประตู ไปดูในโครงการ
เริ่มกันจากหน้าโครงการเลยครับ
ทางเข้าโครงการจะยาวเข้าไปจากตรงนี้ ด้านข้างมีทางเดินที่มีหลังคาคลุมให้ด้วย
จะเห็นว่าบันไดรถไฟฟ้าลงมาจ่อกันเลยทีเดียว
ติดสถานีกันจริงจัง
รถผ่านเข้าออกก็จะต้องแลกบัตรก่อนนะครับ
ถ้าจะเดินเข้าก็จะมี covered walk way ยาวไปเกือบตลอดทาง
เดินมาเรื่อยๆ จะถึงตัวคลับเฮ้าส์ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางแยกออกมาจากตัวคอนโดครับ เดิมทีตรงนี้เคยเป็นสำนักงานขายมาก่อน ตอนที่โครงการยังสร้างไม่เสร็จ
ตัวคอนโดของ The Tree Rio @ Bang Aor Station นั้นจะเป็นโทนสีเทาเข้ม สลับกับสีขาวครับ พื้นที่รอบๆ ในระยะใกล้เคียงยังไม่มีคอนโดอื่นขึ้นมา ทำให้ exposure ของตัวคอนโดนั้นเด่นมากทีเดียว
เดินเข้าไปดูกันใกล้ๆ ผิวอาคารจัดว่ามี texture พอสมควร ไม่ได้เรียบๆ ส่วนโพเดียมที่จอดรถด้านหน้าอาคารจะมีแผงแนวตั้งช่วยตกแต่งเพื่อความสวยงาม แต่ด้านหลังก็จะโล่งๆ ตามปกติ
ทางเดินเข้าไปยังล็อบบี้ บรรยากาศโอเค
มองย้อนกลับไปครับ
ทางวิ่งรถจะมี drop off ตรงล็อบบี้เลย โดยมี canopy ยื่นออกมารับ ถ้าจะขับรถเข้าไปจอดในอาคารก็ต้องเลยเข้าไป
หน้าตรงครับ ดูแกรนด์อยู่นะ
แหงนหน้าดูกันหน่อย
เข้ามาในล็อบบี้ ตกแต่งสวยงามดี ดูหรูพอตัวเลย แต่มีการกระชากอารมณ์เล็กน้อยตรงที่ไม่ติดแอร์ =”=
ลิฟต์โดยสารในโครงการจะมี 6 ตัวครับ แยกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งปีกหน้าของคอนโด และฝั่งปีกหลัง ในโถงลิฟต์นี้ติดแอร์นะ
มีทีวีติดไว้สำหรับประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆ ให้เจ้าของร่วมรับทราบ ซึ่งแบบนี้ดีนะครับ ผมว่าดูเรียบร้อยดี บางที่เอากระดาษแปะสก๊อตเทปกันลอยๆ ดูเลอะเทอะเสียราคาคอนโดไปหมด
ห้องจดหมายจะมี 2 ห้อง อยู่ภายในโถงลิฟต์
พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร
จุดเด่นของ The Tree Rio @ บางอ้อ สเตชั่น นี่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของพื้นที่ส่วนกลางครับ ถ้าในระดับราคานี้ถือว่าจัดเต็มพอตัวเลย ซึ่งส่วนหนึ่งที่สามารถทำได้ก็เพราะมีจำนวนยูนิตเยอะ ทำให้ได้ economy of scale พื้นที่ส่วนกลางก็จึงอลังการตามไปด้วย
พื้นที่ส่วนกลางนั้นจัดแบบแยกกระจายความหนาแน่นออกไปยังจุดต่างๆ ไม่ได้เอามารวมไว้ที่เดียว แบ่งหลักๆ ออกเป็น 3 ส่วน คือ คลับเฮ้าส์, พื้นที่ล็อบบี้ชั้น 1, ส่วนกลางชั้น 6 และ ส่วนกลางชั้น 40-41 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของโครงการ
ที่ชั้นล่าง ใกล้กับทางเข้าออกโครงการ มีคลับเฮ้าส์แยกออกมา ด้านในจะมีฟังก์ชั่นย่อยๆ หลายอย่าง เช่น Golf Simulator Room, Pool Room, Kids Room, Yoga Room, Reading Room, Multipurpose Room (Living room) และ Meeting Room แล้วก็จะมีสนามเด็กเล่นอยู่ท้ายโครงการและมี Jogging Track สำหรับวิ่งออกกำลังกายอยู่รอบคอนโดครับ

สำหรับสัดส่วนการใช้งานนั้นลิฟต์และที่จอดรถนั้น ลิฟต์โดยสารมีมาให้ 6 ตัว และลิฟต์เซอร์วิสแยก 2 ตัว (เป็นลิฟต์ดับเพลิงด้วย 1 ตัว) ซึ่งจะแบ่งลิฟต์ออกเป็น 2 ฝั่ง แยกตามแต่ละปีกของตัวอาคาร (ปีกหน้าและปีกหลัง) เพื่อกระจายความหนาแน่นออกไป ความหนาแน่นเฉลี่ยออกมาที่ 235 ยูนิต ต่อลิฟต์ 1 ตัว จัดว่าสัดส่วนค่อนข้างหนาแน่นไปหน่อย ในชั่วโมงเร่งด่วนนี่อาจจะต้องรอลิฟต์กันหน่อยแหละ สัดส่วนที่จอดรถประมาณ 608 คัน แบบไม่รวมจอดซ้อน คิดเป็น 43% สำหรับคอนโดติดบันไดรถไฟฟ้า และระดับราคาเท่านี้ ก็ถือว่าโอเคดีค่ะ
เนื่องจาก The Tree Rio นั้นให้ Facilities มาหลากหลาย แล้วก็หลายจุดมาก เลยจะพาชมกันแบบที่ละส่วน ไล่ไปทีละชั้น จะได้ไม่งงนะครับ เรามาเริ่มจากส่วนของ Clubhouse กันก่อนเลย พื้นที่ clubhouse ตรงนี้เคยเป็นสำนักงานขาย และก็ห้องตัวอย่างมาก่อนตอนที่โครงการกำลังก่อสร้างอยู่ พอโครงการสร้างเสร็จก็ปรับปรุงเป็นพื้นที่ส่วนกลางแทน ตรงนี้จะอยู่แยกออกมาจากอาคารส่วนพักอาศัยครับ
เข้ามากันเลย
ภายในทำเป็นโถงแบบ Double Space ดูโอ่โถงทีเดียว
มองออกไปจะเห็นตัวตึกคอนโดด้านหลังครับ
