วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูทำเลของ Chewathai Residence Thonglor (ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ)  คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้นในย่านทองหล่อ-เอกมัย จากชีวาทัยค่ะ  คอนโด ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ นี้ จะตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 20 หรือ ที่เรารู้จักกันในชื่อว่า ซอยแจ่มจันทร์ ซึ่งเป็นซอยที่เข้าออกได้ทั้งถนนทองหล่อและเอกมัยเลยค่ะ ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย

ส่วนตัวคอนโด Chewathai Residence ทองหล่อ ก็ออกแบบน่าสนใจ ด้วยระเบียงสามเหลี่ยมที่ยื่นออกมาจากตัวอาคาร  มีส่วนกลางให้ครบถ้วน เน้นความเป็นส่วนตัวสูง ด้วยจำนวนห้องน้อย 130 ยูนิตเท่านั้นค่ะ  ทำเลโครงการจะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันเลย

CHEWATHAI RESIDENCE THONGLOR

(ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ)

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน)
• ที่ตั้งโครงการ >>> ซอยทองหล่อ 20 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
• ขนาดที่ดิน >>> 1-0-94 ไร่
• จำนวนอาคาร >>> 1 อาคาร
• จำนวนชั้น >>> 8 ชั้น
• ประเภทห้อง
  • 1 Bedroom 30-35 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus 46 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 43-55 ตร.ม.
• จำนวนยูนิต >>> 130 ยูนิต
• ที่จอดรถ >>> 52 คัน
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 5.59 ลบ.* (ตุลาคม 2561)
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> N/A
• พิกัด GPS >>> 13.739154, 100.586403
• เว็บไซต์โครงการ >>> www.chewathai.com/register
• โทร >>> 1260

.

Additional Info

ลงทะเบียนรับรายละเอียดเพิ่มเติมจากโครงการ >>> https://bit.ly/2OraCpm

.

การเดินทางไป CHEWATHAI RESIDENCE THONGLOR 

ซอยแจ่มจันทร์ จะเป็นซอยที่เด่นตรงที่เข้าออกได้ทั้งถนนทองหล่อ และถนนเอกมัยค่ะ หากเข้าทางถนนทองหล่อจะเรียกว่า ซอยทองหล่อ 20 แต่ถ้าเข้าทางเอกมัยจะเรียกว่า ซอยเอกมัย 21  และตำแหน่งซอยแจ่มจันทร์จะค่อนมาทาง ถนนเพชรบุรี มากกว่า เส้นสุขุมวิท โดยปากซอยทองหล่อ 20 และเอกมัย 21 ห่างถนนเพชรบุรีแค่ 550 – 600 เมตรตามลำดับ ถ้ามาจาก ถนนเพชรบุรี เราแนะนำให้เข้าทางทองหล่อจะสะดวกกว่า เพราะบางเวลาเส้นเอกมัยจะห้ามเลี้ยวขวาตัดเข้าซอยแจ่มจันทร์

…ถ้าหากเข้าจาก ถนนสุขุมวิท เส้นเอกมัยจะสะดวกกว่า เพราะสามารถเลี้ยวเข้าซอยเอกมัย 21 ได้เลย ส่วนถนนทองหล่อจะต้องมากลับรถใต้สะพานอีกที  แต่ก็เป็นเส้นทางที่เราเลือกเดินทางในวันนี้นะคะ เพราะอยากให้เห็นสภาพแวดล้อมบนถนนทองหล่อด้วย

ตอนนี้เราลง BTS ทองหล่อ ประตู 3 มาถึงแยกทองหล่อแล้วค่ะ

นั่งรอต่อเข้ามาประมาณ 1 กิโลเมตร จะผ่านโรงแรม Grande Centre Point Thonglor และซอยทองหล่อ 10 ทางขวามือ เป็นอีกซอยที่ลัดไปออกซอยเอกมัย 5 ได้

ตลอดสองข้างทางของซอยทองหล่อนั้น จะเต็มไปด้วยร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย แถวซอยทองหล่อ 17 จะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ J Avenue ทองหล่อ ใกล้ๆ กับ The Commons

อีกประมาณ 600 เมตร เราจะผ่านโรงพยาบาลคามิลเลียนที่อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ เป็นโรงพยาบาลที่อยู่ตรงข้ามกับซอยทองหล่อ 20 เลยค่ะ ถือเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้กับตัวโครงการมากที่สุด แต่เรายังเข้าซอยทองหล่อ 20 ไม่ได้นะคะ ให้เราขับเลยไปก่อน

พอเห็นสะพานให้เราอยู่ชิดเลนซ้ายเพื่อไปกลับรถใต้สะพานค่ะ

จุดกลับรถใต้สะพานช่วงกลางวันจะมีอาหารสตีทฟู้ดอยู่ด้วย

กลับรถแล้ว ตรงไปเรื่อยๆ

พอสังเกตเห็นธนาคารกสิกรไทยทางซ้ายมือ ก็ให้เราชิดซ้าย เตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยทองหล่อ 20 ได้เลย

หน้าปากซอยจะมีเซเว่นเปิดให้บริการอยู่ด้วย เราเข้าไปดูภายในซอยกันค่ะ

ภายในซอยทองหล่อ 20 นั้นจะเป็นถนนแบบ 2 เลนวิ่งสวนกัน มีรถผ่านอยู่ตลอดแต่ไม่มีทางเดินเท้า ถ้าเดินเข้าซอยต้องระวังหน่อยนะคะ

จากปากซอยเข้ามา 80 เมตร จะเห็นอาคารแคปปิตอล เวิร์คเพลส ทางซ้ายมือ ซึ่งอาคารนี้ทางชีวาทัยเช่าพื้นที่ทำเป็นสำนักงานขาย Chewathai Residence Thonglor ด้วย เดี๋ยวจะพาเข้าไปชมนะคะ แต่ตอนนี้เราเดินเลยไปดูตัวที่ดินกันก่อน

ตัวที่ดินของโครงการนั้นห่างจากตัวสำนักงานขายมาอีกประมาณ 100 เมตร  ที่ดินขนาด 1-0-94 ไร่ กินพื้นที่ไปจนถึงซอยย่อยในซอยแจ่มจันทร์  ตอนนี้พื้นที่ล้อมรั้วสำหรับเตรียมการก่อสร้างแล้วค่ะ

บรรยากาศรอบๆ ตัวที่ดินนั้นจะเป็นอาคารสูงประมาณ 8 ชั้น

มาดูตำแหน่งรอบๆ CHEWATHAI RESIDENCE THONGLOR

โครงการ Chewathai Residence Thonglor แม้จะห้อยท้ายว่าทองหล่อ แต่เราคิดว่าโครงการนี้ควบ 2 ทำเลเลยค่ะ จะทองหล่อหรือเอกมัยก็สะดวกทั้งนั้น  โดยย่านทองหล่อเป็นย่านที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว เพราะในช่วงกลางวันย่านนี้ก็จะเต็มไปด้วยคอมมูนิตี้มอลล์ และร้านคาเฟ่ชิคๆ น่านั่งเต็มไปหมด แต่พอตกดึก ย่านนี้ก็จะกลายเป็นที่ที่เต็มไปด้วยสีสันยามค่ำคืน นักท่องราตรีหลายคนคงจะทราบเป็นอย่างดี ส่วนเอกมัยก็ยังคงมีร้านอาหารเก๋ๆ อยู่ และยังเป็นโซนพักอาศัยยอดนิยมของชาวต่างชาติด้วย

…รถไฟฟ้าที่ใกล้สุดจะเป็น BTS ทองหล่อ และ BTS เอกมัย วัดระยะจากหน้าโครงการถึงทางขึ้นสถานีได้ประมาณ 2.1 และ 2.4 กิโลเมตรตามลำดับ ถือว่าไกลเกินระยะเดินสบายค่ะ คงต้องพึ่งรถบริการของทางโครงการ หรือพี่วินมอเตอร์ไซต์กันอยู่

ดูภาพรวมกว้างๆ แล้วเราจะเห็นได้ชัดเจนเลยนะคะ ว่าย่านนี้เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า เริ่มจากเส้นทองหล่อนั้นจะเป็น Tops market, The Commons และ เจ อเวนิว ทองหล่อ  ถัดมาที่ย่านเอกมัยก็จะเป็น บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาเอกมัย, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สุขุมวิท และ เกตเวย์ เอกมัย ไล่เรียงตามเส้นสุขุมวิทไปก็จะไปเจอกับ เอ็มควอเทียร์, เอ็มโพเรียม และ เทอร์มินอล 21 ค่ะ

แม้จะอยู่ใจกลางเมือง และรถค่อนข้างติด แต่ก็มีเส้นทางลัดเลาะเชื่อมกันอยู่หลายเส้น ซึ่งนอกจากซอยแจ่มจันทร์ที่ลัดไปออกถนนเอกมัยได้แล้ว ก็ยังมีซอยทองหล่อ 10 ที่ลัดออกซอยเอกมัย 5 ได้ ส่วนถนนเอกมัยก็มีซอยเอกมัย 12 ที่เชื่อมต่อไปออกซอยสุขุมวิท 71 ได้อีกด้วย

.

ขาเข้าโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ แนะนำไปแล้วในช่วงการเดินทาง ส่วนขาออกจากโครงการถ้าจะไปถนนสุขุมวิท ออกทางซอยทองหล่อ 20 จะสะดวกกว่า เพราะเลี้ยวซ้ายเพื่อเชื่อมต่อเข้าถนนสุขุมวิทได้ทันที ถ้าออกทางซอยเอกมัย 21 บางช่วงเวลาทางจะบังคับเลี้ยวซ้ายไปเพชรบุรีเท่านั้น ไปสุขุมวิทต้องกลับรถค่ะ แปะภาพให้ดูชัดๆ อีกซักที

ซึ่งถ้ามาทางเพชรบุรีแล้วเลี้ยวซ้าย จะเชื่อมกับถนนเพชรบุรีตัดใหม่ไปออกตรงแยกเพชรบุรีได้  หากเลี้ยวขวาก็จะไปเข้าถนนพัฒนาการ  ส่วนถ้าตรงขึ้นสะพานข้ามแยกเอกมัยเหนือ จะไปลงถนนพระราม 9 หรือ ตรงเข้าเลียบด่วนรามอินทราได้ และยังใกล้กับ ทางพิเศษศรีรัช และ ทางพิเศษฉลองรัช อีกด้วยค่ะ

.

.

เพื่อนบ้านของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ ในซอยแจ่มจันทร์ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย และร้านอาหารเช่น ร้าน Cheesecake House & Restaurant, ร้านอาหารญี่ปุ่น Uomasu ซอยทองหล่อ 20 และ โรงเรียนแจ่มจันทร์  ทำให้ช่วงเวลาเช้าและเย็น อาจจะมีการจราจรที่หนาแน่นกว่าปกติเล็กน้อย …ถ้าออกปากซอยทองหล่อ 20 จะมี ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนสุขุมวิท 55 , ร้าน 7-Eleven และ ธนาคารกรุงศรี สาขาซอยทองหล่อ  …ฝั่งตรงข้ามซอยทองหล่อ 20 เป็น โรงพยาบาลคามิลเลียน กับร้าน S&P ทองหล่อ  นอกนั้นก็มีร้านค้าร้านอาหารอีกหลายร้าน อย่างบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างญี่ปุ่น Seiniku-ten  ถ้าขยันเดินหน่อย อีก 600 เมตร ก็ถึงคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง J Avenue ทองหล่อ และ The Commons ในซอยทองหล่อ 17 แล้วค่ะ

ส่วนถ้าออกทางซอยเอกมัย 21 จะมีอาคาร S.S.P.Tower 1 อยู่ใกล้ๆ ฝั่งตรงข้ามเป็นธนาคารกรุงไทย และธนาคารธนชาติ สาขาเอกมัย ถ้าเดินเลี้ยวขวาไปทางซอยเอกมัย 22 จะมีปั๊มน้ำมันบางจาก ฝั่งตรงข้ามมีร้านอาหารอยู่หลายร้านเลยค่ะ

สภาพแวดล้อม CHEWATHAI RESIDENCE THONGLOR

ที่ดินโครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ ฝั่งนึงจะติดกับบ้านพักอาศัย อีกฝั่งจะติดกับซอยย่อยในซอยแจ่มจันทร์ ซึ่งฝั่งนี้จะอยู่ข้างๆ ร้าน Cheesecake House & Restaurant ที่มีทั้งขนมหวานและอาหารคาวให้เลือกชิมกัน

เดินต่อไปอีกก็จะพบกับพี่วินมอเตอร์ไซค์ให้บริการก่อนถึงโรงเรียนแจ่มจันทร์

นี่คือหน้าบริเวณโรงเรียนแจ่มจันทร์ กรุงเทพมหานครค่ะ สอนตั้งแต่อนุบาลจนถึงประดับประถม  หากขับรถยนต์ผ่านแถวนี้ก็ต้องชะลอความเร็วกันนิดนึงเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ นะคะ

ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียนแจ่มจันทร์นั้นก็คือ ร้านอาหารญี่ปุ่น UOMASU ทองหล่อ 20 เพราะย่านทองหล่อนี้มีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะทำให้แถวนี้มีร้านอาหารญี่ปุ่นให้เลือกมากมายเลยค่ะ

เดินต่อไปอีกก็จะพบกับถนนเอกมัยแล้วค่ะ ซึ่งตรงนี้จะเรียกซอยแจ่มจันทร์นี้ว่า ซอยเอกมัย 21

ซึ่งตรงนี้จะบังคับเลี้ยวซ้ายซึ่งจะไปที่แยกเอกมัยเหนือ เชื่อมต่อกับถนนเพชรบุรีและถนนพัฒนาการ  เยื้องกับปากซอยเอกมัย 21 นี้ มีหลากหลายธนาคารให้บริการอยู่ด้วย

เมื่อออกจากซอยเอกมัย 21 แล้วเดินเลี้ยวมาทางขวา จะเห็นร้าน Kitchen world เอกมัย อยู่ฝั่งตรงข้าม เป็นร้านขายเครื่องครัวค่ะ

ถัดมาข้างซอยเอกมัย 10 มี เฮลท์แลนด์ เอกมัย ใครที่ปวดเนื้อปวดตัวหรือชอบการนวดน่าจะชื่นชอบที่นี่

ซอยเอกมัย 8 อยู่ติดกับ Index Living Mall สาขาเอกมัย

ติดกันกับ Index Living Mall จะเป็น บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาเอกมัย 

จนมาถึงบริเวณแยกเอกมัย เราก็จะพบกับ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (เอกมัย) ศูนย์รวมรถบัส, มินิบัส และรถตู้ ที่ส่วนใหญ่จะเดินทางไปยังจังหวัดทางทิศตะวันออกค่ะ

ใกล้ๆ กันนั้นจะเป็นศูนย์การค้า เกตเวย์ เอกมัย มีร้านอาหารญี่ปุ่นเพียบเลย

และฝั่งตรงข้ามกับ เกตเวย์ เอกมัย นั้นก็จะเป็นอีกหนึ่งแหล่งความบันเทิง นั่นก็คือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สุขุมวิท นั่นเอง

สำนักงานขาย

สำนักงานขายของโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ นั้น จะตั้งอยู่ที่ อาคารแคปปิตอล เวิร์คเพลส เมื่อเข้ามาจากปากทางซอยทองหล่อ 20 นั้น ประมาณ 80 เมตร ก็จะพบตัวอาคารที่อยู่ทางซ้ายมือแล้วค่ะ มาชมด้านในพร้อมๆ กันเลย

เมื่อเข้ามาด้านในเราจะเจอเคาน์เตอร์ของเจ้าหน้าที่ เน้นตกแต่งด้วยสีทองและหินอ่อน สะท้อนถึงความหรูหราของโครงการนี้