อีกสักมุมนึง มองออกไปก็จะเห็นต้นไม้เขียวๆ รอบโครงการ ทางขวาจะมีแผงลงมาช่วยบังแดดเอาไว้ได้ส่วนหนึ่ง
จากบริเวณโถงกลาง จะมีห้อง facilities ย่อยๆ ต่างๆ อยู่อีก 3 ห้องครับ ห้องแรกเป็นเหมือนห้อง co-working space มีโต๊ะเก้าอี้อยู่วางกระจายพอสมควร
อีกมุมหนึ่ง โต๊ะเก้าอี้นั้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง สวยทีเดียว
ด้านข้างที่ติดรั้วโครงการก็ปลูกต้นไม้ไว้เขียวๆ สร้างบรรยากาศ
ออกจากห้อง co-working space มายังอีกฝั่ง จะเป็นห้อง Living room และ Meeting room ครับ
เข้ามาดูที่ Living room กันก่อน จัดว่ากว้างขวางทีเดียว ทีวีตรงกลางยังไม่มาติดนะครับ
เข้ามาในส่วนของห้องประชุม (meeting room) นั่งได้ 12 คนครับ ด้านข้างเป็นกระจกใสที่มองทะลุกับ Living room ตะกี้
อีกมุมหนึ่ง ห้องย่อยๆ นี้จะติดแอร์เป็นแบบ Split type แขวงผนังนะครับ
เดินเข้าไปดูในห้องน้ำของ Clubhouse กันบ้าง
จุดที่น่าชมคือ มีห้องน้ำแยกสำหรับคนพิการหรือคนที่ต้องนั่งวิลล์แชร์ให้ด้วย มีอุปกรณ์และราวจับต่างๆ ครบถ้วน ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเรื่องดีที่โครงการคำนึงถึงนะครับ
ห้องน้ำสำหรับบุคคลทั่วไปครับ ดูดีใช้ได้
ผนังจะบุกระเบื้องลายหินอ่อน ดูขาวสะอาดตา
ว่าแล้วก็ออกกลับมาตรงโถงกลางกันครับ
พาเดินขึ้นไปชั้น 2 กัน
การใช้วัสดุพวกกระจก, กระเบื้องผิวมัน ก็ทำให้ดูหรูทีเดียว
มองกลับไปยังโถง double space ครับ
ที่ชั้น 2 ของคลับเฮ้าส์นี้ก็จะมีห้อง facilities ย่อยๆ อีก 4 ห้อง เราเริ่มจากห้องพลู (Pool room) กันก่อน
ชอบ Lighting ครับ สวยดีนะ บรรยากาศแนวๆ อยู่ในคลับ
ติดกันเป็นห้องเด็ก (Kids room)
มีสไลด์เดอร์ด้วย เด็กๆ น่าจะชอบ
ห้องโยคะครับ ห้องนี้คือทำดีมาก กว้างขวาง ผมว่าดีกว่าห้องของสตูดิโอสอนโยคะหลายๆ ที่ซะอีก
ห้องสุดท้ายบนชั้นนี้คือห้อง Golf Simulator room ครับ พอดีวันที่แวะไปรีวิวมีลูกบ้านใช้บริการอยู่ เลยไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปมาให้ดูกัน เกรงจะรบกวนลูกบ้านเค้า ^^”
เอาหล่ะ เดี๋ยวเราลงกลับไปด้านล่างกัน แล้วจะพาขึ้นไปดู facilities บนตึกคอนโด The Tree Rio กันต่อครับ
ตรงราวกันตกใช้เป็นกระจกลามิเนต (Laminated Glass) ครับ แบบนี้ดีและปลอดภัยตรงที่ ถ้าเวลากระจกแตก มันจะไม่ร่วงลงมา แต่ถูกฟิล์มตรงกลางระหว่างกระจกยึดเอาไว้ ถือเป็น Safety อย่างหนึ่งครับ
ลองเดินดูพื้นที่รอบๆ ตัวคอนโดของ The Tree Rio กันสักหน่อยครับ
ตลอดแนวรั้วก็จะปลูกต้นไทรเอาไว้ เพื่อให้ดูเขียวๆ ลดความกระด้างจากสีเทาของตึก และก็มี Jogging Track เอาไว้วิ่งออกกำลังกายได้
ตรงมุมด้านหลังโครงการ จะเป็นสนามเด็กเล่นกลางแจ้งครับ
ตรงสนามเด็กเล่นจะปลูกไม้พุ่มล้อมรอบ และมีประตูรั้วเล็กๆ สูงเท่าเอวกั้นไว้ด้วย ตรงนี้สำคัญมากนะครับ เพราะว่าสนามเด็กเล่นอยู่ติดกับที่จอดรถ ถ้าเปิดโล่งหมดเลยเดี๋ยวเด็กๆ วิ่งออกไปตรงถนนแล้วตามจับไม่ทัน จะเกิดอันตรายได้
วัสดุปูพื้นก็เป็นเหมือนยาง ผมไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร แต่ก็ให้สัมผัสที่ยืดหยุ่น เวลาหกล้มจะได้ไม่เจ็บมาก
วนขึ้นไปดูที่จอดรถบนอาคารกันหน่อย
ถ้าจะเข้าจอดในตึก จะต้องแตะบัตรอีกรอบนะครับ จะจำกัดสิทธิจอดรถยูนิตละ 1 คัน
ในบริเวณที่จอดรถ ตรงขอบเสาทาสีเหลืองสะท้อนแสงเอาไว้ เพื่อให้เห็นเด่นชัดครับ เท่าที่ลองจอดดู แอบรู้สึกว่าเปิดประตูรถยากไปหน่อย จะติดเสานิดนึง ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะหน้าตัดเสาที่ใหญ่มาก เนื่องจากคอนโดสูง 41 ชั้น เลยต้องทำหน้าตัดเสาแบน เพื่อรับแรงเฉียนและแรงลมด้วย
ในส่วนของห้องพักชั้น 6 จะมีประตูกั้นแยก และต้องเข้าออกด้วยคีย์การ์ดครับ คนจากชั้นอื่นๆ จะเข้าไปไม่ได้
ตรงทางเดินลงสระนั้นนอกจากบันไดแล้ว ก็มีทางลาดและราวจับสำหรับรถเข็น หรือคนที่ขาไม่ดีด้วย
ที่ชั้นนี้จะมีสระว่ายน้ำ 3 สระย่อยครับ สระแรกเป็นเหมือนจากุชชี่เอาไว้แช่ตัวได้
ตรงกลางระหว่างจากุชชี่มีที่นั่งเล่นพักผ่อนกลางแจ้ง แต่ด้านนี้จะอยู่ทิศใต้ ช่วงบ่ายๆ เลยจะร้อนหน่อย
ภาพรวมๆ อีกมุม
ห้องที่อยู่ชั้นนี้จะมีแนวของต้นไม้เป็นบัฟเฟอร์ให้ส่วนหนึ่ง และยกระดับพื้นห้องสูงกว่าสระ เพื่อจะได้ช่วยเรื่องความ privacy อีกนิด แต่ถ้าคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวมาก ก็แนะนำเลือกชั้นสูงๆ ขึ้นไปดีกว่านะครับ
มองย้อนกลับไป ผ่านสระเด็ก และ Family Pool
อีกสักมุมเนอะ
บริเวณที่ล้างตัวก่อนลงสระครับ
มีห้องน้ำคนพิการ หรือผู้นั่งวิลล์แชร์อีกเช่นกัน
ห้องน้ำภายใน
ตัวคอนโดด้านนี้จะรับแดดบ่ายนะครับ
ข้ามมาดูอีกฝั่งหนึ่งที่เป็นสวนกันบ้าง
ลงมาเดินเล่นกันในสวนดีกว่าครับ สวนด้านนี้จะอยู่ทิศเหนือ ทำให้ช่วงบ่ายๆ จะร่ม เพราะว่าตัวคอนโดช่วยบังแดดให้ด้วย ซึ่งลมพัดเย็นใช้ได้ ตัวตึกไม่ได้ขวางทางลม มานั่งเล่นอ่านหนังสือกันในสวนได้
มองย้อนกลับไปที่ตัวคอนโด
แหงนหน้าดูตึกกันสักหน่อย แม้แปลนจะเป็นห้องเรียงๆ กันเป็นแถวธรรมดา แต่ผนังภายนอกมีการดีไซน์เส้นแนวตั้ง ซึ่งพอรวมกับตรงระเบียงก็ช่วยเพิ่มมิติความลึกของตัวตึก ทำให้ไม่ได้ดูเรียบๆ เฉยๆ ครับ ถือว่ามีดีเทลพอสมควร
ในส่วนของพื้นที่ด้านบนสุดของอาคาร ที่ชั้น 40 จะมีสระว่ายน้ำสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว 40 เมตร ลึก 1.4 เมตร ส่วนตัวอาคารด้านในก็เป็นห้อง Sky Fitness ที่มีด้วยกัน 2 ชั้น คือชั้น 40 และ 41 เดินเชื่อมถึงกันได้ภายในค่ะ โดยที่ชั้น 41 นอกจาก Sky Fitness แล้วก็มี Sky Lounge เอาไว้มานั่งเล่น นั่งทำงาน ชมวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาและวิวเมืองฝั่งกรุงเทพฯ ได้ กลางคืนนี่น่าจะวิวสวยมากทีเดียว

สำหรับสัดส่วนการใช้งานนั้น ลิฟต์โดยสารมีมาให้ 6 ตัว และลิฟต์เซอร์วิสแยก 2 ตัว (เป็นลิฟต์ดับเพลิงด้วย 1 ตัว) ซึ่งจะแบ่งลิฟต์ออกเป็น 2 ฝั่ง แยกตามแต่ละปีกของตัวอาคาร เพื่อกระจายความหนาแน่นออกไป ความหนาแน่นเฉลี่ยออกมาที่ 235 ยูนิต ต่อลิฟต์ 1 ตัว จัดว่าสัดส่วนค่อนข้างหนาแน่นไปหน่อย ในชั่วโมงเร่งด่วนนี่อาจจะต้องรอลิฟต์กันหน่อยแหละ สัดส่วนที่จอดรถประมาณ 608 คัน แบบไม่รวมจอดซ้อน คิดเป็น 43% สำหรับคอนโดติดบันไดรถไฟฟ้า และระดับราคาเท่านี้ ก็ถือว่าโอเคค่ะ
กดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้น 40 กันครับ ชั้นนี้จะมี Sky Pool ยาว 40 เมตร ที่เป็นไฮไลท์ของ The Tree Rio เลย โถงลิฟต์ชั้นนี้จะปูหินอ่อนตกแต่งบางส่วนให้ด้วย
ออกมาจากโถงลิฟต์ ก็จะเจอวิวพาโนราม่าของสระว่ายน้ำครับ มองไปเห็น Sky line ของกรุงเทพฯ ได้เกือบหมด ถือเป็นวิวที่เป็นจุดขายเลยทีเดียว
เดินเข้าไปดูกันใกล้ๆ ครับ ฝั่งตรงข้ามเห็นเป็น Skyline เวลาว่ายน้ำอยู่ตรงระดับขอบสระที่เป็น Infinity Edge Pool นี่น่าจะฟิน
ซูมดูกัน กลุ่มตึกที่เห็นตามแนวแกนสระว่ายน้ำในรูป จะเป็นตึกแถวโซนอารีย์ สนามเป้า ถัดไปริมรูปด้านขวามือก็จะเป็นกลุ่มตึกโซนพระราม 9 เลย
มองไปทางขวาจะเห็นสะพานกรุงธนบุรี และยาวไปถึงสะพานพระราม 8 ครับ ด้านบนถือว่าลมแรงพอสมควรครับ สระที่นี่ลึก 1.4 เมตร สำหรับว่ายออกกำลังกายจริงจัง ว่ายสโตรคไปกลับได้เลย ถ้าเป็นสำหรับเด็กเล็ก ผมแนะนำว่าเล่นที่สระชั้น 6 ในส่วน Family Pool จะปลอดภัยกว่าครับ
ส่วนบันไดเดินลงสระ ทำราวจับโค้งไว้สวยดี เป็นองค์ประกอบที่ใช้ตกแต่งไปด้วยในตัว ถ้าทำสระสวยๆ แล้วเอาบันไดสระว่ายน้ำแบบ standard มาวางนี่จบเลย
พื้นที่รอบสระด้านข้างสามารถให้ช่างเดินลงไป service ได้ด้วย ตามแนวขอบปูน (สีเหลือง) จะเดินสายล่อฟ้าไว้ไห้ ป้องกันฟ้าผ่าครับ
ตรงด้านข้างมีเก้าอี้นอนให้ 8 ตัว
มองกลับไปจะเห็นส่วนของ Sky Fitness 2 ชั้นครับ เดี๋ยวผมจะพาไปดูกันต่อ
เข้ามาด้านในกันเลย ในฟิตเนสนี้จะเป็น 2 ชั้น เข้าที่ชั้นไหนก็ได้ และจะมีบันไดเดินเชื่อมถึงกันด้วยภายใน
กว้างขวางใช้ได้ครับ
เครื่องเล่นก็พอสมควร แต่ก็ตามจำนวนยูนิตที่ค่อนข้างเยอะด้วย ตรงริมกระจกติดม่านกรองแสงเอาไว้ให้ เวลาช่วงไหนแดดส่องก็ดึงลงมาบังได้ครับ
เดินขึ้นไปดูด้านบนกัน ตัวบันไดผิวเป็นไม้จริง
มองกลับลงไป
ตรงมุมห้องเป็นกระจกเข้ามุม โล่งมาก มองไปก็จะเห็นแนวรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินที่วิ่งมาจากสถานีบางโพฝั่งตรงข้ามด้วย