บรรยากาศสบายๆ เน้นตกแต่งด้วยโทนสีทองและน้ำตาล ช่วยให้รู้สึกถึงความอบอุ่นแต่เรียบหรู

โมเดลโครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ

ด้านในสำนักงานขายมีจัดแสดงโมเดลโครงการไว้ด้วยค่ะ  โครงการ Chewathai Residence Thonglor เป็นอาคาร Low Rise สูง 8 ชั้น สีขาว เด่นด้วยตัวระเบียงที่ยื่นออกมาจากตัวอาคารเป็นรูปสามเหลี่ยม  ส่วนทางเข้าออกมีทางเดียวจากถนนแจ่มจันทร์

ป้ายโครงการนั้นจะติดอยู่ที่ด้านหน้าของโครงการเลย

มุมนี้จะเป็นด้านข้าง ซึ่งทำให้เรามองเห็นระเบียงที่โค้งมนสวยงาม ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของงานออกแบบอาคารที่น่าสนใจ

คอร์ทกลางอาคารจะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง มีสระว่ายน้ำและสวนรอบๆ

ส่วนชั้นดาดฟ้านั้นทางโครงการจัดพื้นที่ให้เป็น Rooftop Garden ให้ลูกบ้านได้ขึ้นมาพักผ่อนกัน

FACILITIES

ภาพจำลองบรรยากาศอาคารจากมุมสูง จะเห็นส่วนของพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่บริเวณชั้น 1

ห้องฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ออกกำลังกายพร้อมวิวสระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำแบบโค้งมนก็จะอยู่บริเวณชั้น 1

INTERIOR

ภาพจำลองบรรยากาศของห้องตัวอย่างโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ ค่ะ

หากใครชอบคอนโด Low Rise ที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้น บนทำเลที่ราคาไม่ตกง่ายๆ อย่างทำเลทองหล่อ-เอกมัย โครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ ก็นับว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ

สิงห์ คอมเพล็กซ์ (SINGHA COMPLEX) โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ย่านอโศกที่หลายคนจับตามองกันอยู่นั้น ตอนนี้ทางทีม YuSabuy ก็มีความคืบหน้าของโครงการมาฝากกันค่ะ เพราะส่วนของพื้นที่ไลฟ์สไตล์มอลล์นั้น มีร้านค้าตบเท้าเข้ามาจับจองพื้นที่กันเกือบจะเต็มทุกล็อคแล้ว บรรยากาศจะเป็นยังไงนั้น ตามทีมงานมาเลยค่ะ

นี่คือพิกัดของโครงการ SINGHA COMPLEX ที่เราจะพาไปดูกันวันนี้คะนะ ใครที่ไม่ทราบว่าตัวโครงการอยู่ที่ไหนก็จิ้มตามพิกัดมาได้เลยที่ GPS >>>13.748562, 100.563975 

การเดินทางไปที่ สิงห์ COMPLEX ก็สะดวกมากค่ะเพราะสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT มาขึ้นที่สถานีเพชรบุรีได้เลย ซึ่งเด็กๆ มศว เองก็ขึ้นสถานีนี้เพื่อไปมหาวิทยาลัยเช่นกันค่ะ โดยเราจะใช้ทางออก 2 ท่าเรืออโศก (คลองแสนแสบ) นะคะ

โผล่ขึนมาจากใต้ดินก็มีมึนงงเรื่องทิศทางกันนิดหน่อย แต่เงยหน้ามองขึ้นมาก็เจอกับอาคาร สิงห์ คอมเพล็กซ์ สีทองเป็นประกาย มองหาไม่ยากเลยค่ะ ซึ่งเราต้องข้ามถนนไปนะคะ แยกอโศก – เพชรบุรีรถค่อนข้างเยอะตลอดเวลา ต้องระมัดระวังกันด้วยนะ แต่ในอนาคตเมื่อโครงการสร้างเสร็จสิ้น ก็จะมีทางเดินเชื่อมจาก MRT เพชรบุรี มาที่ตัวโครงการเลย สะดวกและปลอดภัยด้วยค่ะ

เราจะมองเห็นตึกอยู่ 2 ตึกด้วยกัน ซึ่งอาคารทางซ้ายมือที่สร้างเสร็จแล้วนั้นคือ อาคารที่โครงการแบ่งเป็น พื้นที่สำนักงาน 27 ชั้น, พื้นที่ค้าปลีก 4 ชั้น และ พื้นที่จอดรถ 12 ชั้น ส่วนอาคารด้านข้างที่ยังก่อสร้างอยู่นั้นเป็นส่วนของ Residential ค่ะ

เมื่อเราข้ามฝั่งมาเราก็จะพบกับทางเข้าด้านข้างที่ติดกับถนนอโศกมนตรี  

ส่วนด้านนี้จะเป็นทางเข้าจากถนนเพชรบุรีตัดใหม่ค่ะ ซึ่งตอนนี้ฝนก็ลงเม็ดแล้ว เรารีบเข้าไปดูในอาคารกันดีกว่า

วิ่งหลบฝนเข้ามาด้านในก็จะเป็นชั้น G ซึ่งไม่ทำให้เราผิดหวังเลยค่ะ เพราะในนี้มี Tops daily ให้ฝากท้อง และยังมีร้านกาแฟให้เลือกชิมอยู่หลายร้าน

เดินต่อเข้าไปเราจะพบกับลาน Event Square A ที่ช่วงนี้เค้ารวบรวมร้านขนมหวานมาไว้ที่นี่ค่ะ ซึ่งลานตรงนี้จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนร้านค้าต่างๆ ไปตามช่วงเวลานะคะ

ขอชิมให้ครบทุกร้านก่อนน้า แล้วจะพาไปเดินดูโซนอื่นต่อ

เดินมาจนถึงอีกด้านหนึ่งก็จะเป็นทางขึ้นของส่วนพื้นที่สำนักงานให้เช่าที่ต้องสแกนบัตรก่อนนะคะ ถึงจะผ่านเข้าไปได้

และแน่นอนว่าที่นี่จะขาดร้านนี้ไปไม่ได้เลย กับ SINGHA PARK เชียงราย ใครที่ชื่นชอบกับแบรนด์นี้ก็ไม่ต้องไปไกลถึงเชียงรายก็มีให้ชิมแล้วค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 1 ก็จะจัดเป็นพื้นที่ที่รวม ร้านอาหาร, คาเฟ่, คลินิกสุขภาพต่างๆ และธนาคารไว้

ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นก็มี

หรือจะเลือกเป็นชาบูชาบู

ร้านขนมหวานก็มีนะ

มีทั้งคลินิกทำฟันและร้านตัดผม พูดง่ายๆ ว่าแค่พักเที่ยงคุณก็มาจัดการธุรส่วนตัวได้ง่ายๆ แม้มีเวลาจำกัด

ชั้น 2

ขึ้นมาที่ชั้น 2 นั้นจะเป็นส่วนของ Co-working Space และร้านอาหาร

ในอนาคตนั้นจะมี Cafe Amazon มาเปิดเร็วๆ นี้ด้วย

บรรยากาศของ Co-working Space มีหลายมุมให้เลือกนั่งกันตามสบายเลย

และชั้นสุดท้ายที่ชั้น 3 ค่ะ ซึ่งชั้นนี้จะมีส่วนของ Cafeteria อยู่ด้วย ซึ่งเรามาในช่วงบ่ายกว่าๆ แล้ว คนก็เลยไม่เยอะเท่าไหร่

ดันฝากท้องไปกับ Tops ซะแล้ว มีร้านไปเลือกเพียบเลย แถมมีที่นั่งด้วย

และนี่เป็นส่วนของ Co-working Space ที่ชั้น 3 ซึ่งสามารถมองลงไปที่ด้านล่างได้ด้วย

ยังมีพื้นที่บางส่วนที่ยังรอการปรับแต่งร้านอยู่ 2 – 3 ล็อค

อีกไม่นานร้านค้าต่างๆ ก็น่าจะเปิดให้บริการครบทุกล็อคแล้วล่ะค่ะ โครงการนี้นอกจากจะรองรับคนในอาคารเองแล้ว คนอื่นๆ ที่ทำงานในย่านนี้ก็สามารถมาแวะซื้อแวะทานอาหารที่นี่ได้ทั้งมื้อเช้าและมื้อเที่ยงเลยนะคะ เพราะทำเลนี้น่าจะใกล้และสะดวกกับหลายๆ คนเลย

หากโครงการนี้มีความคืบหน้าเพิ่มเติมอย่างไร ทางทีมงาน YuSabuy จะรีบมาอัปเดทบอกต่อกันเลยนะคะ

ส่วนเรื่องของสิ่งแวดล้อมรอบโครงการ ตัวโครงการ ธาราวาน่า สระบุรี นั้นจะใกล้กับสถานศึกษาและสถานที่ราชการ อาทิ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสระบุรี, โรงเรียนอนุบาลยุววิทยา, ศาลากลางจังหวัด และสถานีตำรวจภูธร เมืองสระบุรีค่ะ  เราลองไปดูข้อมูลเบื้องต้นของโครงการกัน

ตำแหน่งที่ตั้งโครงการ ธาราวาน่า สระบุรี

ที่ตั้งโครงการ Taravana สระบุรี นั้นจะตั้งอยู่ติดกับถนนเลี่ยงเมืองสายตะวันตก ที่สามารถเชื่อมต่อจากถนนเทศบาล 3 เพื่อเข้าสู่ถนนพหลโยธินที่สามารถไปได้ทั้ง กรุงเทพ และ ลพบุรีค่ะ   ตัวโครงการนั้นจะอยู่ใกล้กับ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสระบุรี, โรงเรียนอนุบาลยุววิทยา, ศาลากลางจังหวัด และสถานีตำรวจภูธรเมืองสระบุรีค่ะ  

Exterior 

โครงการ Taravana สระบุรี  มีแบบบ้านให้เลือก 4 แบบด้วยกันค่ะ 

• แบบบ้าน Acacia 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ เนื้อที่ 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 230 ตร.ม.
• แบบบ้าน Botani 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ เนื้อที่ 80 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 200 ตร.ม.
• แบบบ้าน Casuarina 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ เนื้อที่ 65 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 170 ตร.ม.
• แบบบ้าน Delonix 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ เนื้อที่ 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม.

.

• แบบบ้าน Acacia 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ

• แบบบ้าน Botani 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 

• แบบบ้าน Casuarina 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ

• แบบบ้าน Delonix 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ

Interior

ต่อด้วยภาพบรรยากาศในบ้านตัวอย่างค่ะ

และทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นและบรรยากาศภายในโครงการที่เรานำมาทำเป็น Mini Preview ให้ดูกันนะคะ หากอยากสอบถามข้อมูลโครงการเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ เว็บไซต์ northlandd.com  หรือ โทร. 080-661-6633 ค่ะ 

วันนี้ทีมงานอยู่สบายขับรถชิลล์ๆ ไปเที่ยวทะเลเมืองพัทยา ผ่านคอนโด Natureza Art North Pattaya (เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ) บนถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่โซนพัทยาเหนือ เลยต้องแวะเข้าไปขอรีวิวมาฝากแฟนๆ อยู่สบายกันหน่อย โครงการนี้เป็นคอนโด Low rise 8 ชั้น แบ่งการพัฒนาเป็น 4 เฟส บนเนื้อที่กว่า 22 ไร่ ซึ่งปัจจุบันเฟส 1 และ 2 สร้างเสร็จตกแต่งครบพร้อมอยู่ ตอนนี้มีลูกบ้านเข้าอยู่เกือบเต็มทุกอาคารแล้วค่ะ บรรยากาศคึกคักดีทีเดียว ภายในโครงการเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ลงไว้ตั้งแต่เริ่มสร้าง ตอนนี้โตเต็มที่ให้ร่มเงาร่มรื่นดีมาก เข้าไปทำรีวิวช่วงเที่ยงก็มีร่มเงาต้นไม้ให้เดินหลบแดดตลาดทางค่ะ ^_^!

คอนโด Natureza Art พัทยาเหนือ จัดอยู่ในกลุ่ม City Condo เพราะเป็นคอนโดเพื่อการอยู่อาศัย แต่ไม่ใช่สำหรับการพักผ่อนตากอากาศ เพราะด้วยทำเลที่ไม่ได้อยู่ติดทะเล โปรดักส์ของที่นี่จะมี 1-2 ห้องนอนให้เลือก ขนาด 28.6-82.5 ตารางเมตร ขนาดและรูปแบบการจัดวางแปลนห้องเหมาะกับกลุ่มคนโสดวัยทำงานไปจนถึงครอบครัวขนาดเล็ก ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา ชลบุรี ไปจนถึงแถวท่าเรือแหลมฉบัง รายละเอียดโครงการนี้จะน่าสนใจขนาดไหนตามอ่านรีวิวแบบละเอียดยิบของเรากันต่อเลยค่า…

Natureza Art North Pattaya

( เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ )

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน)
• ที่ตั้งโครงการ >>> ถ.ชัยพรวิถี ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
• ขนาดที่ดิน >>> 22-2-95 ไร่ (4 เฟส, เฉพาะเฟส 2 มีเนื้อที่ประมาณ 4-2-67 ไร่)
• จำนวนอาคาร >>> 2 อาคาร (เฟส 2 ประกอบด้วย อาคาร C และ อาคาร D)
• จำนวนชั้น >>> 8 ชั้น
• จำนวนยูนิต >>> 406 ยูนิต (อาคาร C จำนวน 195 ยูนิต, อาคาร D จำนวน 211 ยูนิต)
• ประเภทห้อง >>>
  • 1 Bedroom 28.6-37.0 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 56.2-82.5 ตร.ม.
• ที่จอดรถ >>> ประมาณ 40% (รวมจอดซ้อนคัน)
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 1.59 ล้านบาท (ได้ห้องแบบ Fully Furnished )
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> ราคาเฉลี่ย 58,700 บาท/ตร.ม. (ก.ย. 61)
• คาดว่าแล้วเสร็จ >>> เป็นคอนโดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่
• พิกัดที่ตั้งคอนโด >>> 12.966890, 100.912584
• เว็บไซต์โครงการ >>> Natureza Art North Pattaya
• โทร >>> 038-221-657

Quick Review

เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ อยู่ในกลุ่ม City Condo ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมืองวัยทำงานในตัวเมืองพัทยาและแหล่งงานสำคัญใกล้ๆ โซนพัทยาเหนือ เพราะฉะนั้นต้องพิจารณากันในแง่ของคอนโดที่อยู่อาศัยไม่ใช่คอนโดพักตากอากาศเห็นวิวทะเล ดังนั้นการที่โครงการนี้ไม่ได้อยู่บนถนนพัทยาเหนือและใกล้ถนนเลียบชายหาด ที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว สถานบันเทิง และศูนย์การค้าใหญ่ๆ จึงไม่ใช่ประเด็นที่จะเอามาวิเคราะห์ แต่ต้องมองในแง่ของที่อยู่อาศัย ซึ่งควรจะอยู่ในโซนที่เงียบสงบ กลับบ้านก็ควรจะได้พักผ่อนได้จริง ไม่ต้องทนกับมลภาวะทางเสียงและความวุ่นวายของผู้คนและรถราเหมือนในตัวเมือง ทีมงานอยู่สบายเลยสรุปจุดเด่นที่ต้องติดดาวของ  Natureza Art พัทยาเหนือ ในด้านการเข้าถึงและพื้นที่ส่วนกลางค่ะ ด้านอื่นๆ ก็จะรองลงมาหน่อย