มุมนี้ตรงกับแนวแกนของรัฐสภาใหม่เลยครับ
โดยรวมก็สวยงาม น่าใช้งานครับ
มุมนี้จัดเป็นมุมจุดขายของ The Tree Rio ที่โครงการทำเป็นภาพ perspective ด้วย เพราะมองไปจะเป็นแนวแกนกับรัฐสภาแห่งใหม่พอดีเลย สร้างเสร็จแล้วก็จะถือเป็น Landmark ใหม่อีกแห่งของกรุงเทพฯ ครับ
ออกจากฟิตเนสมา เราก็เข้ามายัง Sky Lounge ชั้น 41 ต่อเลยครับ พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แผ่นใหญ่ สีดำสนิท เวลาสะท้อนเงาแล้วก็ทำให้ดูหรูใช้ได้ทีเดียว
ห้องนี้เป็นกระจกรอบด้านนะครับ โครงการติดม่านม้วนกรองแสงให้ด้วย กลางวันเวลาแดดส่องจะได้ยังสามารถใช้งานได้ ไม่ร้อนครับ
ย้อนไปดูตรงทางเข้าหน่อย
ใน Sky Lounge มีเคาน์เตอร์บาร์ให้ และมีซิงค์ล้างจานด้วย น่าจะทำเตรียมไว้เผื่อมีปาร์ตี้กันในคอนโด หรือเวลานำขนมเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นมาทาน จะได้มีที่ล้างมือ และทำความสะอาดครับ
มุมมองไปทางทิศใต้ครับ เห็นถึงสะพานพระราม 8 เลย รูปนี้จะมืดๆ หน่อย เพราะผมพยายามถ่ายให้เห็นวิวโค้งแม่น้ำข้างนอกด้วย
ด้านนี้เป็นวิวมองออกไปนอกเมืองครับ ไปทางการไฟฟ้าบางกรวย
ดูรวมๆ กันอีกมุม
ถ้ามองจากบน Sky Lounge ลงมา ก็จะเห็นสระว่ายน้ำด้านล่าง เป็นแกนพุ่งตรงไปยังรัฐสภาแห่งใหม่ด้วย ถ้ารัฐสภาสร้างเสร็จ กลางคืนน่าจะสวยงาม
วิวจากมุมสูงของโครงการ
วิวจาก Sky Fitness ครับ จะเห็นแนวถนนทางเข้าโครงการยาวเข้ามา ฝั่งตรงข้ามเป็นรัฐสภานั่นเอง
ซูมดูกันหน่อย ด้านหลังที่เป็น Background ก็จะเป็นแนว Skyline ของเมือง
โครงสร้างหลักก็ทำไปได้เยอะพอสมควรแล้วหล่ะครับ
จากหน้าโครงการหันไปทางซ้าย จะเห็นแนวของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามา
ซ้ายสุดที่เห็นในรูปเป็นสะพานพระราม 7 และแนวทางด่วนศรีรัช – วงแหวนรอบนอกครับ
แนวทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ที่ผ่านด้านหลังของโครงการ เชื่อมกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก กับในเมืองเข้าด้วยกัน
จากหน้าโครงการ ถ้ามองไปขวามือ จะเห็นโค้งแม่น้ำชัดกว่าทางซ้ายครับ เห็นยาวไปถึงสะพานกรุงธนบุรี และสะพานพระราม 8 นู้นเลย
เปิดผังคอนโด Typical Floor Plan
Floor Plan ชั้น 8,10,12,14 คอนโด The Tree Rio Bang-Aor Station
ห้องพักอาศัยก็จะเริ่มที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้นพื้นที่ส่วนกลางอย่างที่ได้เล่าไปแล้วข้างต้น ในส่วนจุดที่ผ่านเข้าออกไปยังห้องพักก็จะมีประตูกั้นให้ทั้งปีก 2 ฝั่งของคอนโด เพื่อความปลอดภัย ถ้าเป็นชั้นที่มีเฉพาะห้องพักอาศัยอย่างเดียวจะเริ่มที่ชั้น 7 แต่ห้องที่ชั้นนี้จะมีจำนวนยูนิตน้อยกว่าชั้นอื่นๆ นิดหน่อย เพราะตรงที่เป็นทางออกไปพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 6 นั้นยกทำเป็น outdoor double space สูงขึ้นมาจากชั้นล่าง
พอเหนือจากชั้น 7 ขึ้นมา จะเป็น typical Floor ที่จะมีห้องพักอาศัยอย่างเดียว สุงสุด 42 ยูนิตต่อชั้น จัดว่าหนาแน่นเอาเรื่อง แต่การที่ผู้ออกแบบวางตำแหน่งลิฟต์ไว้ตรงกลางแยกอาคารปีกหน้า กับปีกหลัง ก็ช่วยให้ระยะทางเดินไปแต่ละห้องไม่ไกลนัก และไม่รู้สึกว่าจำนวนยูนิตนั้นเยอะมาก เนื่องจากถูกแบ่งออกเป็น 2 ปีกแล้วนั่นเองครับ

ในเรื่องลักษณะของการวางห้องนั้นก็จะเป็นแบบเข้าแถวตรงหน้ากระดานตรงไปตรงมา ที่ชั้น 8-15 แปลนของตำแหน่งห้องพักอาศัยจะเหมือนกัน ห้องส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบ 1 ห้องนอน จะมีแบบ 2 ห้องนอนอยู่ชั้นละ 3 ห้อง (แปลนสีฟ้าอ่อน) ซึ่งจะได้วิวทางด้านหน้าโครงการที่หันไปทางถนนจรัญสนิทวงศ์ และแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด
Floor Plan ชั้น 16,18,20,22,24 คอนโด The Tree Rio Bang-Aor Station
สำหรับชั้น 16-38 จะมีห้องแบบ 2 ห้องนอนเพิ่มขึ้นมา กลายเป็นชั้นละ 5 ห้องครับ โดยแปลนแบบที่เป็น 2 ห้องนอนที่เพิ่มมานั้นก็เกิดจากการ Combined ห้องแบบ 1 ห้องนอน 2 ห้องเอามารวมกันไว้ เพราะฉะนั้นแปลนก็จะแตกต่างจาก 2 ห้องนอนที่เป็นห้องมุมครับ ส่วนห้องตำแหน่งอื่นๆ ก็เหมือนกันหมด

แปลนห้องดีไหม?
แปลนห้องทั้งหมดจะมี 5 แบบนะครับ คือแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ซึ่งแบบที่มีมากที่สุดในโครงการ จะเป็นแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 30-30.50 ตารางเมตร
แปลนห้องคอนโด The Tree Rio บางอ้อ สเตชั่น
แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28-29.50 และ 30-30.50 ตารางเมตร
แบบ 1 ห้องนอน จะมีด้วยกัน 3 แบบย่อยคือ แบบ 1 ห้องนอน 28-29.50 ตร.ม., แบบ 1 ห้องนอน 30-30.50 ตร.ม. และแบบ 1 ห้องนอน 37 ตร.ม. จะเป็นห้องมุมครับ ตัวแปลนด้านในห้องนั้นรวมๆ ของทั้ง 3 แบบจะเหมือนกัน คือ แยกพื้นที่ครัวกับห้องน้ำเอาไว้ด้านนึง พื้นที่ครัวเป็นครัวปิดที่สามารถเปิดระบายอากาศออกทางระเบียงได้ สเปซที่เหลือก็เป็นส่วนพักผ่อน, รับประทานอาหาร และมีส่วนนอนซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก สามารถวางเตียง 5 ฟุต ได้ แต่ถ้าวาง 6 ฟุต จะคับและแน่นไปหน่อยครับ …. โดยภาพรวมก็เรียกว่าห้องทั้ง 3 แบบนั้นมีสเปซภายใน และรูปแบบการจัดวางฟังก์ชั่นเหมือนกันหมดเลย ในแง่ฟังก์ชั่นใช้สอยภายในห้องก็ถือว่าจัดได้ลงตัวและให้สัดส่วนพื้นที่ค่อนข้างเหมาะสมทีเดียว
สำหรับจุดที่แตกต่างกันจะเป็นส่วนพื้นที่ระเบียงครับ ถ้าเป็นขนาด 28-29.50 ตร.ม. จะมีระเบียงจุดเดียวที่บริเวณพื้นที่ครัว ส่วนแบบ 1 ห้องนอน 30-30.50 ตร.ม. ซึ่งเป็นแบบที่มีมากที่สุดในโครงการจะได้ระเบียง 2 ส่วน ทั้งตรงส่วนห้องนอนและส่วนห้องครัว ส่วนแบบ 1 ห้องนอน ที่เป็นห้องมุม 37 ตร.ม. พื้นที่ระเบียงจะยาวตั้งแต่ห้องนอนไปถึงพื้นที่ครัวเชื่อมกันไปเลย ห้องแบบ 37 ตารางเมตรนี้จะอยู่ตรงมุมปลายอาคารด้านหลังเท่านั้นนะครับ
แปลนห้องคอนโด The Tree Rio บางอ้อ สเตชั่น
แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 59.50 ตารางเมตร
แปลนแบบนี้จะเป็น 2 ห้องนอนที่เกิดจากการเอา 1 ห้องนอนมา combined รวมกันนั่นเอง ตำแหน่งห้องน้ำนั้นอยู่ที่จุดเดิม ได้พื้นที่ส่วนทำงานเล็กๆ เพิ่มขึ้นมา ใกล้กับส่วนนั่งเล่น ที่เปิดโล่งเชื่อมกับส่วนรับประทานอาหารครับ พื้นที่ห้องนอนเล็กจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใส อาจจะดูไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ กลายเป็นว่าห้องนอนเล็กนั้นมองทะลุเห็นได้จากส่วนพักผ่อนและส่วนรับประทานอาหารเลย แต่ถ้าจะกั้นผนังห้องนอนเป็นผนังทึบไปเลย พื้นที่ในส่วนพักผ่อนและรับประทานอาหารก็จะไม่ได้แสงธรรมชาติ ก็เลยต้องเป็นกระจกใสแบบนี้ ถ้าใช้เป็นห้องนอนจริงๆ ก็น่าจะต้องติดม่านหรือมูลี่ทึบเอาไว้บังสายตาเวลาต้องการพักผ่อนเป็นส่วนตัวครับ
ส่วนสำหรับห้องนอนใหญ่ที่ได้พื้นที่ฝากนึงของแปลนไปเลย จะมีห้องน้ำในตัว ที่สามารถทำ walk-in closet ด้านหน้าได้ด้วย และยังมีมุมเล็กๆ สำหรับตั้งโต๊ะทำงาน ในห้องนอนใหญ่นี่ถือว่าจัดแปลนมาค่อนข้างดีเลยนะครับ ในภาพรวมของแปลนแบบนี้ก็จัดได้เป็นสัดเป็นส่วน มิจุดติก็แค่ตรงความ private ของห้องนอนเล็กเท่านั้น แต่ถ้าจะเอาไปดัดแปลงเป็นฟังก์ชั่นใช้งานแบบอื่น เช่น ห้องทำงาน อะไรแบบนี้ก็จะดีมาก

แปลนห้องคอนโด The Tree Rio บางอ้อ สเตชั่น
แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 60.50-61 ตารางเมตร
มาถึงแบบ 2 ห้องนอน ที่เป็นห้องมุมติดด้านนอก 2 ด้านค่ะ ห้องแบบนี้จะมีเฉพาะมุมด้านที่หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา และถนนจรัญสนิทวงศ์เท่านั้น การจัดฟังก์ชั่นนั้นทำได้ยืดหยุ่นมากกว่าแบบ 59.5 ตารางเมตร เพราะไม่ได้เกิดจากการ combined มา แปลนห้องนั้นสวยมากทีเดียว สามารถแบ่งโซนของห้องนอนทั้ง 2 ห้อง กับส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหารได้เป็นสัดเป็นส่วน ได้แสงธรรมชาติเข้ามาทั้งในส่วนของห้องนอน, ส่วนนั่งเล่น และห้องครัวปิดที่แยกออกมาครับ
ห้องแบบนี้จะได้กระจกเข้ามุมทั้งในส่วนห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็กด้วย ด้านนอกจะมีระเบียงยาวเป็นรูปตัว L เชื่อมกันในส่วนพักผ่อนและส่วนครัว ส่วนห้องนอนนั้นจะไม่มีระเบียงเหมือนแบบอื่น ภาพรวมแบบนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมากครับ แปลนสวยเชียว

ห้องตัวอย่างคอนโด The Tree Rio Bang-Aor Station
แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28-29.50 ตารางเมตร
เริ่มกับห้องแบบ 1 ห้องนอนค่ะ ในห้องตัวอย่างจะเป็นห้องแบบ 28-29.50 ตร.ม. คือมีระเบียงจุดเดียวที่บริเวณครัว เปิดประตูเข้ามาเจอพื้นที่นั่งเล่น เชื่อมต่อกับห้องนอนด้านใน กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกที่ให้มาเป็นกระจกสูงจรดฝ้า ทำให้ห้องยังดูกว้างอยู่