• ด้านการเข้าถึง มีทางเข้าออกได้จากถนนชัยพรวิถี และถนนสุขุมวิท ซึ่งถือเป็นถนนสายหลักและสายรองที่สำคัญของเมืองพัทยา ใช้วิ่งไปใจกลางเมืองหรือจะขับไปขึ้นมอเตอร์เวย์ก็ไปมาได้สะดวกทั้งสองเส้นทาง
• ส่วนกลาง ความหลากหลายของพื้นที่ส่วนกลางน้อย เพราะมีแค่สวน สระว่ายน้ำและฟิตเนส แต่โดยส่วนตัวของผู้รีวิวให้คะแนนด้านนี้เด่นเพราะมองว่าแม้จะไม่หลากหลายแต่สระว่ายน้ำของที่นี่ใหญ่ดีมาก ขนาด 32 x 10 เมตร และบรรยากาศโดยรวมในโครงการก็ร่มรื่นดีทุกจุดเนื่องจากลงต้นไม้ใหญ่ให้หนาแน่น

• ด้านทำเล จัดว่าอยู่โซนชานเมืองของพัทยา แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแห้งแล้งเพราะมีตลาดนาเกลือใหม่ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของคนในชุมชนอยู่ห่างโครงการในระยะเดินถึง หลังตลาดก็เป็นโรงพยาบาลบางละมุง หน้าโครงการเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเมืองพัทยา 3 ซึ่งถือว่าก็มีครบทุกฟังก์ชันพื้นฐานในการใช้ชีวิต
• สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ ถือว่าหาของกินได้ง่าย เพราะแถวหน้าโครงการจะมีร้านสะดวกซื้อทั้ง 7-Eleven และ Tesco Lotus มีตลาดนาเกลือใหม่อยู่ในระยะเดินไปได้ แต่ถ้าจะไปช้อปปิ้งตากแอร์ในห้างก็ต้องขับรถหรือนั่งรถโดยสารไปแถวถนนพัทยาเหนือ จะมี Makro, Tesco Lotus, Big C, Terminal 21 Pattaya และ Central Marina
• แปลนห้อง มีแบบ 1 ห้องนอนสำหรับ 1-2 คนและแบบ 2 ห้องนอนสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก แบบ 1 ห้องนอนแบ่งพื้นที่ส่วนพักผ่อนให้น้ำหนักกับห้องนอนมากกว่าห้องนั่งเล่น ส่วนแบบ 2 ห้องนอนวางแปลนออกมาได้ลงตัวดีค่ะ
• วัสดุ จัดให้มากลางๆ คุณภาพตามมาตรฐานสมราคา ได้เฟอร์นิเจอร์ครบแบบ Fully Furnished สามารถลากกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ติหน่อยก็ตรงที่ติดแอร์ให้แค่ในห้องนอน แต่พื้นที่นั่งเล่นไม่มีแอร์ให้ต้องติดตั้งเพิ่มเอง

——–>

เหมาะกับใคร ?? :

โครงการ Natureza Art North Pattaya เหมาะกับคนทำงานทั้งในตัวเมืองพัทยา และแหลมฉบังค่ะ ใช้เส้นสุขุมวิทเดินทางไปมาได้สะดวก เป็น City Condo ที่เน้นการได้พักผ่อนจริงๆ ในระดับราคาที่ไม่แพงจนน่าตกใจเหมือนคอนโดวิวทะเลในตัวเมือง ถ้าคิดจากราคาเริ่มต้น 1.59 ลบ. ต้องมีกำลังผ่อนประมาณ 9,000 บาท/เดือน** หรือมีรายได้ประมาณ 22,500 บาท/เดือน**

**บนสมมติฐานการกู้ 90% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 30 ปี / กำลังผ่อนคิดเป็น 40% ของรายได้

**สามารถดูรายละเอียดการผ่อนได้ที่หัวข้อ “เปิดกระเป๋า ดูสตางค์” ด้านล่างนะคะ

——–>

ถ้าอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละประเด็นที่เราสรุปไว้ให้สำหรับคนมีเวลาน้อย ก็ต้องอ่านรีวิวนี้ให้จบนะคะ

เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยยังไง ‘Add Comment’ บอกเราได้ด้านล่างของรีวิวเลยค่ะ ^__^

การเดินทาง

การเดินทางไปคอนโด เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ สำหรับคนท้องที่ที่เดินทางมาจากใจกลางเมืองพัทยาหรือถ้ามาจากมอเตอร์เวย์ ชลบุรี-พัทยา ให้ใช้เส้นสุขุมวิทมุ่งหน้าไปทางชลบุรี ถึงสามแยกที่ตัดกับถนนชัยพรวิถีให้เลี้ยวขวาเข้าถนนชัยพรวิถี ตัวโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ (ลูกศรสีแดง) ในทางกลับกันถ้าขับมาจากตัวเมืองชลบุรีใช้เส้นสุขุมวิทขับตรงมาเรื่อยๆ ผ่านศรีราชาและท่าเรือแหลมฉบัง พอเข้าเขตพื้นที่เมืองพัทยาก็สามารถเลี้ยวซ้ายเข้าทางเข้ารองของโครงการได้เลย จุดสังเกตเป็นโรงเรียนเมืองพัทยา 3 ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม (ลูกศรสีเหลือง) แต่ถ้ามาจากมอเตอร์เวย์ ชลบุรี-พัทยา ให้เลี้ยวเข้าตรงถนนชัยพรวิถี ขับตรงมาเรื่อยๆ โครงการจะอยู่ทางขวามือก่อนถึงสามแยกที่ตัดกับถนนสุขุมวิทค่ะ (ลูกศรสีฟ้า)

วันนี้ทีมงานเราเลือกใช้เส้นทางสีแดงมาเป็นตัวอย่างการเดินทางนะคะ

คนใช้มอเตอร์เวย์ชลบุรี-พัทยา ให้ขับตามป้ายพัทยาเหนือเลยค่ะ เราจะไปเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ถนนสุขุมวิทกัน

หลังจากเลี้ยวขวามาแล้วขับบนถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ จะเจอป้ายพัทยาเหนือและชลบุรี โครงการ เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ ไม่ได้อยู่บนถนนพัทยาเหนือนะคะ แค่อยู่ในโซนนี้ เพราะฉะนั้นพอเจอสองป้ายนี้ให้ขับตรงไปค่ะ เราจะมุ่งหน้าไปทางชลบุรี

ผ่านโรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ

ผ่านปั๊มน้ำมัน ESSO มาหน่อย จะเห็นป้ายโฆษณาโครงการอยู่บนอาคารตรงข้ามกับร้านขายวัสดุก่อสร้าง ร้านทองทิตต์เจริญ ให้เตรียมเลี้ยวขวาที่สามแยกหน้าเลยค่ะ

เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนชัยพรวิถีแล้วใช้ชิดซ้ายเลยค่ะ ทางเข้าหลักของคอนโด เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ จะอยู่ทางซ้ายมือห่างจากสามแยกมาประมาณ 230 เมตร

สำหรับคนที่ลงมอเตอร์เวย์แล้วเลี้ยวเข้าใช้ถนนชัยพรวิถี ให้ขับตรงมาเรื่อยๆ ค่ะ ก่อนถึงสามแยกที่ตัดกับถนนสุขุมวิท จะเจอทางเข้าโครงการอยู่ทางขวามือแบบนี้

ส่วนคนที่ขับมาจากตัวเมืองชลบุรี ศรีราชา หรือแหลมฉบัง โดยใช้เส้นสุขุมวิทมุ่งหน้ามาทางพัทยา สามารถเลี้ยวเข้าทางเข้ารองจากทางสุขุมวิทได้เลย ทางเข้าฝั่งนี้จะสังเกตเห็นไม่ค่อยถนัดนักเนื่องจากถูกบดบังด้วยสภาพแวดล้อมหนักหน่อย (น่าจะเป็นเพราะเจรจากับเพื่อนบ้านข้างเคียงทำได้เท่านี้จริงๆ) แต่ขับเลยก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เลี้ยวซ้ายที่สามแยกหน้าเข้าทางถนนชัยพรวิถีแทนก็ได้

มาดูตำแหน่งรอบๆ ตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง

เมืองพัทยาเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษอยู่ในเขตอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี มีระดับเทียบเท่าเทศบาลนคร เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีหาดทรายและชายทะเลซึ่งมีชื่อเสียงระดับนานาชาติ อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 140 กิโลเมตร โดยแบ่งเมืองเป็น 4 ส่วนได้แก่ พัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ และหาดจอมเทียน

ทำเลที่ตั้งของ Natureza Art North Pattaya อยู่ในส่วนของพัทยาเหนือที่ยังคงมีบรรยากาศของความเก่าแก่ บ้านเรือนของคนท้องที่เดิมหลงเหลือให้เห็นอยู่เยอะพอสมควรเมื่อเทียบกับอีก 3 ส่วนของเมือง ฝั่งถนนสุขุมวิทเรื่อยไปจนถึงถนนพัทยาเหนือจะมีสถานที่สำคัญอยู่หลายแห่ง เช่น เมืองจำลอง, โรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา, สถานีรถโดยสารปรับอากาศพัทยา – กรุงเทพฯ (บขส.) และ ศาลาว่าการเมืองพัทยา ส่วนแหล่งช้อปปิ้งใหญ่ๆ บนถนนพัทยาเหนือต้องยกให้ Terminal 21 Pattaya ซึ่งทั้งใหม่และใหญ่จริงๆ อยู่ตรงหัวมุมถนนวงเวียนปลาโลมา, ศูนย์การค้ารุ่นพี่ก็จะมีเซ็นทรัลมารีนาอยู่ติดกับ Big C พัทยาเหนือ นอกจากนี้บนถนนพัทยาเหนือก็ยังมี Tesco Lotus พัทยาเหนือ และ Makro พัทยาเหนือด้วย มากันครบทุกเจ้าค่ะ ส่วนโรงเรียนใกล้บ้านในโซนนี้ก็จะมีโรงเรียนเมืองพัทยา และโรงเรียนบางละมุง เกาะตามแนวถนนสุขุมวิท บนถนนพัทยา-นาเกลือก็ยังจะมี โรงเรียนโพธิสัมพันธ์ และวิทยาลัยการอาชีพบางละมุง อีกด้วย

โครงการ Natureza Art North Pattaya เปิดทางเข้าออกอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านได้ทั้งจากถนนหลักเส้นสุขุมวิท และถนนรองเส้นชัยพรวิถี โดยถนนสุขุมวิทเป็นที่รู้กันดีว่ามีความสำคัญมากในการเชื่อมต่อการเดินทางตั้งแต่ใจกลางเขตเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ผ่านแหล่งงานสำคัญอย่างท่าเรือแหลมฉบัง และยังผ่านอีกหลายจังหวัดของภาคตะวันออกตั้งแต่ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ไปจนถึงตราด ส่วนถนนชัยพรวิถีเป็นถนนที่คนพื้นที่นิยมใช้สัญจรไปมากันบ่อยๆ เพราะไม่มีไฟแดงเยอะเหมือนบนถนนหลักอย่างสุขุมวิท ถนนเส้นนี้ส่วนหนึ่งจะกว้างแค่ 2 เลน ช่วงใกล้สุขุมวิทมีการขยายถนนเป็น 4 เลน ถนนเส้นนี้ใช้ลัดไปขึ้นมอเตอร์เวย์ หรือจะวิ่งตรงไปบ้านโป่ง จังหวัดระยองก็ได้

.

.

ทีนี้มาซูมดูสิ่งอำนวยความสะดวกแบบใกล้บ้านเข้ามาอีกหน่อย บนถนนชัยพรวิถีหน้าโครงการจะมีร้าน 7-Eleven และ Tesco Lotus Express ไว้หาซื้อของกินของใช้ที่เน้นสะดวก แต่ถ้าจะจัดหนักเรื่องของกินต้องไปที่ ตลาดใหม่นาเกลือ บนถนนสว่างฟ้าเยื้องกับทางเข้ารองโครงการฝั่งถนนสุขุมวิท เดินประมาณ 450 เมตรก็ถึง ที่นี่เป็นตลาดใหญ่และสะอาด อาหารการกินหลากหลายมากค่ะ แถมย่านตลาดนาเกลือนี้ยังได้รับการจัดให้เป็นเขตพื้นที่ชุมชนโบราณอีกด้วย ถ้ามีโอกาสลองขับรถผ่านไปแถวนี้ดูนะคะเปลี่ยนบรรยากาศความวุ่นวายในตัวเมือง ไปดูความเป็นชุมชนของคนท้องถิ่นที่นี่จริงๆ ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ

ด้านหลังตลาดจะมี โรงพยาบาลบางละมุง เป็นโรงพยาบาลรัฐบาลใกล้บ้านค่ะ ส่วนโรงเรียนที่ใกล้บ้านที่สุดก็ต้องโรงเรียนเมืองพัทยา 3 เพราะแค่ขึ้นสะพานลอยหน้าโครงการข้ามถนนไปก็ถึงโรงเรียนแล้ว ฝั่งทิศใต้จะเป็นโรงเรียนเอกชนสายอาชีพ โรงเรียนวุฒิโชติบริรักษ์ พัทยา และวิทยาลัยดุสิตธานี พัทยา ที่จะเน้นสอนทางด้านการโรงแรมเป็นหลัก

สภาพแวดล้อมรอบคอนโด

จากดูแผนที่กันไปแล้ว เราลงพื้นที่ไปสัมผัสบรรยากาศจริงของทำเลโซนพัทยาเหนือกันว่าจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้ขนาดไหน โดยเราจะเริ่มจากหน้าโครงการฝั่งถนนสุขุมวิทแล้วเลี้ยวซ้าย ไปจนถึงทางแยกขึ้นใช้มอเตอร์เวย์

จากนั้นต่อด้วยเลี้ยวไปดูบรรยากาศบนถนนพัทยาเหนือ แล้วค่อยกลับมาปิดท้ายด้วยบรรยากาศสิ่งแวดล้อมจากหน้าโครงการฝั่งถนนสุขุมวิทแล้วเลี้ยวขวามุ่งหน้าไปทางแหลมฉบัง

โรงเรียนเมืองพัทยา 3 อยู่บนถนนสุขุมวิทตรงข้ามกับทางเข้าโครงการพอดี

จากหน้าโครงการเลี้ยวซ้ายมาบนถนนสุขุมวิท จะมีโรงเรียนวุฒิโชติบริรักษ์ พัทยา เป็นสถานศึกษาเอกชนสายอาชีพ หลักสูตรระยะสั้น

ติดกันจะเป็นพื้นที่ของ วิทยาลัยดุสิตธานี พัทยา สอนระดับปริญญาตรี เน้นหลักสูตรด้านการโรงแรม

เนื่องจากถนนสุขุมวิทเป็นถนนหลัก มีรถวิ่งผ่านไปมาเยอะ ปั๊มแถวนี้ก็จะมีขนาดใหญ่แทบทุกปั๊ม ภายมีร้านกาแฟ และร้านสะดวกซื้อให้ครบ

เมืองจำลอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองพัทยา

ด้านหน้าเมืองจำลอง จะมีร้าน McDonald’s ด้วยนะ เผื่ออยากทานฟาสต์ฟู๊ดแต่ไม่อยากไปห้างก็แวะมาที่นี่ได้ ใกล้บ้านด้วย

โรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ของพัทยา

เลยโรงพยาบาลมาหน่อยจะมีโรงเรียนเมืองพัทยา 4 อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน

จะซื้อของแต่งห้องเพิ่มหรือซ่อมแซมคอนโดก็มี HomePro พัทยาเหนืออยู่แถวปากซอยสุขุมวิทพัทยา 34

ติดกับ HomePro ก็จะมีบุญถาวร สาขาพัทยา อีกร้าน

Index Living Mall อยู่แถวสามแยกตรงข้ามกับทางขึ้นใช้มอเตอร์เวย์

เลี้ยวซ้ายออกจากถนนสุขุมวิทเพื่อขึ้นใช้มอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ – ชลบุรี

จากสามแยกเลี้ยวไปขึ้นมอเตอร์เวย์ เรายูเทิร์นกลับมาเลี้ยวเข้าไปดูบรรยากาศบนถนนพัทยาเหนือกันต่อค่ะ

จากถนนสุขุมวิทเลี้ยวเข้าถนนพัทยาเหนือ จะเห็น Makro พัทยา อยู่ทางซ้ายมือ

สาวกคนชอบทำสปาก็จะมี Health Land ให้ได้มาเสียตังค์ …เอ้ย…มาใช้บริการกัน

ติดกับ Health Land เป็นสถานีรถโดยสารปรับอากาศ พัทยา – กรุงเทพฯ (บขส.) มีท่ารถสาธารณะใกล้บ้านก็สะดวกดีนะคะ เผื่อต้องใช้บริการก็แค่นั่งมอเตอร์ไซค์มาหน่อยเดียวเพื่อต่อรถเข้ากรุงเทพฯ

TOSCANO เป็นช้อปปิ้งมอลล์ ลูกค้าหลักๆ จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ศาลาว่าการเมืองพัทยาอยู่ติดกับ TOSCANO เป็นสถานที่ราชการที่ถูกล้อมด้วยช้อปปิ้งมอลล์

ตรงข้ามศาลาว่าการ เป็นเทสโก้ โลตัส พัทยาเหนือ

Terminal 21 พัทยา ใหญ่โตมากค่ะ ยึดหัวมุมวงเวียนปลาโลมาไปฝั่งนึงเลย

เลย Terminal 21 พัทยา มาอีกหน่อยก็เป็นถนนเลียบชายหาดแล้ว แหล่งท่องเที่ยวหลักของเมือง

หน้าหาดมีห้าง The Bay Pattaya รองรับนักท่องเที่ยวอีกแห่ง

บนถนนพัทยาสายสอง จะมีช้อปปิ้งมอลล์รุ่นพี่ Central Marina อยู่ติดกับ Big C พัทยาเหนือ

กลับมาแถวหน้าโครงการแล้วเลี้ยวขวาไปดูบรรยากาศถนนสว่างฟ้า และสุขุมวิทมุ่งหน้าไปทางแหลมฉบัง

ตลาดใหม่นาเกลือ อยู่บนถนนสว่างฟ้า เป็นตลาดสดขนาดใหญ่น่าเดินมากค่ะ ห่างหน้าโครงการ ฝั่งถนนสุขุมวิทประมาณ 450 เมตรเอง เดินชิลล์ๆ มาจะสะดวกสุดค่ะ เพราะที่จอดรถน้อย ถนนแคบ

เข้าซอยข้างตลาดจะเป็นโรงพยาบาลบางละมุง โรงพยาบาลรัฐบาลใกล้บ้าน

ถ้าขับบนถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าไปทางแหลมฉบัง จะเจอที่การอำเภอบางละมุงอยู่ติดกับสถานีตำรวจบางละมุง

ติดกับที่ว่าการอำเภออีกฝั่งเป็นพื้นที่โรงเรียนบางละมุง

เลยมาหน่อยจะเป็นโรงเรียนเมืองพัทยา 2 เรียกได้ว่ามีสถานที่ราชการถึง 4 แห่งตั้งอยู่เรียงกันเลย

เปิดประตูดูโครงการ 

ทางเข้าหลักของ เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ อยู่บนถนนชัยพรวิถี ห่างจากถนนสุขุมวิทประมาณ 230 เมตร ซุ้มทางเข้ามีหลังคาคลุม ห้อง รปภ. อยู่ตรงกลางแยกทางเข้าและออกจากกันชัดเจน อาคารที่อยู่ติดกับทางเข้าฝั่งซ้ายเป็นสำนักงานขาย

ที่ดินด้านข้างทางเข้าฝั่งซ้ายมือจะเป็นร้านค้าขนาดเล็กในอาคารสูง 1 ชั้น มีตึกสีเหลือง 3 ชั้นสูงโดดขึ้นมาแค่ตึกเดียว ซึ่งไม่ได้กระทบกับวิวห้องพักในโครงการซักเท่าไหร่

ที่ดินฝั่งขวาเป็นของ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง เจ้าของโครงการ Natureza ที่เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับเฟส 3 และ 4 เป็นโครงการในอนาคต ถัดไปบนถนนฝั่งเดียวกันก็จะเป็นร้านค้าในอาคารชั้นเดียว ไม่มีตึกสูง

ฝั่งตรงข้ามถนนหน้าทางเข้าโครงการมีตึกสูง 4 ชั้นกำลังก่อสร้างอยู่ตึกเดียว นอกนั้นก็สูงเพียงแค่ 1-2 ชั้น

จะมีคอนโด High Rise อยู่บ้างบนถนนสุขุมวิท แต่ก็อยู่ในระยะไกลค่ะ ไม่ได้มีผลกับวิวของห้องพักที่หันระเบียงมาทางฝั่งนี้

อาคารสำนักงานขายเป็นอาคารสูง 2 ชั้น ออกแบบโครงหลังคาเป็นมุมแหลมทำให้ดูเด่นขึ้นมากเมื่อมองมาจากภายนอก

ขับรถผ่านซุ้มประตูและสำนักงานขายเข้ามาจอดรถด้านในหรือจะจอดตรงข้ามกับสำนักงานขายเลยก็ได้

เข้าไปดูในสำนักงานขายกัน

ภายในจะเป็นห้องแนวยาว สุดทางเดินจะมีบันไดขึ้นไปยังชั้น 2 เพื่อดูห้องตัวอย่าง

เคาน์เตอร์พนักงานขายจะอยู่ทางขวามือ เดินเข้ามาแล้วไม่รู้สึกกดดันเหมือนบางที่ที่ออกแบบให้เคาน์เตอร์ขายอยู่ตรงกับทางเข้าพอดี

ฝั่งซ้ายมือจะเป็นชุดโซฟารับรองลูกค้า อยู่ติดหน้าต่างกระจกมองเห็นถนนชัยพรวิถี

สำหรับคนที่สะดวกเข้ามาจากทางเข้ารองบนถนนสุขุมวิท หน้าทางเข้าเป็นแบบนี้นะคะ ต้องยอมรับว่าไม่เด่นและถูกบังทั้งจากกำแพงรั้วและสายไฟฟ้า ทางเข้าดูเหมือนแคบ แต่จริงๆ แล้วกว้างพอสำหรับรถสวนกันได้ค่ะ

บรรยากาศของถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าไปพัทยากลาง จะมีทั้งคอนโด และร้านค้าขนาดกลางถึงใหญ่ทั้งสองฝั่งถนน

หันมาดูบนถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าไปทางเมืองชลบุรีบ้าง มีอาคารพาณิชย์บ้างแต่เบาบาง ส่วนใหญ่ก็จะสูง 1-2 ชั้น

ตรงข้ามกับทางเข้าโครงการเป็นโรงเรียนเมืองพัทยา 3

มีสะพานลอยอยู่ถัดไปทางขวาไม่กี่ก้าวค่ะ ลูกบ้านที่มีลูกเรียนโรงเรียนเมืองพัทยา 3 ก็คงสบายตัวสบายใจกันไป เพราะเดินทางไปโรงเรียนสะดวกและปลอดภัยมากมาย

ปากทางเข้าจะมีป้ายชื่อโครงการอยู่ที่กำแพงทางขวามือ พื้นถนนเล่นลวดลายเหมือนกับภายในตัวโครงการ

ขับตรงเข้าไปสุดลายพื้นถนนจะมีป้อม รปภ. ควบคุมไม้กระดกเป็นด่านแรก สำหรับลูกบ้าน เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ สามารถขับตรงต่อเข้าไปผ่านป้อมด่านที่สองเพื่อเข้าสู่พื้นที่ของโครงการได้เลย

ดูผังโครงการ กับเพื่อนบ้านแวดล้อม

พื้นที่ของเฟส 2 โครงการ Natureza Art พัทยาเหนือ ที่เรามารีวิวจะอยู่ใกล้กับทางเข้าออกทั้งฝั่งถนนสุขุมวิทและถนนชัยพรวิถี จัดว่าเป็นทำเลที่สะดวกกว่าเฟสอื่นๆ นะคะ ผังอาคาร 2 ตึกในเฟส 2 จะวางตัวแนวตะวันออก-ตก เอียงตัวจากแนวแกนประมาณ 30 องศา ห้องพักจะหันระเบียงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือหรือทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นหลัก ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ไม่มีปัญหาเรื่องถูกบังวิว แต่อาคาร C ห้องระเบียงฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะหันเข้าด้านในโครงการ ถูกบล็อกวิวจากโครงการเฟสแรก ซึ่งสูง 8 ชั้นเท่ากัน

ดูผังโครงการ  กับทิศทางแดด

อาคารพักอาศัยของคอนโด Natureza Art พัทยาเหนือ มี 2 อาคาร หันระเบียงห้องไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือไม่ก็ทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยห้องที่รับวิวจากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะเย็นและมีไอแดดเข้าห้องน้อยกว่าอีกฝั่ง ในขณะที่ระเบียงห้องทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะได้วิวเมืองพัทยา และมีมุมมองที่โล่งและกว้างกว่า ไม่มีตึกสูงบังวิว การอยู่คอนโดส่วนใหญ่ก็ต้องเลือกว่าให้น้ำหนักเรื่องไหนมากกว่ากัน เพราะห้องแต่ละฝั่งอาคารก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปค่ะ

ดูผังโครงการ  กับทิศทางการเข้าออก

อย่างที่บอกไปว่าทางเข้าออกโครงการ Natureza Art พัทยาเหนือ จะมีอยู่ 2 ทาง คือจากถนนชัยพรวิถีและจากถนนสุขุมวิท แต่ละทางเข้าจะมี 2 ด่านค่ะ ด่านแรกจะเป็นทางเข้าของโครงการรวมทุกเฟส ผ่านรปภ.และไม้กระดกขับไปยังเฟสต่างๆ ได้ แต่ถ้าจะเข้าเฟส 2 เฉพาะอาคาร C, D นี้ จะต้องผ่านด่านที่ 2 ที่จะต้องใช้ Key Card ของลูกบ้านเท่านั้น เพื่อความเป็นส่วนตัว ป้องกันไม่ให้เพื่อนบ้านเฟสอื่นเข้ามาปนกันค่ะ

ทางเข้าหลักบนถนนชัยพรวิถี ป้อมด่านแรกจะมีห้องรปภ. อยู่ตรงเกาะกลางระหว่างเลนรถเข้าและรถออก เลยป้อมมาหน่อยก็สามารถเลี้ยวซ้ายเข้าด่านที่ 2 ได้โดยใช้ Key Card สแกน (ลูกศรสีเหลืองฝั่งขวา) ส่วนการเอารถออกจากพื้นที่โครงการก็ขับสวนออกมาเส้นทางเดิม (ลูกศรสีส้มฝั่งขวา)

สำหรับการเข้าออกจากถนนสุขุมวิทจะมีป้อม รปภ. เป็นด่านแรกตั้งอยู่ด้านข้าง พอผ่านด่านแรกแล้ว ด่านที่สองจะอยู่ถัดมาอีกนิดเดียวค่ะ เข้ามายังพื้นที่โครงการตรงอาคาร C ได้เลย (ลูกศรสีเหลืองฝั่งซ้าย) การเอารถออกก็สวนเลนออกไปทางเดิม (ลูกศรสีส้มฝั่งซ้าย) เป็นเฟสที่เข้าออกโครงการได้ง่ายที่สุดแล้ว

รถจากภายนอกที่เข้ามาเพื่อจอดส่งจะวิ่งตามแนวถนนภาระจำยอมที่ใช้ร่วมกันของลูกบ้านโครงการ Natureza ทั้ง 4 เฟส เป็นถนนกว้าง 4 เลนวิ่งสวนกันได้สบาย (เส้นสีฟ้า) ค่ะ

FLOOR PLAN

Master Plan

อาคาร C และ D ของ เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ จะวางตัวเหลือมกัน มีห้องพักชั้นละ 4 ห้องที่บล็อกวิวกันเอง อาคาร D มีรูปร่างรูปตัว L โอบรอบพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการ ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ และฟิตเนส ที่จอดรถจะอยู่นอกตัวอาคารทั้งหมด มีช่องทางเดินจากที่จอดรถเพื่อเข้าตึกได้

Floor Plan – Building C

โถงล้อบบี้ที่แปลนชั้นล่างสามารถเดินทะลุจากจุด Drop Off ไปยังที่จอดรถนอกอาคารอีกฝั่งของตึกได้ ห้องพักทุกห้องของชั้นนี้จะได้พื้นที่สวนเพิ่มให้ด้วย ลิฟต์จะอยู่ค่อนมาทางตัวอาคารฝั่งขวาไม่ได้อยู่ตรงกลาง

แปลนชั้น 2-8 จัดวางผังห้องพักคล้ายกัน โดยจะมีห้องแบบ 2 ห้องนอนอยู่ทางปีกขวาของอาคารชั้นละ 2 ห้อง ที่เหลือจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด แปลนชั้น 2 จะมีห้องพักน้อยกว่าชั้น 3-8 จำนวน 1 ยูนิต เนื่องจากพื้นที่ส่วนข้างลิฟต์จะถูกใช้เป็น Double Ceiling ให้กับโถงล้อบบี้ที่ชั้นล่างนั่นเอง

Floor Plan – Building D

รูปร่างแปลนคล้ายตัว L แต่ก็วางผังคล้ายกับอาคาร C คือโถงล้อบบี้ที่จะสามารถเดินทะลุจากจุด Drop Off ไปยังที่จอดรถนอกอาคารอีกฝั่งของตึกได้ ห้องพักทุกห้องของชั้นนี้จะได้พื้นที่สวนเพิ่มให้ ตำแหน่งลิฟต์อยู่ค่อนมาทางตัวอาคารฝั่งขวาค่อนข้างมาก ใกล้กับห้องแบบ 2 ห้องนอน

แปลนชั้น 2-8 จัดวางผังห้องพักคล้ายกัน โดยแบบ 2 ห้องนอนจะอยู่ฝั่งขวาสุดของอาคารมีชั้นละ 2 ห้อง ที่เหลือจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด ชั้น 2 เสียพื้นที่ข้างลิฟต์สำหรับฝ้าสูงของโถงล้อบบี้ชั้นล่าง ทำให้มีห้องพักน้อยกว่าชั้นถัดขึ้นไปจำนวน 1 ยูนิต

หน้าตาอาคารจริง และบรรยากาศในพื้นที่โครงการ

ดูแปลนกันไปแล้ว จะพาเดินดูพื้นที่จริงของโครงการ เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ  กันต่อค่ะ หลังจากที่ผ่านป้อม รปภ. จากฝั่งถนนชัยพรวิถีเข้ามาแล้ว จะเห็นทางเข้าไปอาคาร C และ D อยู่ทางซ้ายมือ อาคารที่เห็นจากมุมมองนี้คืออาคาร D ค่ะ ที่ประทับใจ (เป็นการส่วนตัว) สำหรับโครงการนี้ ต้องยกให้เรื่องต้นไม้ใหญ่ซึ่งทางโครงการลงไว้ให้หนาแน่นมาก จากมุมแหงนฝั่งตรงข้ามถนน ต้นไม้ก็สูงบังได้ถึงชั้น 6 แล้วแถมยังแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาได้เยอะมาก คนชอบโครงการที่อยู่อาศัยในบรรยากาศร่มรื่น น่าจะมีหวั่นไหวกันบ้างแน่ๆ ค่ะ

หลังจากผ่านไม้กระดกเข้ามาในพื้นที่โครงการแล้ว รถยนต์และรถจักรยานยนต์ของลูกบ้านสามารถจอดได้ทั้งสองฝั่งของถนนเลย เป็นที่จอดรถนอกอาคารทั้งหมด