ระยะการนั่งดูทีวี ถือว่าไม่แคบเกินไป ติดทีวีจอใหญ่ได้สบาย
จากห้องนอน มองกลับออกมาทางส่วนพักผ่อน ในห้องตัวอย่างจะวางโต๊ะรับประทานอาหารเอาไว้ใกล้กับทางเข้าออก
พื้นที่ครัว
สเปซตรงระเบียงที่อยู่ติดกับครัว เป็นส่วนวางเครื่องซักผ้า ด้านบนเครื่องซักผ้าก็จะแขวนแอร์ ที่ตรงระเบียงเหลือไม่เยอะ แนะนำให้ใช้ราวตากผ้าแบบพับเก็บได้จะดีกว่า ไม่งั้นเวลาเปิดฝาเครื่องซักผ้าจะไม่สะดวกครับ
สำหรับห้องน้ำก็จะอยู่บริเวณเดียวกับพื้นที่ครัวเช่นกัน
จบด้วยจากทางเข้าออก มองกลับไปยังพื้นที่รับประทานอาหาร พื้นที่นั่งเล่น และห้องนอนครับ
ห้องตัวอย่างคอนโด The Tree Rio Bang-Aor Station
แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 59.50 ตารางเมตร
มาดูที่แบบ 2 ห้องนอน (combined) กันต่อ ทางเข้าห้องจะอยู่ช่วงกลางของแปลนห้อง เข้ามาก็จะเจอสเปซพื้นที่นั่งเล่นที่รวมกับพื้นที่รับประทานอาหาร เชื่อมถึงกัน ทำให้ห้องดูกว้างทีเดียว
จากพื้นที่รับประทานอาหาร มองกลับไปที่พื้นที่นอน ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องนอนเล็กที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก
ส่องห้องนอนเล็กกั้นสักหน่อย ห้องนอนเล็กจะอยู่มุมด้านนอก ได้รับแสงธรรมชาติเข้ามา
ส่วนห้องนอนใหญ่จะอยู่ปลายสุดของทางเดินอีกฝั่งครับ
สเปซเล็กๆ ที่คั่นระหว่างห้องนอนเล็กกับห้องนอนใหญ่ ทำเป็นห้องทำงานเล็กๆ ได้ ในหัวตัวอย่างติดกระจกที่ผนังอีกด้าน ทำให้ดูกว้างขึ้นมากเลย
เข้ามาให้ห้องนอนใหญ่กัน
เตียงจะวางเกือบชิดผนังห้อง แต่บริเวณปลายเตียงจะมีพื้นที่เหลืออยู่ พอให้เปลี่ยนฝ้าปูที่นอนได้สะดวกโดยที่ไม่ต้องเลื่อนเตียง
ห้องนอนจะได้กระจกเต็มๆ รับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้อง ออกไปตรงระเบียงได้ด้วย
อีกฝั่งจะเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าอยู่ด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำ ตรงนี้กั้นเป็น walk-in closet ก็ได้นะครับ
ห้องเปล่าคอนโด The Tree Rio Bang-Aor Station
แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 30-30.50 ตารางเมตร
ห้องจริงที่ได้มาจะเป็นห้องเปล่า ปูพื้นห้องด้วยลามิเนต 8 มม. ปูด้วยวอลเปเปอร์ให้ ส่วนห้องนอนจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน สูงจรดฝ้าเพดานที่ 2.6 เมตรครับ
พื้นที่ส่วนห้องนอนค่ะ
มุมตั้งหัวเตียง
จากบริเวณพื้นที่ห้องนอน มองกลับไปด้านหน้าทางเข้าออกห้อง
ประตูบานเปิดเข้าไปห้องครัวและห้องน้ำ ได้แอร์มา 2 ตัว ที่ห้องนอนและพื้นที่นั่งเล่น
ห้องเปล่าคอนโด The Tree Rio Bang-Aor Station
แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 60.50 – 61 ตารางเมตร
แบบ 2 ห้องนอนที่เป็นห้องมุม เข้ามาก็จะเจอสเปซส่วนรับประทานอาหารและส่วนพักผ่อนโล่งต่อเนื่องถึงกัน ทางขวามือที่เห็นในรูปคือประตูเข้าไปครัว
ทางเดินไปห้องนอนทั้ง 2 ในสุดจะเป็นห้องนอนใหญ่ ขวามือเป็นห้องนอนเล็ก
ด้านในห้องนอนเล็ก ได้กระจกเข้ามุมด้วย
ห้องนอนใหญ่ มีกระจกเข้ามุมอีกเช่นกัน
เปิดห้อง ส่องวัสดุ : Focus on “MATERIALS”
วัสดุที่ให้มาในห้องนั้นเป็นเกรดทั่วไปที่ใช้งานได้ตามมาตรฐาน โดยรวมออกมากลางๆ ตามระดับราคาครับ พื้นปูลามิเนต 8 มม. มีวอลเปเปอร์ให้ทั้งห้อง พื้นส่วนครัวปูกระเบื้อง เตรียมระบบท่อน้ำดีเอาไว้ให้ ห้องน้ำได้กระจกบานใหญ่ และสุขภัณฑ์ของ American Standard มีตกแต่งกระเบื้องโมเสคในบางจุด ตินิดหน่อยตรงที่ประตูห้องดูไม่ค่อยแข็งแรงนักครับ
รีวิววัสดุคอนโด The Tree Rio นี้เลยแยกเป็น 2 ส่วน คือวัสดุในห้องน้ำ และวัสดุทั่วไปในห้องรวมถึงวัสดุปิดผิว (finishing materials) ครับ
วัสดุห้องครัว / ส่วนเตรียมอาหาร (pantry)
วัสดุห้องน้ำ
วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)
เปิดกระเป๋า ดูสตางค์
ในปัจจุบัน (มกราคม 2561) ห้องที่เหลือขายอยู่ของโครงการก็มีไม่มากครับ ราคาเริ่มต้นของแบบ 1 ห้องนอน 28 ตารางเมตร อยู่ที่ 2,395,000 บาท ส่วนแบบ 1 ห้องนอน 30 ตารางเมตรที่มีเยอะที่สุดในโครงการ อยู่ที่ 2,325,000 บาท ส่วนแบบ 2 ห้องนอนก็จะเหลือแต่แบบ combined เป็นส่วนใหญ่ ห้องมุมนั้นเกือบหมดแล้ว
สำหรับห้องขนาดเดียวกัน ในชั้นเดียวกัน เรื่องทิศทางนั้นไม่มีผลกับราคาครับ แต่จะแบ่งราคาออกเป็น 2 โซน คือฝั่งโซนปีกหน้าของตึกจะแพงกว่าโซนปีกหลังหน่อย เพราะเห็นแม่น้ำใกล้กว่านั่นเอง ตอนที่ไปรีวิวราคาเฉลี่ยของโครงการก็อยู่ที่ประมาณ 85,000 บาท/ตารางเมตรครับ