พามาดูทางเข้าจากทางถนนสุขุมวิทบ้าง ฝั่งนี้จะเห็นด้านข้างของอาคาร C วางตัวขนานกับแนวถนนในโครงการ ผ่านไม้กระดกด่านแรกไปแล้ว ก็ขับตรงเข้าไปยังพื้นที่ของโครงการได้เลย

ป้อม รปภ. ด่านที่ 2 คัดกรองให้ผ่านได้เฉพาะลูกบ้านของอาคาร C และ D เท่านั้นค่ะ

ก่อนเข้าไปในโครงการ หันไปดูทางซ้ายมือจะเป็นถนนภาระจำยอมของลูกบ้านทุกเฟสในโครงการ Natureza ใช้ร่วมกัน ถนนกว้าง 4 เลน จอดรถสองฝั่งถนนยังเหลือเลนรถขับสวนกันได้สบาย

รถที่ผ่านด่าน 2 เข้ามาแล้วก็หาที่จอดข้างอาคารได้ตามอัธยาศัยเลยค่ะ

ช่วงกลางแปลงที่ดินของเฟส 2 ถ้าออกไปทางขวาจะไปที่จอดรถข้างอาคาร D มีช่องจอดได้อีก 5-6 คัน แต่ถ้าจะเดินไปใช้สระว่ายน้ำหน้าอาคาร D เดินเข้าซุ้มต้นไม้ทางซ้ายมือได้เลย

แหงนดูตัวอาคารยังดูใหม่ ต้นไม้หน้าอาคาร C สูงถึงชั้น 3 แล้วค่ะ ระเบียงห้องชั้น 2-3 ฝั่งนี้ก็จะมีม่านต้นไม้ช่วยบังสายตากันความเป็นส่วนตัวกันไป

จุด Drop Off อยู่ที่อาคาร C ติดกับถนนภาระจำยอม ดูไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่ ถ้าเน้นสีเข้มตรงกันสาดเหนือทางเข้าหน่อยน่าจะสะดุดขึ้นอีกเยอะ

แหงนมองดูตัวอาคาร ออกแบบให้ผนังหน้าต่างสีขาว สลับกับช่องระเบียงทาด้วยสีเทาเข้ม

ถ่ายมุมไหนก็ยังคงติดต้นไม้ค่ะ ^^

FACILITIES

ส่วนกลางของ เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ เริ่มตั้งแต่ระบบรักษาความปลอดภัยหน้าโครงการเลย อย่างที่เล่าไปแล้ว คือมีทางเข้า 2 ด่าน

การเข้า-ออก ของรถลูกบ้านควบคุมด้วยใช้ระบบ Key card มีกล้องจับทะเบียนรถทุกคัน และมี รปภ. ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ภายในโครงการมีติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ทั่วทั้งโครงการให้ด้วย

ถนนกว้าง 2 เลนสวนกัน และมีช่องจอดให้ 1 ฝั่ง ถ้ามีรถจอดเทียบข้างทางด้วย จะเหลือเลนให้รถสวนกันค่อนข้างแคบหน่อย

ทางเข้าอาคาร D จากที่จอดรถกว้างประมาณ 1 เมตร เดินสวนกันได้ไม่ต้องเบี่ยงตัวหลบค่ะ

ทางเข้าอาคาร C จากที่จอดรถจะกว้างกว่าของอาคาร D หน่อย

ใกล้กับทางเข้าอาคาร C เป็นทางเดินไปสระว่ายน้ำ

เดินผ่านซุ้มนี้ไปก็จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการ

ทางเดินไปยังสระว่ายน้ำ ขนาบข้างด้วยสวนสีเขียวและต้นไม้ขนาดกลาง

พื้นทางเดินเป็นพื้นหินสลับกับพื้นหญ้าสีเขียวเล่นลวดลายของคลื่นน้ำ

หันกลับไปดูทางเดินที่มาจากที่จอดรถเมื่อซักครู่

สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ดีกว้าง  32 X 10 ม. มีแยกสระเด็กให้ด้วย

ซ้ายมือจะเป็นที่ล้างตัว

มีเตียงนอนข้างสระให้ 4 ตัว ส่วนห้องพักที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำจะมีรั้วต้นไม้บังความเป็นส่วนตัวให้

เดินตามทางเดินข้างสระไปจะพาไปยังล้อบบี้ของตึก D

จากปลายสระมองย้อนกลับไปทางที่เราเดินเข้ามา จะเห็นว่าสระว่ายน้ำที่นี่ให้มายาวว่ายกันได้สะใจไปเลยล่ะ

เดินเข้าไปดูล้อบบี้อาคาร D กัน

ตรงไปจนสุดทางเดินจะทะลุไปออกที่จอดรถได้ ซ้ายมือเป็นส่วนของ Mail Box

มีมุมโซฟาให้ 1 มุม

ตรงข้ามกับมุมโซฟา จะเป็นทางเดินไปโถงลิฟต์

สำรวจล้อบบี้อาคาร D แล้ว เดินออกมาจะมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ สวนข้างสระ และอาคาร 2 ชั้นทางซ้ายเป็นพื้นที่สำหรับห้องฟิตเนสและสำนักงานนิติบุคคล

สวนข้างสระ ช่วยให้มีระยะห่างระหว่างสระว่ายน้ำกับถนนภาระจำยอม ช่วยกันความเป็นส่วนตัวให้กับคนใช้สระว่ายน้ำได้ระดับหนึ่ง

เดินขึ้นไปดูชั้น 2 ของตึกข้างสระกัน

ชั้นบนจะเป็นระเบียง ไว้มาปูเสื่อเล่นโยคะได้

มองจากระเบียงลงไปที่ถนนส่วนกลาง ช่วงโค้งทางขวานี่เป็นดีไซน์สำหรับมุมนั่งเล่นนะคะ รถเข้ามาจอดส่วนนี้ไม่ได้

ห้องฟิตเนสขนาดกลางๆ ค่ะ เครื่องเล่นน้อยไปหน่อย แต่ก็มีให้ครบทุกประเภท

จากห้องฟิตเนสจะได้วิวสระว่ายน้ำไปเต็มๆ

เดินลงมาจากฟิตเนสมาดูมุมเสยจากถนนภาระจำยอม จะเห็นว่าต้นไม้ช่วยบังความเป็นส่วนตัวให้ลูกบ้านได้ดีมากจากระยะสายตาที่มองมาจากถนน

มุมนั่งเล่นข้างสระว่ายน้ำอีกมุม

ถนนภาระจำยอมกว้าง ประมาณ 4 เลน จอดรถสองฝั่งก็ยังขับรถสวนกันได้

ทางเดินเท้าแคบไปนิด เดินสวนกันอาจต้องเบี่ยงตัวนิดหน่อย ห้องพักชั้นล่างมีระยะห่างจากถนนพอสมควร และมีรั้วต้นไม้กันให้อีกชั้นด้วย

จุด Drop Off ที่อาคาร C จะอยู่ฝั่งถนนภาระจำยอม เชื่อมต่อกับล้อบบี้ ภายในดูกว้างกว่าของอาคาร D นิดหน่อย สุดทางเดินจะสามารถทะลุไปที่จอดรถและสระว่ายน้ำได้ ส่วนช่องประตูทางซ้ายเป็นทางเดินไปโถงลิฟต์

แปลนห้องดีไหม?

แปลนห้องของ Natureza Art North Pattaya หลักๆ จะมีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบ 1 Bedroom ขนาด 28.6-37.0 ตร.ม. และแบบ 2 Bedrooms ขนาด 56.2-82.5 ตร.ม. โดยห้องทั้ง 2 แบบจะได้ส่วนครัวเป็นแบบเปิด มาดูแปลนห้องแต่ละแบบกัน…

• 1 Bedroom ขนาด 28.6-37.0 ตร.ม.

การวางแปลนของแบบ 1 ห้องนอน  ให้ส่วนครัวอยู่ติดกับทางเข้าห้อง ตรงไปจะเป็นส่วนนั่งเล่นที่มีระเบียงในตัว ทางเข้าห้องนอนและห้องน้ำอยู่ที่โถงทางเดินหน้าเคาน์เตอร์ครัว

การจัดวางแปลนห้องนี้สำหรับพื้นที่ส่วนพักผ่อนให้น้ำหนักกับห้องนอนมากกว่าส่วนนั่งเล่น เนื่องจากแบ่งพื้นที่จากหน้ากว้างห้อง 5 เมตร ให้กับห้องนอน 2.7 เมตร ส่วนนั่งเล่นเลยเหลือกว้าง 2.2 เมตร ทำให้มีระยะจากหน้าโซฟาถีงทีวีเหลือน้อยไปหน่อย ทางเดินหน้าเคาน์เตอร์ครัวไปเข้าห้องนอนและห้องน้ำ กว้างดี ถ้าอยู่กัน 2 คน ก็เดินสวนกันได้สบายค่ะ

แบบ 1 ห้องนอนชั้นล่างสุด จะได้พื้นที่ระเบียงที่กว้างขึ้นและได้พื้นที่สวนหย่อมข้างระเบียงเพิ่มด้วย

• 2 Bedrooms ขนาด 56.2-82.5 ตร.ม.

การวางผังห้องใหญ่สำหรับแบบ 2 ห้องนอนถือว่าดูลงตัวแทบจะทุกส่วนค่ะ โดยจัดวางให้เคาน์เตอร์ครัวอยู่ข้างผนังใกล้ประตูห้อง เป็นครัวแบบเปิดเชื่อมพื้นที่ใช้งานกับส่วนนั่งเล่นที่จะมีระเบียงในตัว ทางเดินไปห้องนอนจะได้พื้นที่กว้างพอสำหรับวางโต๊ะทานอาหารได้ 1 ชุด ห้องนี้มีห้องน้ำให้ 2 ห้องนะคะ ห้องหนึ่งจะอยู่ใกล้กับห้องนอน 2 อีกห้องจะอยู่ในห้องนอน Master

ตำแหน่งของ 2 ห้องนอนจะเป็นห้องมุมอาคาร ก็จะได้พื้นที่ระเบียงเพิ่มกันไปบ้าง ได้สวนเพิ่มบ้างสมฐานะคนอยู่ห้องมุมค่ะ แต่การวางแปลนภายในห้องจะเหมือนกันหมด

เปิดห้อง มองสเปซ : Focus on “SPACE” and “DIMENSION”

ณ ปัจจุบัน โครงการ เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ ขายห้องพร้อมเข้าอยู่แบบ Fully Furnished คือได้ทั้งชุดเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินและลอยตัวเหมือนกับที่โชว์ในห้องตัวอย่างเลย สำหรับห้องชั้น 1 จะมีจัดสวนให้ด้วย พื้นส่วนนั่งเล่นและครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีมแผ่นใหญ่ ขนาด 60×60 ซม. ภายในห้องนอนจะปูด้วยพื้นไม้ลามิเนต ฝ้าเพดานห้องสูง 2.45 เมตร ไปดูห้องตัวอย่างกันค่ะ

คอนโด Natureza Art North Pattaya

ห้องตัวอย่าง

แบบ 1 Bedroom 28.6-37.0 ตารางเมตร

เดินเข้าห้องมาจะเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหาร ต่อเนื่องกับส่วนนั่งเล่นซึ่งจะมีระเบียงในตัว

ด้านหลังผนังทีวีจะเป็นส่วนของห้องนอน ข้างประตูห้องนอนเป็นทางเข้าห้องน้ำ

พื้นที่ห้องเหมาะสำหรับวางโต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง และโซฟาขนาดประมาณ 1.50 เมตร

ห้องนี้ส่วนนั่งเล่นจะมีระเบียงในตัว

โต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง ท็อปเป็นกระจกเทมเปอร์ขาสแตนเลส และเก้าอี้หนังเทียมแบบไม่มีที่เท้าแขน // ชั้นวางทีวีจะเป็นชั้นโล่ง ไม่มีตู้บานปิดให้

ส่วนโซฟาที่ได้จะเป็นโซฟาผ้าสีน้ำเงิน พร้อมโต๊ะกลาง

ระเบียงหน้ากว้างเกือบ 1 เมตรใช้งานได้สบาย การแขวนคอมเพรสเซอร์จะเป่าลมเข้ามาในระเบียง แบบ 1 ห้องนอนจะได้แอร์ 1 ตัวติดตั้งให้ในห้องนอนเท่านั้นนะคะ และทางโครงการเตรียมช่องว่างไว้ให้อีก 1 ช่องในกรณีที่ลูกบ้านอยากจะติดแอร์ที่ห้องนั่งเล่นเพิ่มอีกตัว

จากระเบียงมองย้อนกลับไปในตัวห้อง จะเห็นว่าระยะหน้าโซฟาถึงผนังทีวีค่อนข้างแคบไปหน่อยค่ะ

ในขณะที่ทางเดินหน้าเคาน์เตอร์ครัวกว้างขวางเดินสบาย

ชุดเคาน์เตอร์ครัวจะถูกติดตั้งอยู่ที่ผนังข้างทางเข้าห้อง

ชุดครัวที่ได้จะมีทั้งตู้ล่างและตู้แขวนบนผนังให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลย ได้ฟังก์ชันครบทั้งตู้บานเปิด ช่องโล่ง และลิ้นชัก

ท็อปครัวปิดผิวด้วยเมลามีนสีขาว ติดตั้งอ่างล้างจานแบบ 1 หลุมมาให้ แต่ไม่ได้ปูกระเบื้องที่ผนังหลังเคาน์เตอร์ให้นะคะ

ตู้ควบคุมไฟติดลอยใกล้ประตูห้องเป็นของ bticino

พื้นส่วนพักผ่อนและครัวจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้แผ่นใหญ่สีครีม ขนาด 60×60 ซม. ภายในห้องนอนปูด้วยพื้นไม้ลามิเนต ห้องน้ำจะมีธรณีประตูสูง 5 ซม. กันน้ำไหลให้

ภายในห้องนอนจะได้แสงธรรมชาติเข้าห้องจากหน้าต่างชุดใหญ่ข้างเตียง

ผนังอีกด้านสำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งตัว

ตู้เสื้อผ้าบานเปิดเป็นแบบลอยตัวนะคะ ไม่ใช่บิลท์อิน แต่โต๊ะแต่งตัวจะบิลท์ติดผนังให้แบบนี้เลย

ฐานเตียงนอนจะมีลิ้นชักไว้เก็บของได้ 2 ช่อง หัวเตียงเป็นเบาะหุ้มด้วยผ้าสีครีม

ทางเดินข้างเตียง 2 ฝั่งรวมกันประมาณ 1 เมตร สามารถขยับเตียงซ้ายขวาเพื่อปรับขนาดทางเดินได้อีก

ทางเดินปลายเตียงแคบไปนิดค่ะ เหลือประมาณ 30 ซม. เดินตรงๆ ลำบากนิดนึง

ห้องน้ำจัดวางให้อ่างล้างหน้าอยู่ติดผนังทางซ้ายสุด โถสุขภัณฑ์อยู่กลาง

ขวาสุดของห้องจะเป็นพื้นที่สำหรับอาบน้ำ มีฉากกั้นอาบน้ำติดตั้งมาให้เรียบร้อย

ชุดสุขภัณฑ์ของ Mogen กระจกเงากว้างเต็มหน้ากว้างอ่างล้างหน้าเป็นแบบไม่มีกรอบ ติดกาวเข้าไปกับผนังเลย

อ่างล้างหน้าใหญ่ดีค่ะ มีขอบอ่างด้านข้างวางของได้

ชุดฝักบัวแบบกลมของ Mogen และติดตั้งถาดวางสบู่เซรามิคสีขาวให้ด้วย

พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่สีน้ำตาลอ่อน มีขอบปูนสูงประมาณ 2 ซม.กั้นส่วนเปียกกับส่วนแห้ง กรอบรางฉากกั้นอาบน้ำวางบนขอบปูนอีกที เพิ่มความสูงในการกันน้ำไหล รวมกันแล้วสูงประมาณ 7 ซม.