ราคา ณ มกราคม 2561
ราคาเริ่มต้น :
1 ห้องนอน 28 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท เฉลี่ยเริ่มต้น 79,000 บาท/ตร.ม
1 ห้องนอน 30 ตารางเมตร ชั้น 7 ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท เฉลี่ยเริ่มต้น 79,000 บาท/ตร.ม
2 ห้องนอน 59.5 ตารางเมตร (combined) ชั้น 24 ราคาเริ่มต้น 5.57 ล้านบาท เฉลี่ยเริ่มต้น 79,000 บาท/ตร.ม
เงื่อนไขการจอง :
- เงินจอง
1 ห้องนอน 10,000 บาท
2 ห้องนอน 20,000 บาท
- ผ่อนดาวน์
ไม่มี เป็นคอนโดพร้อมอยู่
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :
ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม. (ชำระล่วงหน้า 2 ปี)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund) 500 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)
Overview Summary
ด้านการเดินทาง
ตัวคอนโด The Tree Rio นั้นตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ตำแหน่งเยื้องโรงพยาบาลยันฮี การเข้าถึงสำหรับคนโซนนี้อยู่แล้วถือว่าไม่ลำบาก การเชื่อมต่อกับตัวเมืองทางฝั่งพระนครนั้นไปได้ 2 ทาง คือ สะพานพระราม 7 และสะพานกรุงธนบุรี ส่วนถนนในโซนบางกรวยใกล้กับโครงการนั้นสามารถทะลุไปออกพื้นที่รอบๆอย่างถนนสิรินธร (ออกบริเวณฝั่งตรงข้ามหน้าห้างตั้งฮัวเส็ง) หรือพระราม 5 – นครอินทร์ ได้สำหรับคนที่รู้จักเส้นทางครับ ในโซนนั้นก็จะมีรถสองแถวและรถเมล์วิ่ง ส่วนเรื่องการใช้ระบบรถไฟฟ้าในอนาคตนั้นก็ต้องบอกว่าถ้ารถไฟฟ้าเสร็จก็จะสะดวกมากเพราะมีบันไดทางลงรถไฟฟ้าของ MRT สถานีบางอ้อ มาจ่อหน้าโครงการเลย
ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต
เรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่จะเปลี่ยนแปลงโซนนี้ มีอยู่ 2 เรื่องหลักๆ ครับ เรื่องแรกก็เป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่วิ่งเป็นวงแหวนรอบกรุงเทพฯ และความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยมีกำหนดการล่าสุดจะเปิดในช่วงเมษายน 2563 จริงๆ ดูสภาพการก่อสร้างก็ไปได้เยอะแล้วหล่ะครับ แต่สิ่งที่ต้องรอกันอีกเป็นปีคือเรื่องการวางระบบอาณัติสัญญาณต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร
อีกเรื่องที่น่าสนใจมากๆ คือ การตัดแนวถนนใหม่จากบริเวณด้านข้างโรงพยาบาลยันฮี ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านด้านข้างรัฐสภาแห่งใหม่ ไปเชื่อมกับถนนทหารและตรงเข้าสู่สะพานควาย ซึ่งถ้าถนนนี้สามารถทำได้จริงตามแผนก็น่าจะทำให้ระบบโครงสร้างการสัญจรบริเวณนี้เปลี่ยนไปอีกมากทีเดียวครับ เพราะในปัจจุบัน จากที่ตั้งของโครงการ เดอะทรี รีโอ้ บางอ้อ สเตชั่น จะเข้าเมืองจะต้องใช้สะพานพระราม 7 หรือสะพานกรุงธนบุรี เท่านั้น แต่ถ้าทำถนนนี้เสร็จจากหน้าโครงการก็จะสามารถตัดเข้าเมืองตรงไปยังพหลโยธินและแนวรถไฟฟ้า BTS ได้เลยด้วย ซึ่งนั่นแปลว่าการ access โครงการจากฝั่งกรุงเทพฯ จะเปลี่ยนไปในทันทีเลย
ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ
ตัวคอนโด The Tree Rio Bang-Aor Station นั้นอยู่ถัดลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ ทำให้ในแง่ของความโดดเด่น (Exposure) นั้นอาจจะสู้โครงการติดถนนใหญ่อื่นๆ (ถ้ามีในอนาคต) ไม่ได้ แต่ตอนนี้ก็ถือว่าเด่นมากอยู่ เนื่องจากยังไม่มีคอนโดสูงระดับเดียวกันในบริเวณใกล้เคียงเลย ซึ่งการที่ตัวคอนโดถอยร่นจากแนวถนนใหญ่เข้าไปก็จะได้เรื่องความเงียบสงบมาแทน เพราะระยะที่ห่างจากถนนใหญ่นั้นก็คงช่วยลดเสียงวุ่นวายได้มากอยู่ครับ และพื้นที่รอบๆก็ไม่ได้มีถนนหรือเสียงจอแจอะไร การเดินเข้าจากทางหน้าโครงการนั้นจะมีหลังคาคลุม (covered walk way) มาให้ แต่ก็ไม่ได้คลุมยาวตลอด ทำให้ถ้าเวลาฝนตกแล้วจะมีช่วงรอยต่อของหลังคาทางเดินที่หายไปทำให้เปียกฝนได้นิดหน่อย
ลักษณะรูปทรงของคอนโดนั้นทำออกมาเป็นตัว S มีปีกอาคารอยู่ 2 ด้าน โทนสีโดยรวมออกมาเป็นโทนเทาดำ มีการดีไซน์ใช้แนวเส้นตั้งเป็นครีบบนตัวอาคารเพื่อใช้ในการตกแต่งและสร้างจังหวะของเส้นสายต่างๆบนตัวคอนโด (ถ้าไม่มีจังหวะเส้นพวกนี้มันจะกลายเป็นกำแพงยักษ์ซึ่งดูหนัก) การเลือกโทนสีแบบนี้ช่วยให้ตัวตึกดูเท่ขึ้นมากทีเดียว แม้ว่าลักษณะของการจัดเรียงห้องจะเป็นแบบการวางเรียงต่อๆ กันตามแบบคอนโดราคาไม่แพงนักก็ตาม ซึ่งจากดีไซน์ที่ออกมา จะเห็นความพยายามของผู้ออกแบบที่สร้างเส้นตั้งและเส้นนอนมาตกแต่งผิวอาคาร ซึ่งพอรวมกับระเบียงแล้ว ก็ทำให้ดูมี texture พอสมควร