คอนโด Natureza Art North Pattaya

ห้องตัวอย่าง

แบบ 2 Bedrooms 56.2-82.5 ตารางเมตร

จากทางเข้าห้อง ชุดเคาน์เตอร์ครัวจะถูกติดตั้งอยู่ที่ผนังทางขวามือ ตรงเข้าไปในสุดจะเป็นส่วนนั่งเล่นต่อเนื่องกับระเบียง

เดินเข้ามาในห้องยืนข้างเคาน์เตอร์ครัว มองไปทางซ้ายมือจะเป็นที่วางโต๊ะทานอาหาร และในสุดเป็นทางเข้าห้องนอน 2 ห้อง

ระยะจากโซฟาถึงผนังทีวีกำลังพอดีค่ะ ไม่ใกล้จนเกินไป

มองย้อนกลับมาทางผนังติดตั้งชุดครัว ต่อเนื่องกับผนังวางโซฟา ยังมีพื้นที่เหลือตกแต่งตู้บิลท์อินเพิ่มได้

ชุดครัวสำหรับแบบ 2 ห้องนอนจะได้ใหญ่กว่าแบบ 1 ห้องนอนค่ะ มีครบทุกฟังก์ชันทั้งบานเปิด ช่องโล่ง และลิ้นชัก

โต๊ะทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่ง ส่วนโซฟาจะเป็นตัวใหญ่หุ้มด้วยผ้าสีครีม

ผนังทีวีจะได้ชั้นและตู้บิลท์อินแบบนี้

การวางคอมเพรสเซอร์แอร์ของแบบ 2 ห้องนอน จะหันด้านเป่าลมร้อนออกไปนอกระเบียง มีติดตั้งให้ 2 ตัวในห้องนอน ถ้าจะติดตั้งในห้องนั่งเล่นเพิ่มก็วางบนพื้นได้อีกตัวค่ะ

ช่องทางเดินข้างตำแหน่งวางโต๊ะทานอาหารเป็นห้องน้ำสำหรับห้องนอน 2

วางแปลนให้อ่างล้างหน้าอยู่ชิดผนังทางขวา โถสุขภัณฑ์ติดตั้งตรงกลาง

ซ้ายสุดจะเป็นส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นให้เรียบร้อย

ห้องนอน 2 มีขนาดกว้างพอวางเตียงขนาด Queen Size ได้นะคะ แต่ห้องนี้ทางโครงการจะให้เป็นเตียงเดี่ยว ซึ่งมีหัวเตียงเป็นเบาะหุ้มผ้า และฐานเตียงมีลิ้นชักให้ด้วย

ผนังอีกฝั่งจะเป็นชุดตู้เสื้อผ้าบานเปิดและโต๊ะแต่งตัว

จากห้องนอนเล็กมาต่อที่ห้องนอนใหญ่ค่ะ เนื่องจากเป็นห้องที่อยู่มุมอาคาร ก็เลยทำให้ได้ช่องหน้าต่างรับแสงจากภายนอกฝั่งผนังด้านข้างเตียง 1 ชุด

และผนังหัวเตียงก็จะได้ช่องหน้าต่างอีก 1 ชุดด้วย

ฝั่งซ้ายของเตียงวางตู้เสื้อผ้าบานเปิดแบบลอยตัว และบิลท์อินโต๊ะแต่งตัวให้เหมือนห้องนอนเล็ก แต่จะได้หน้ากว้างของโต๊ะมากกว่า มีพื้นที่ใช้งานมากขึ้น

ห้องนอน Master จะมีห้องน้ำในตัว อยู่ที่ผนังปลายเตียง

ภายในห้องน้ำก็จัดวางแปลนเรียงให้อ่างล้างหน้าอยู่ชิดผนังหนึ่งด้าน โถสุขภัณฑ์อยู่กลาง

ส่วนอาบน้ำอยู่ในสุด มีฉากกั้นอาบน้ำให้เหมือนห้องตัวอย่าง

ทางเดินรอบเตียงเหลือพื้นที่เยอะค่ะ เดินใช้งานส่วนต่างๆ ได้สบายสำหรับ 1 คน ถ้า 2 คนอาจจะต้องมีเบียงตัวหลบกันนิดหน่อย

ห้องน้ำจะมีธรณีประตูสูง 10 ซม. กันน้ำซึมมาโดนพื้นลามิเนตในห้องนอน // ส่วนไฟในห้องทั้งหมดเป็นดาวน์ไลท์แบบกลมฝังในฝ้า

 เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

คอนโด Natureza Art North Pattaya สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ มีลูกบ้านอยู่กันคึกคักแล้ว วันที่เราเข้าไปรีวิวช่วงกลางเดือนกันยายน 2561 แอบถามจำนวนยูนิตที่ยังเหลืออยู่มาฝากด้วยค่ะ โดยแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28.6-37.0 ตร.ม. มีจำนวนยูนิตพร้อมขายอยู่ 92 ยูนิต  ราคาเริ่มต้นที่ 1.59 ล้านบาท (ราคาโปรโมชั่น) ส่วนแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 56.2-82.5 ตร.ม. มีจำนวนยูนิตพร้อมขายเหลืออยู่อีก 14 ยูนิตเท่านั้น ราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 58,700 บาท ถือว่าอยู่ในกลุ่มราคาไม่แพงสำหรับคอนโดเมืองพัทยาค่ะ

ราคา ณ วันที่  11 กันยายน 2561

ราคาเริ่มต้น :

แบบ 1 ห้องนอน 28.6 ตารางเมตร  เริ่มต้น 1.59 ล้านบาท 

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

5,000 บาท ทำสัญญา 30,000 บาท

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.ม.  (ชำระล่วงหน้า 2 ปี)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund) 400 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)

ประมาณอัตราการผ่อน (คิดจากราคาเริ่มต้นด้านบน) 

(เพื่อให้เห็นกรอบของค่าใช้จ่ายคร่าวๆและนำไปวางแผนประมาณการของแต่ละคน  ถึงไม่ได้ซื้อห้องที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็ใช้ตัวเลขได้ ซึ่งเราประมาณการอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าปกติหน่อย  เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรองรับความสามารถในการผ่อน  รวมถึงให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆที่เกิดขึ้น  เช่น  ค่าส่วนกลาง ไปด้วยในตัว) :

บนสมมติฐาน กู้  90% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 30 ปี

แบบ 1 ห้องนอน 28.6 ตร.ม. ราคา 1.59 ล้านบาท —  ผ่อนประมาณ 9,000 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  90% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 25 ปี

แบบ 1 ห้องนอน 28.6 ตร.ม. ราคา 1.59 ล้านบาท —  ผ่อนประมาณ 9,600 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  90% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 20 ปี

แบบ 1 ห้องนอน 28.6 ตร.ม. ราคา 1.59 ล้านบาท —  ผ่อนประมาณ 10,600 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  90% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี / ระยะเวลา 15 ปี

แบบ 1 ห้องนอน 28.6 ตร.ม. ราคา 1.59 ล้านบาท —  ผ่อนประมาณ 12,400 บาท/เดือน

บนสมมติฐาน กู้  90% / ดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี/ ระยะเวลา 10 ปี

แบบ 1 ห้องนอน 28.6 ตร.ม. ราคา 1.59 ล้านบาท —  ผ่อนประมาณ 16,200 บาท/เดือน

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

การเดินทางไป Natureza Art North Pattaya สำหรับคนใช้รถส่วนตัว ไม่ว่าจะไปจากกรุงเทพฯ จากตัวเมืองชลบุรี หรือภายในตัวเมืองพัทยาเองก็ถือว่าสะดวกค่ะ เพราะโครงการเข้าได้ทั้งจากถนนชัยพรวิถีและถนนสุขุมวิท เชื่อมต่อการเดินทางขึ้นมอเตอร์เวย์ก็ง่าย การใช้รถสาธารณะสามารถเรียกรถได้ที่ถนนสุขุมวิท ถ้าจะขึ้นรถโดยสารปรับอากาศเพื่อเดินทางระหว่างพัทยากับกรุงเทพฯ ก็มี บขส. อยู่บนถนนพัทยาเหนือซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งโครงการ

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

คอนโด Natureza Art North Pattaya อยู่ในกลุ่ม City Condo โซนชานเมืองหน่อย แต่ก็เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่ทำงานอยู่ในตัวเมืองพัทยา รวมไปถึงท่าเรือแหลมฉบังด้วย เพราะเดินทางไปมาสะดวก ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคอนโดติดริมทะเลและคอนโดที่อยู่ใจกลางเมืองกว่านี้ โซนนี้ยังคงมีบรรยากาศความเป็นชุมชนเดิมอยู่เยอะ มีตลาดสด โรงเรียน และโรงพยาบาลรองรับการใช้ชีวิต ในภาพรวมเลยทำให้โครงการนี้ดูลงตัวกับกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงานที่มองหาที่อยู่อาศัยเพื่อซื้ออยู่เองมากกว่าซื้อเพื่อลงทุนค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในภาพรวมอสังหาฯ ในเมืองพัทยาก็ยังคงมีแนวโน้มที่ดีและมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องมาหลายปี โดยราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรของ Natureza Art North Pattaya ในตอนนี้สูงขึ้นมาจากเมื่อตอนเปิดพรีเซลล์โครงการ 4 ปีที่แล้ว 21.53%

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

Natureza Art North Pattaya เป็นคอนโดสูง 8 ชั้น ออกแบบมาในสไตล์ Modernized Art Park เน้นที่อยู่อาศัยท่ามกลางความเป็นธรรมชาติ ซึ่งของจริงที่ทำออกมาก็ดูตรงกับคอนเซ็ปต์ที่วางไว้นะคะ เพราะต้นไม้ในโครงการหนาแน่นและร่มรื่นดีจริงๆ หน้าตาอาคารดูเรียบง่ายกลมกลืนไปกับธรรมชาติแวดล้อม ทาสีตัวอาคารตำแหน่งช่องหน้าต่างด้วยสีขาว สลับกับช่องระเบียงสีเทาเข้ม

อาคารพักอาศัยของที่นี่ มี 2 อาคาร วางตัวเหลือมกัน ห้องส่วนใหญ่ไม่บล็อกวิวกันเอง อาคาร D แปลนรูปตัว L วางตัวโอบรอบสระว่ายน้ำ ..ตำแหน่งลิฟต์ของทั้ง 2 อาคารไม่ได้อยู่ตรงกลางแต่วางตำแหน่งค่อนมาทางฝั่ง 2 ห้องนอนมากกว่า

ห้องพักอาศัยของที่นี่เน้นแบบ 1 ห้องนอนเป็นหลัก ขนาด 28.6-37.0 ตร.ม. ส่วนแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 56.2-82.5 ตร.ม. เป็นห้องใหญ่ที่จะมีอยู่ชั้นละ 2 ห้องเท่านั้นและเป็นห้องมุมด้วย แปลนแบบ 1 ห้องนอนจะมีพื้นที่จากหน้าโซฟาถึงผนังทีวีแคบไปนิด แต่ได้ทางเดินหน้าเคาน์เตอร์ครัวเพื่อไปยังห้องนอนและห้องน้ำกว้างขวางเดินสบาย สำหรับแบบ 2 ห้องนอนวางแปลนพื้นที่ใช้งานแต่ละส่วนค่อนข้างสมดุลดีค่ะ วางห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็กไว้ฝั่งเดียวกันของแปลน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว ขนาดห้องนอนกว้างพอสำหรับการวางเตียงคู่ได้ทั้งสองห้อง ส่วนนั่งเล่นกว้างขวาง มีระยะห่างระหว่างโซฟาถึงผนังทีวีกำลังดี ไม่ใกล้จนเกินไป

วัสดุนั้นจัดว่าให้มาในระดับมาตรฐานสมราคา พื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้ เฟอร์นิเจอร์ก็แถมมาให้ครบทั้งโซฟา ผนังทีวี ชุดโต๊ะรับประทานอาหาร เคาน์เตอร์ครัวมีอ่างล้างจานแต่ไม่มีเตาและเครื่องดูดควันให้ ในห้องนอนได้ฐานเตียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งตัวครบฟังก์ชันพื้นฐาน ส่วนในห้องน้ำ มีติดฉากกั้นอาบน้ำบานเลื่อนให้ด้วยทุกห้อง จะดูขาดไปหน่อยก็ตรงที่ให้แอร์แค่เฉพาะในห้องนอนค่ะ ในห้องนั่งเล่นต้องติดเพิ่มเอง

ส่วนกลางของ Natureza Art North Pattaya ให้มาครบฟังก์ชันพื้นฐานที่ทุกคอนโดต้องมีคือห้องฟิตเนสและสระว่ายน้ำ ที่โดดเด่นของส่วนกลางที่นี่ยกให้เรื่องสระว่ายน้ำที่ยาวดีมาก ขนาด 32 x 10 เมตร คนชอบว่ายน้ำออกกำลังกายน่าจะว่ายเพลินเลย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของบรรยากาศโดยรวมในโครงการที่ดูร่มรื่น ต้นไม้ใหญ่เยอะ หันไปทางไหนก็เจอสีเขียว สรุปว่าแม้ไม่ได้มีลูกเล่นที่หลากหลายแต่ที่มีให้มาก็จัดใหญ่สะใจกันไปเลย

ที่จอดรถประมาณ 40% จอดนอกอาคารทั้งหมด ส่วนลิฟต์ก็ให้มา 2 ตัวต่ออาคาร โดยอาคาร C คิดอัตราเฉลี่ยการใช้งานเป็น 97 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว และอาคาร D คิดอัตราเฉลี่ยการใช้งานเป็น 105 ยูนิตต่อลิฟต์ 1 ตัว จำนวนที่จอดรถถือว่าก็สมเหตุสมผลกับระดับราคา ส่วนอัตราเฉลี่ยการใช้ลิฟต์ถือว่าคุ้มเกินราคาเลยเพราะค่อนข้างเป็นส่วนตัวไม่หนาแน่นเกินไปค่ะ

เจาะลึกรีวิวกันไปอย่างละเอียดยิบแล้ว  ก็ขอสรุปจบท้ายคะแนนกันอีกสักรอบนะค้าาาา…  เห็นด้วยหรือไม่ตรงไหน  แชร์ไอเดียกันได้ค่ะ ^___^

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ  (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)

และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

ทุกท่านสามารถสนับสนุนให้อยู่สบายสามารถทำรีวิวออกมาได้เรื่อยๆค่ะ  เพียงแค่เวลาไปดูโครงการบ้านและคอนโดที่ต่างๆ  เพียงช่วยระบุในแบบสอบถามของโครงการว่า ”อยู่สบาย.com” เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่ท่านติดตามอ่านอยู่  เวลาทางทีมงานขออนุญาตโครงการต่างๆเข้าไปทำรีวิวจะได้ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นค่ะ  (^_____^)

ถ้าหากว่ารีวิวของเรามีประโยชน์  ช่วยกด Like ด้านล่างสำหรับกำลังใจในการทำรีวิวของทีมงานด้วยนะคะ

ถ้าข้อมูลเป็นประโยชน์ ช่วยกด Like กด Share ให้ทีมงานด้วยนะคะ  ^_____^

วันนี้ผมพาเพื่อนๆ  ไปชมรีวิวตึกเสร็จของคอนโดในโซน Mid-Sukhumvit อย่าง HYDE Sukhumvit 11 (HYDE สุขุมวิท 11) ครับ  โครงการนี้พัฒนาโดย Grande Asset ซึ่งปกติแล้วเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาฯ พวกโรมแรมอย่างมาก  เรียกว่าถ้าพูดชื่อ Grande Asset บางคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการอาจจะไม่คุ้น  แต่ถ้าพูดชื่อโรงแรมอย่าง Hyatt Regency, The Westin Grande Sukhumvit หรือ Sheraton Hua Hin Resort & Spa กับ Sheraton Hua Hin Pranburi Villas  ก็คงเริ่มๆ คุ้นชื่อกันนะครับ  โครงการเหล่านี้พัฒนาโดย Grande Asset นี่แหละ  เรียกว่าเจ้านี้ทำของหรูมาโดยตลอด  ก็น่าสนใจว่าพอมาพัฒนาโปรดักส์คอนโด จะออกมาได้ดีหรือไม่ยังไงบ้าง

คอนโด HYDE สุขุมวิท 11  นี้ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกชื่อดังอย่าง A49 ครับ  เป็นคอนโด 39 ชั้น อยู่ในซอยสุขุมวิท 11 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้ามาประมาณ 450 เมตร  โดยซอยสุขุมวิท 11 นั้นมีทางลัดเลาะเชื่อมต่อไปยังโซนต่างๆ ได้หลายทาง  โดยเฉพาะกับในโซน Mid Sukhumvit ด้วยกันเอง

เดี๋ยวผมพาไปชมกันในรีวิวคอนโดบทความนี้กันครับว่า  HYDE Sukhumvit 11 จะออกมาเป็นยังไง  … ตามผมไปดูกันครับ

HYDE SUKHUMVIT
(ไฮด์ สุขุมวิท)

• เจ้าของโครงการ >>> GRANDE ASSET Hotels and Property PCL
• ที่ตั้งโครงการ >>> ซอยสุขุมวิท 11 ห่างรถไฟฟ้า BTS ประมาณ 450 เมตร
• ขนาดที่ดิน >>> 2-1-58 ไร่
• จำนวนอาคาร >>> 2 อาคาร
• จำนวนชั้น, ยูนิต >>>
  • รวม 478 ยูนิต
    • Building A 39 ชั้น (453 ยูนิต)
    • Building B  9 ชั้น (25 ยูนิต)
• ประเภทห้อง >>>
  • Building A
    • Studio ขนาด 26.97-27.57 ตร.ม.
    • 1 Bedroom ขนาด 32.34-35.15 ตร.ม.
    • 2 Bedroom ขนาด 52.39-63.81 ตร.ม.
    • 3 Bedroom ขนาด 84.57-142.16 ตร.ม.
    • Duplex  63.12 ตร.ม.
    • Penthouse 139.02-164.49 ตร.ม.
    • Villa 196.33 ตร.ม.
  • Building B
    • Studio ขนาด 26.37-27.08 ตร.ม.
    • 1 Bedroom ขนาด 33.89-47.75 ตร.ม.
    • Retail
• ที่จอดรถ >>> 276 คัน  คิดเป็น 57%  (แบบ Automatic Parking) 
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 5.9 ล้านบาท
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร >>> ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 180,000-200,000 บาท/ตร.ม.
• พิกัดที่ตั้งคอนโด >>> 13.743676 , 100.556598
• เว็บไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• โทร >>> 02-651-0011

.

ที่ตั้งของ ไฮด์ สุขุมวิท นั้นเข้ามาในซอย  ห่างจากสถานี BTS บนถนนสุขุมวิทประมาณ 450 เมตร ครับ  โดยจะอยู่เลยโรงแรม Ambassdor ไปหน่อย  โซนนี้เป็นช่วง Mid Sukhumvit ที่มีชาวต่างชาติเยอะครับ  ค่อนข้างเป็นทำเลที่มีลักษณะและคาแรคเตอร์ของพื้นที่แบบเฉพาะตัวสูงมาก  เรียกว่าถ้าคนที่ชอบก็ชอบเลย  แต่คนที่ไม่ชอบก็ไม่ชอบเลยเหมือนกัน  เรื่องนี้ก็ต้องแล้วแต่หล่ะครับ  แต่ที่แน่ๆ แม้ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็คือ  แถวนี้ราคา property นั้นค่อนข้างสูง  และมี demand รวมถึงกำลังซื้อจากชาวต่างชาติชัดเจนครับ  ซึ่งก็เลยกลายเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับคนไทยที่มีกำลังซื้อ  และมีเงินเก็บมากพอที่จะลงทุนอยู่ด้วยเช่นกัน

In Brief : ถ้ายาวไปไม่ชอบอ่าน  อ่านสรุปสั้นๆ กันก่อนจ้าาาา… 

คอนโด HYDE Sukhumvit 11 โดดเด่นในเรื่องของงานออกแบบครับ  ตัวงานดีไซน์นั้นจัดว่าน่าสนใจทีเดียว  ส่วนเรื่องของโลเคชั่นนั้นต้องบอกว่าเป็นโซนที่มีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวสูงครับ  บางคนอาจจะชอบหรือบางคนอาจจะไม่ชอบเลย  แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ โลเคชั่นใจกลางสุขุมวิทที่มีชาวต่างชาติอยู่แบบนี้  ยังไงก็มีมูลค่าในตัวเองอยู่ดี  โดยเฉพาะในแง่ของการลงทุน  เพราะโซนนี้จัดว่าเติบโตมาอย่างอยู่ตัวนานแล้วครับ

• ด้านความอุดมสมบูรณ์  พื้นที่ตรงนี้เป็นโซนที่ค่อนข้างพลุกพล่านตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืนครับ  หาของกินได้ไม่ลำบาก  ในซอยสุขุมวิท 11 นอกจากผับ บาร์ต่างๆ ที่จับกลุ่มลูกค้าต่างชาติแล้ว  ก็ยังมีร้านอาหารที่มีชื่อเป็นที่รู้จักสำหรับคนไทย หรือร้านกาแฟต่างๆ ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณรอบๆ พอสมควรครับ

• แปลนห้อง  แปลนของโครงการทำมาได้หลากหลายไซส์มาก  คือ มีให้เลือกตั้งแต่ห้อง Studio ไปจนถึง Penthouse ครับ  โดยรวมๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี  จัดสเปซใช้ได้ และมีการจัดวางพื้นที่อย่างคุ้มค่า  แต่แปลนทั้งหมดจะเป็น pantry ครัวแบบเปิดโล่ง  ซึ่งอาจจะเหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง  ที่ทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ เบาๆ เท่านั้นครับ  ถ้าชอบทำอาหารจริงจังอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่

• ส่วนกลาง  ด้วยความที่เป็นคอนโดที่มียูนิตรวมไม่เยอะ  เพราะว่ามีสัดส่วนของห้องขนาดใหญ่มากพอสมควร  ทำให้ความหนาแน่นของการใช้ส่วนกลางจัดว่าสบายครับ  และก็ให้มาหลากหลาย  ครบตามพื้นฐานของ Luxury condo ตรงนี้จึงถือว่าเป็นจุดดีอีกข้อหนึ่ง

• ทำเลและการเข้าถึง  ที่ตั้งของคอนโดอยู่ในโซน Mid Sukhumvit ฝั่งเลขคี่  ซึ่งในแง่มูลค่าทำเลก็จัดว่าได้เปรียบฝั่งเลขคู่อยู่พอสมควรเหมือนกันครับ  และห่างจาก BTS ประมาณ 450 เมตร ยังถือเป็นระยะเดินได้  ซึ่งซอยสุขุมวิท 11 นี้ก็สามารถทะลุเชื่อมไปได้หลายเส้นทาง ทั้งออกไปทางอโศก  หรือไปขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานคร
• วัสดุ  ภาพรวมให้มาดีครับ  แต่ก็เป็นไปตามระดับราคาที่เหมาะสม  โครงการนี้ให้หน้าต่างสูงแบบ Full Height มาทั้งหมด  ทำให้ห้องดูโปร่ง  รูปแบบการขายมีทั้งที่เป็น Fully Furnished และ Fully Fitted  ในภาพรวมนั้นให้ผิวสัมผัสของวัสดุมาได้ดีทีเดียวครับ

——–>

เหมาะกับใคร ?? :

โครงการ ไฮด์ สุขุมวิท 11  เหมาะกับชาวต่างชาติที่ชอบอยู่ในทำเลโซนนี้อยู่แล้ว  หรือจะเป็นคนไทยที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุนในแง่ของการเอาไปปล่อยเช่า  หรือว่ารอ Capital Gain ครับ  เพราะว่าโซนนี้ดีมานด์มีอยู่แน่ๆ  แต่ไม่ค่อยมีคอนโดขึ้นมากเท่าไหร่  แต่ถ้าเป็นคนไทยที่อยู่เองก็คงจะต้องเป็นคนที่คุ้นเคยกับพื้นที่โซนนี้อยู่แล้ว  แล้วโอเคกับทำเล  หรือว่าทำงานในโซนรอบๆ ไม่ไกลจากบริเวณนี้  ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมใหญ่ๆ  หรือว่าออฟฟิศสำนักงานโดยรอบครับ

——–>

.
.
.
ทีนี้.. ถ้าสนใจ ก็ตามผมมาเจาะลึกรีวิวฉบับเต็มได้เลยครับ  เดี๋ยวจะค่อยๆ เล่าให้อ่านกัน

มาดูตำแหน่งรอบๆ ตัวคอนโดก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง

โซนนี้จัดเป็น Mid Sukhumvit ที่มีความหนาแน่นค่อนข้างสูงครับ  มีชาวต่างชาติหลากหลายมาอยู่อาศัยกันมากมาก  อสังหาฯ และธุรกิจต่างๆ ก็ทำมารองรับตลาดตรงนี้   ซึ่งถ้ามองในแง่ของการเดินทางแล้ว  จากที่ตั้งของคอนโด ไฮด์ สุขุมวิท 11  เราสามารถใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครได้สะดวกมากทีเดียว  ถ้าหากจะขึ้นทางด่วนไปทางดินแดง  ก็สามารถใช้ซอยย่อยไปออกสุขุมวิท 3 ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์  แล้วเลี้ยวขวาตรงถนนสุขุมวิทเพื่อขึ้นทางด่วนได้เลย  และในทางกลับกันถ้าหากต้องการไปขึ้นทางด่วนพระราม 4 เพื่อออกบางนา  ก็จะสามารถออกทางปากซอยสุขุมวิท 11 เลี้ยวเข้าถนนเลียบทางพิเศษเฉลิมมหานคร  ตรงหัวมุมของธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่  เพื่อไปขึ้นทางด่วนตรงด่านพระราม 4 ได้เลยด้วยครับ

ถนนตรอกซอกซอยต่างๆ ในโซนนี้ส่วนใหญ่จะเชื่อมถึงกันได้หมดครับ  เพียงแต่ถนนจะค่อนข้างแคบไปสักหน่อย  คนพลุกพล่านทั้งกลางวันกลางคืน  เวลาขับรถจะต้องขับรถด้วยความระมัดระวังกันนิดนึง  จากตัวคอนโดสามารถใช้ซอยย่อยๆ ลัดเลาะไปออกตรงอโศก (สุขุมวิท 21) ที่เป็นแหล่งย่านธุรกิจและแหล่งงานสำคัญบนสุขุมวิทได้เลยด้วย  รวมถึงยังสามารถเดินไปยังรถไฟฟ้าได้ในระยะประมาณแค่ 450 เมตร ครับ

ถ้าเราขยับเข้ามาดูในระดับ neighborhood มากขึ้น  จะเห็นว่าพื้นที่โซนนี้มีความหนาแน่นของอาคารและตึกรามบ้านช่องค่อนข้างมากครับ  อสังหาฯ ที่เกี่ยวเนื่องกับการอยู่อาศัยอย่างเช่นโรงแรมมีอยู่หนาแน่นมาก  ทั้งบริเวณที่ติดถนนสุขุมวิทมีโรงแรมเชนใหญ่ๆ ที่เราคุ้นชื่อกันอย่าง Sofitel Bangkok Sukhumvit, The Westin Grande Sukhumvit  หรือจะเป็นบริเวณในซอยสุขุมวิท 11 ก็มีเช่นกัน  ไม่ว่าจะเป็น Ambassador hotel, Mercure Bangkok Sukhumvit 11 ครับ   แต่คอนโดที่ขึ้นในซอยนี้มีไม่มากนัก  ซึ่งพอ supply จำกัด  แต่ยังมี demand ต่างชาติค่อนข้างชัดเจน  ทำให้โครงการนี้ก็มีจุดที่น่าสนใจในตัวอยู่มากพอสมควร  แม้ว่าในปัจจุบันคนไทยจะไม่ค่อยนึกถึงตลาดคอนโดตรงนี้เท่าไหร่นักครับ

แน่นอนว่าเมื่อมีคนอยู่อย่างพลุกพล่าน  และมีการสัญจรตลอดเวลา  ทำนอกจากบาร์ที่รองรับชาวต่างชาติแล้ว  ในซอยนี้ก็ยังมีร้านกาแฟ, ร้านอาหารสวยๆ ซ่อนตัวอยู่หลายแห่ง  แบบที่ถ้าไม่ได้สังเกตอาจจะไม่รู้เลยครับ

สภาพแวดล้อมรอบคอนโด

ผมพาไปดูบรรยากาศรอบๆ ของ HYDE สุขุมวิท 11 กันครับ ตามมาเลย

เริ่มกันที่หน้าสำนักงานขายคอนโด Hyde 11 ที่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโครงการครับ  เวลามาดูห้องตัวอย่างก็ติดต่อที่นี่ก่อน  แล้วถ้าจะดูห้องจริงก็เดินข้ามถนนไป

เดี๋ยวผมจะพาเดินย้อนไปช่วงกลางซอยนะครับ  นอกจากบาร์ต่างชาติแล้ว ก็มีร้านอาหาร และร้านกาแฟต่างๆ อยู่มากพอสมควร  ตอนนี้อยู่ตรงหน้าโรงแรม Mercure Bangkok ครับ  ที่ชั้นล่างมีร้านอาหารดังๆ อยู่ 2 ร้าน  ที่แรกเป็น  El Gaucho Argentinian Steak House  ร้านนี้ดังในย่านสุขุมวิทอยู่ครับ  นอกจากที่นี่ก็มีอีกสาขาตรงด้านข้าง Terminal 21 ที่แยกอโศก

ติดกันเป็น Alex Brasserie ซึ่งเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสและบาร์แบบพรีเมียมหน่อย  ร้านนี้เพิ่งได้รางวัล Best Restaurant 2018 จาก Thailand Tatler Magazine นะครับ  เล่มนี้เป็น Magazine ที่เกี่ยวกับ Luxury Lifestyle โดยเฉพาะ

บรรยากาศภายในร้านจะตกแต่งแบบ Industrial Loft หน่อย  ใช้โทนสีที่ดูขรึม แต่มีความเท่ในตัวเองอยู่

แอบไปเปิดดูรูปเมนูในร้านมา  หน้าตาดีมากทีเดียว

เดินต่อมาอีกหน่อย  เราจะเจอร้านกาแฟยอดนิยมอย่าง Starbucks  ที่ขาดไม่ได้แน่นอนในใจกลางเมืองแบบนี้

ภายในตกแต่งกึ่งลอฟท์นิดๆ  แต่ยังใช้โทนสีไม้เพื่อให้ความรู้สึกอบอุ่นอยู่  ว่างๆ ก็เดินมานั่งจิบกาแฟได้ครับ  อยู่ห่างจากคอนโด Hyde Sukhumvit 11 นิดเดียวเอง

เลยจาก Starbucks มาจะเป็นโรงแรมแอมบาสเดอร์  เป็นโรงแรมเก่าแก่มากแห่งหนึ่งในกรุงเทพ  หลายคนคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว

ด้านหน้าส่วนที่ติดถนนใหญ่จะเป็นอาคาร 2 ชั้น  ชั้นบนเป็นร้านพิซซ่าและอาหารอิตาเลียนชื่อ Pomodoro ครับ  ร้านนี้มี 3 สาขา ในกรุงเทพฯ  นอกจากที่สุขุมวิท 11 แล้วก็ยังมีที่ Central World และที่ตึก All Season Place อีกที่หนึ่ง  ผมยังไม่เคยทานที่สาขานี้นะ  แต่ที่ Central World ก็อร่อยใช้ได้ทีเดียว