ในเรื่องของแปลนห้อง The Tree Rio Bang-Aor Station นั้นสำหรับแบบ 1 ห้องนอน 30 ตารางเมตร ซึ่งเป็นแบบที่มีมากที่สุดในโครงการก็ทำออกมาได้โอเคดี ใช้พื้นที่เล็กๆ ได้ค่อนข้างคุ้มค่าไม่เหลือพื้นที่เปล่าๆ เอาไว้ จุดที่ดูจะใช้งานลำบากอยู่หน่อยก็เป็นบริเวณส่วนตากผ้าซึ่งดูจะแคบไปถ้าจะออกไปยืนตากผ้าตรงระเบียง และก็เรื่องพื้นที่เก็บของซึ่งเป็นปัญหาปกติของคอนโดขนาดห้องตำกว่า 30 ตาราเมตรแทบทุกที่ ส่วนแปลนแบบ 2 ห้องนอนที่เป็นแบบห้องมุมทำออกมาได้ดีมากทีเดียว การแบ่งพื้นที่ของฟังก์ชั้นทำได้เป็นสัดส่วน จัดสเปซออกมาได้ดี แต่สำหรับแบบ 2 ห้องนอน (combined) นั้นเกิดจากการเอา 1 ห้องนอน มารวมกัน ทำให้ตำแหน่งห้องนอน 2 ดูจะไม่เป็นส่วนตัวนักครับ
ส่วนวัสดุ เดอะทรี รีโอ้ บางอ้อ สเตชั่น นั้นให้มาทั่วไปตามมาตรฐานครับ ไม่ใช่จุดเด่นของที่นี่เท่าไหร่ ได้พื้นลามินเนต 8 มม., วอลลเปเปอร์, แอร์, ประตูห้องเป็นไฟเบอร์สีเมนต์, สุขภัณฑ์ American Standard ส่วนของห้องน้ำดีที่ได้กระจกบานใหญ่ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นเยอะเลย ส่วนครัวนั้นเตรียมมาให้เฉพาะท่อน้ำดี ต้องมาทำเพิ่มเอาเองครับ
แต่เรื่องที่ต้องชมมากๆ น่าจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางครับ ผมว่า The Tree Rio บางอ้อ สเตชั่น เป็นโครงการราคาเฉลี่ย 85,000 ที่จัด facilities มาเต็มที่สุดโครงการหนึ่งเลยทีเดียว โดยรวมหลากหลาย และก็เลือกวางตำแหน่งของพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ กระจายกันออกไป เพื่อลดความหนาแน่นที่ต้องมาอยู่รวมกันจุดใดจุดหนึ่ง มีคลับเฮ้าส์แยกออกมาโดยดัดแปลงจากสำนักงานขายเดิม ซึ่งภายในก็มีทั้ง Yoga room, Golf Simulator room, Kids room, Reading room, Living room และ Meeting room ซึ่งโดยรวมก็ตกแต่งออกมาสวยงาม น่าใช้งานครับ
นอกจากนั้นบนตัวอาคารยังมี facilities อีก 3 ช่วง ที่ชั้นล่างเป็นล็อบบี้ที่ใหญ่มาก ดูแกรนด์ทีเดียว แต่จุดติจุดเดียวของส่วนกลางที่นี่ก็คือล็อบบี้ไม่มีแอร์นี่แหละครับ โอเคว่าปกติตามคอนโดทั่วไป เวลานิติบุคคลเข้าบริหาร ลูกบ้านก็มักไม่ให้เปิดแอร์ตรงล็อบบี้ตลอดอยู่แล้ว เพราะเปลืองไฟมาก แต่กรณีนี้ก็อาจจะใช้งานไม่สะดวกในบางช่วงเวลา เช่น มีประชุมใหญ่ อะไรแบบนี้ครับ แต่ถ้าสมมติว่าไม่นับเรื่องแอร์ที่ล็อบบี้แล้ว facilities ด้านบนถือว่าดีงามเลย
ที่ชั้น 6 มีส่วนของสระว่ายน้ำ ที่ลึกไม่มาก เป็น Family Pool และมีสระเด็กกับจากุชชี่ แยกออกมาต่างหากด้วย ส่วนอีกฝั่งของอาคารเหนือโพเดียมที่จอดรถก็จะเป็นสวนเอาไว้เดินเล่นพักผ่อนได้
ขึ้นไปที่ชั้น 40 และ 41 ด้านบนจะมี Fitness 2 ชั้น และ Sky Lounge และก็สระว่ายน้ำยาว 40 เมตร ที่เห็นวิว Skyline ของกรุงเทพฝั่งพระนครเกือบทั้งหมด โดยรวมๆ ก็จัดว่าประทับใจครับ
สิ่งที่ดูจะให้มาน้อยไปหน่อยก็เป็นเรื่องของลิฟต์ ซึ่งลิฟต์โดยสารมี 6 ตัว และมีลิฟต์เซอร์วิส 2 ตัว (โดยมีตัวนึงเป็นลิฟต์ดับเพลิงด้วย) ถ้าใช้ลิฟต์โดยสาร 6 ตัว ความหนาแน่นของการใช้งานจะอยู่ที่ 235 ยูนิต ต่อลิฟต์ 1 ตัว ซึ่งถือว่าหนาแน่นไปหน่อย แต่ด้วยความที่จัด facilities อื่นๆมาให้เต็ม เลยก็น่าจะพอชดเชยไปกับความน้อยของเรื่องลิฟต์ได้อยู่ ส่วนที่จอดรถนั้นมีมาให้ 608 คัน แบบไม่รวมซ้อน คิดเป็น 43% ถ้ารวมซ้อนจะได้ 53% ซึ่งสำหรับคอนโดที่ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองแต่ติดรถไฟฟ้าและระดับราคาเฉลี่ยเท่านี้ ถือว่าดีครับ
Score Summary
สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)
และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่ https://www.facebook.com/Yusabuy
ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆ เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่ เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นครับ (^_____^)
ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์ ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยครับ
The post รีวิวคอนโด The Tree Rio Bang-Aor Station (เดอะทรี ริโอ้ บางอ้อ สเตชั่น) คอนโดบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ติดรถไฟฟ้า MRT บางอ้อ วิวแม่น้ำเจ้าพระยา appeared first on รีวิวคอนโด บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม โดยอยู่สบาย.คอม (YuSabuy.com).