บรรยากาศในร้าน  ดูดีอยู่นะ

เอารูปอาหารของร้านมาให้ดู  อย่าเพิ่งหิวนะครับ   (อ่านรีวิวให้จบก่อน 55)

ส่วนที่ชั้นล่างนั้นเป็นร้าน Au Bon Pain นั่นเอง  เช้าๆ ถ้าไม่รีบออกไปทำงานก็มานั่งทานกาแฟได้  แอบเปิดไปดูข้างใน จัดร้านบรรยากาศดีอยู่นะครับ

ฝั่งตรงข้ามกับ  Pomodoro จะเป็นร้านอาหารชื่อรถเสบียงครับ  เป็นร้านอาหารไทย  เดิมมีสาขาแรกอยู่ที่ถนนสามเสน  ต่อมาก็ขยายมาที่สุขุมวิท 11 ด้วย

ด้านในใช้บ้านเก่าที่มีบริเวณโดยรอบ และต้นไม้ที่ปลูกไว้ร่มรื่นมาก  บ้านสไตล์นี้ในยุคสมัยหนึ่งชอบเรียกกันในวงการสถาปัตยกรรมว่า “บ้านสุขุมวิท” ครับ  เป็นบ้านในแนวผู้ดีเก่าที่อยู่สุขุมวิทชอบปลูกกัน  เดี๋ยวนี้ถ้าเราใช้ชีวิตอยู่ในโซน Mid Sukhumvit เยอะๆ  จะเจอบ้านรูปแบบนี้ที่ถูกเอามาดัดแปลงเป็นร้านอาหารเก๋ๆ มากมาย

แอบเดินเข้าไปชมด้านในกันหน่อยครับ  เป็นร้านอาหารบรรยากาศดีอีกร้านในสุขุมวิท 11  รองรับทั้งฝรั่ง ชาวต่างชาติ  และชาวไทย

ทีนี้ผมพาเดินเลยจากตัวคอนโด Hyde Sukhumvit 11 เข้าไปในซอยกันบ้างครับ

สุดทางเลยจะมี 7-Eleven สาขาใหญ่มาก  ตรงแยกนี้เราสาขาเลี้ยวขวาไปออกสุขุมวิท 21 (อโศก) ได้โดยไม่ต้องออกถนนใหญ่สุขุมวิทนะครับ  เราใช้เส้นนี้ลัดเลาะไปออกหน้าโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยได้เลย

ด้านหน้า 7-Eleven มีร้านขายยาใหญ่พอสมควรครับ  เจ็บป่วยเบื้องต้นก็แวะมาได้

ตามข้างทางก็มี Kiosk ขายอาหารกระจายตัวอยู่บ้างครับ  อย่างตรงนี้เป็นร้านเบอร์เกอร์

อย่างที่บอกว่าโซนนี้ชาวต่างชาติอยู่กันเยอะ  เพราะฉะนั้นตลาด property อย่างพวกโรงแรมก็จะเยอะตามไปด้วย  มีทั้งแบบที่ใช้เชนบริหาร  และแบบที่ไม่มีเชนครับ

อย่างนี่ก็เป็น Holiday Inn Express

ในซอยก็จะมีร้านอาหารกึ่งบาร์แทรกตัวอยู่บ้างนะครับ  ร้านนี้แต่งข้างหน้าเก๋ดี  แต่ร้านเหล่านี้จะมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะตัว  ถ้าใครไม่ใช่แนวก็อาจจะไม่ชอบนะ

มาจบท้ายกันด้วย Villa Market ครับ  สามารถเดินมาจากคอนโดได้เลย  เวลาต้องการซื้อของกินของใช้เล็กๆ น้อยๆ

เริ่มเปิดประตู ไปดูในโครงการ 

ก่อนจะเข้าไปรีวิวดูรายละเอียดในตัวคอนโด  มาดูตำแหน่งที่ตั้งกันแบบชัดๆ อีกทีครับ  ตัวคอนโดนั้นจะแบ่งเป็น 2 อาคาร คือ Tower B ด้านหน้า และ Tower A ด้านหลัง  โดยส่วนของ Tower B ด้านหน้ามีแค่ 9 ชั้น  ชั้นล่างสุดติดถนนซอยสุขุมวิท 11 จะทำเป็น Retail  ส่วนชั้น 2-7 จะเป็นที่จอดรถแบบ Automatic Parking  และที่ชั้น 8-9  จะเป็นยูนิตพักอาศัยครับ

ส่วนด้านหลังจะเป็น Tower A ที่เป็นอาคารสูง 39 ชั้น หน้าตาตึกดูขาว คลีน สะอาดตามาก  แล้วก็มีการออกแบบลูกเล่นบนตัวอาคารไว้ด้วย  ไม่ได้ทำเป็นตึกเรียบๆ ที่ดูแล้วน่าเบื่อแต่เพียงอย่างเดียวนะ

ส่องโมเดล

แต่ก่อนอื่น  ผมขอพามาเริ่มดูรายละเอียดของตัวคอนโดกันจากโมเดล  เพื่อจะได้เห็นภาพกันได้มากขึ้นครับ

Hyde Sukhumvit 11 นั้นมี 2 อาคาร แยกขาดจากกัน  อาคารด้านหน้าเป็น Tower B สูง 9 ชั้น เป็นส่วนของที่จอดรถ (ระบบ Automatic Parking) และมีห้องพักอยู่ที่ 2 ชั้นบนสุด  ส่วนอาคารด้านหลังจะเป็น Tower A สูง 39 ชั้น ครับ

มุมตรงจากด้านหน้า

พื้นที่อาคาร B และ A จะมีทางเดินเชื่อม  ซึ่งมีหลังคาคลุมตลอดแนวนะครับ  ถ้ามาจอดรถเสร็จแล้วฝนตกก็ยังสามารถเดินเข้าใน Tower B ได้อยู่  โดยพื้นที่คอร์ทระหว่าง 2 ตึกนั้นทำเป็นสวน และพื้นที่สีเขียว  มีผนังน้ำตกใหญ่ที่รับกับมุมมองที่มองออกมาจากล็อบบี้ Tower A ครับ

ที่ชั้นดาดฟ้าของ Tower B  จะเป็นสวนส่วนกลาง  คนที่อยู่ Tower A ก็สามารถมาใช้ได้นะครับ

ความน่าสนใจของตัวงานออกแบบนั้นยังมีลูกเล่นต่างๆ บนตัวอาคาร  เช่น  การทำระเบียงยืดหดไม่เท่ากัน  และมีบางตำแหน่งที่ปลูกต้นไม้เอาไว้ตรงระเบียงได้ด้วย  ทำให้เวลาดูภาพรวมของตึกแล้วมีดีเทลกับลูกเล่นหลากหลาย  ไม่น่าเบื่อครับ  แล้วก็กระจกที่นี่บานใหญ่มาก  เป็น Full Height เกือบทั้งหมด

ปิดท้ายกันด้วยส่วนยอดอาคาร  ซึ่งทำเป็นสเต็ปไล่ระดับกันขึ้นไปเป็นลักษณะขั้นบันไดครับ  ตรงนี้มีผลมาจากระยะร่นของตัวคอนโดจากแนวถนนนั่นเอง  มีการออกแบบโครงเหล็กตั้งขึ้นไป  เพื่อให้เกิดรูปทรงของตัวอาคารที่โฉบเฉียวทีเดียวแหละ

เปิดผังคอนโด Typical Floor Plan

แปลนคอนโด Hyde Sukhumvit 11 จะมีลูกเล่นค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะระเบียงและหน้าต่างแต่ละห้องครับ  ซึ่งก็จะส่งผลต่อรูปร่างหน้าตาภายนอกของคอนโดโดยตรง  บางส่วนก็มีการยื่นเข้า ยื่นออก ต่างกัน  มองภายนอกก็จะไม่น่าเบื่อ ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้ก็จะต้องวางตำแหน่งห้องต่างๆ คละกันไปหลายขนาด  แต่ภาพรวมในแต่ละชั้นก็จะค่อนข้าง private นะครับ  เพราะว่ามีแค่ 10-14 ยูนิต เท่านั้นเอง

ผมหยิบตัวอย่างแปลนมาให้ชมกันบางชั้นนะครับ  ไม่ได้เอามาลงให้หมดทุกชั้น  เพราะมันเยอะมากจริงๆ  ตอนนี้ตึกเสร็จแล้ว  สนใจชั้นไหนเข้าไปดูที่โครงการได้เลย

พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร

พื้นที่ส่วนกลางของ Hyde Sukhumvit 11  มีอยู่ 2 โซนใหญ่ๆ  คือ ส่วนของชั้นล่าง  ที่เป็นล็อบบี้เปิดมุมมองเชื่อมต่อกับสวนสีเขียว  และอีกโซนจะอยู่บน Top Floor ที่ชั้น 37-39  เลยครับ เรียกว่าเกาะรวมกันอยู่ที่เดียวที่ชั้นสูง  เพื่อเปิดมุมมองให้เห็นวิวตามแนวสุขุมวิทครับ

ที่ชั้น 37  ส่วนของ Facilities จะอยู่ทางทิศตะวันตก  ที่หันไปทางรถไฟฟ้าบนเส้นสุขุมวิทครับ  (อีกฝั่งจะเป็น Villa Penthouse ซึ่งแน่นอนว่าเป็นห้องแพงที่สุดในโครงการนี้)  ที่ชั้นนี้จะมีห้อง Multi-Purpose room ที่มีส่วนของ counter bar ส่วนกลางเตรียมพร้อมเอาไว้จัดปาร์ตี้ได้  แล้วก็มีสเปซส่วนที่สามารถกั้นประตูแยกแบบ private ได้ด้วยครับ  นอกจากนี้ก็มีห้อง Golf Simulator, Game room (มีโต๊ะพลู) และ Theatre room ครับ

สำหรับประเด็นเรื่องความเพียงพอของสัดส่วนลิฟต์ และที่จอดรถนั้น  ที่ Tower A มีลิฟต์โดยสาร 5 ตัว  เทียบจำนวน 453 ยูนิต  จะเฉลี่ยได้ 91 ยูนิต/ลิฟต์ 1 ตัว ถือว่าสัดส่วนดีมากๆ ครับ  เวลาใช้งานน่าจะไม่ต้องรอลิฟต์กันนาน   ส่วนที่จอดรถมีให้ 57% ทั้งแบบ Conventional และแบบ Automatic Parking  ก็จัดว่าใช้ได้อยู่  ยิ่งมีตลาดส่วนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติอยู่แล้ว  เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็ถือว่าโอเคสำหรับการใช้งานครับ

พอขึ้นมาชั้น 38 (จะขึ้นลิฟต์หรือเดินขึ้นบันไดก็ได้นะครับ) จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำที่มีจากุชชี่  แล้วก็แยกสระเด็กให้ครับ  ชั้นนี้มีห้อง Stream & Sauna แยกชาย-หญิง ไว้ให้ด้วย

จากชั้นสระว่ายน้ำ  เดินขึ้นบันไดมาจะถึงฟิตเนสที่อยู่บนชั้นลอย  สามารถมองลงไปเห็นวิวสระว่ายน้ำได้

เรามาเริ่มกันจากหน้าโครงการเลยครับ  ทางเข้าจะอยู่ด้านข้างของ Tower B พุ่งตรงไปยัง Tower A ด้านหลัง

ด้านข้างก็จะมีแนวกำแพงต้นไม้สีเขียวที่ปลูกเอาไว้ครับ

ตรงด้านข้างของ Tower B จะมีส่วนของทางลงที่จอดรถใต้ดินแบบปกติ

ซึ่งถ้าจะจอดแบบ Automatic Parking ก็จะต้องขับรถวนรอบด้านหลัง Tower A มาก่อน  แล้วเข้าทางอีกฝั่งของ Tower B ครับ

เสร็จแล้วเวลาเอารถออก  จะออกมาฝั่งถนนอีกด้านได้เลย  แล้วก็ขับรถออกจากโครงการได้โดยไม่สวนกัน

ทางเดินเชื่อมระหว่าง Tower A กับ Tower B มีหลังคาช่วยกันฝนให้  เวลาฝนตกจะได้เดินเข้าคอนโดได้

ตรงนี้เป็นคอร์ทกลางระหว่าง Tower B และ Tower A  ซึ่งในช่วงกลางวันจะค่อนข้างเงียบเมื่อเทียบกับเสียงบริเวณถนนหน้าคอนโดนะครับ  เพราะว่ามีส่วนของ Tower B ช่วยสกรีนเสียงจากถนนออกไปได้มากพอสมควร

แล้วก็มีเสียงน้ำตกที่อยู่บน Feature Wall ขนาดใหญ่  เป็นการดีไซน์เอาเสียงน้ำตกมาช่วยตัดความวุ่นวายจากสภาพแวดล้อมสภาพนอกออกไปได้ดีเลยทีเดียว

มุมนั่งเล่นพักผ่อนครับ  ตรงนี้มีต้นไม้ใหญ่ช่วยให้ร่มเงาด้วย

ถอยออกมาดูมุมกว้างๆ กันบ้าง

อีกหน่อยถ้าต้นไม้ยิ่งโตแตกกิ่งก้านสาขามากขึ้นตรงนี้ก็จะร่มรื่นน่าอยู่มากทีเดียวครับ

มุมมองจากคอร์ทกลางก็เห็นล็อบบี้ที่เป็นกระจกใส สูงโปร่งทีเดียว

เดี๋ยวผมพาเข้าไปดูกันใน Tower B ต่อครับ  ตรง Drop Off มีชายคากันแดดฝนให้เรียบร้อย  เวลาถ้าวนรถมาส่งแล้วฝนตกก็ไม่ลำบาก

ล็อบบี้นั้นล้อมด้วยกระจกสูงโปร่ง  ใช้กระเบื้องลายหินอ่อนสีขาวแผ่นใหญ่  ดูโปร่งและคลีนมากครับ

เข้ามาดูด้านในกัน

ส่วนนั่งเล่นในล็อบบี้จะดรอปพื้นลงมาหน่อย  เพื่อให้ระยะการมองนั้นเห็นส่วนของหญ้าสีเขียวและไม้พุ่มพอดี  เป็นสเปซที่น่าสนใจดีนะ

ฝ้าในล็อบบี้เป็น Double Space ครับ  โทนสีโดยรวมเป็นสีขาว  ตกแต่งด้วยสีส้มและทองแดงเพื่อเน้นความน่าสนใจของสเปซ  ทำให้ดูสนุกสนานมากขึ้น ไม่ให้ดูจืดชืดเกินไป

ที่ผนังด้านข้างล็อบบี้จะมีจุดกดเรียกรถจากที่จอด Auto มาให้

เราสามารถดูรถเราจากจอนี่ได้เลย  จะมีกล้องถ่ายให้ดู

ผมพากดลิฟต์ขึ้นไปดูชั้นบนต่อครับ

มาเริ่มกันที่ชั้น 37 ก่อนครับ  พอออกจากโถงลิฟต์มาเลยจะเจอกับห้อง Multi-purpose room  เข้ามามี counter bar และ pantry ใหญ่มาก  พร้อมโต๊ะเก้าอี้ที่สามารถเอาไว้จัดปาร์ตี้ได้เลย  มีเครื่องชงกาแฟเตรียมไว้ให้ด้วยนะ

การตกแต่งในห้องนี้ใช้วัสดุผิวมัน  เน้นโทนสีขาวสว่าง สะอาดตาดี  ด้านนอกมองออกไปจะเห็นวิวฝั่งถนนสุขุมวิทครับ

ที่นี่ให้กระจก Full Height สูงจรดฝ้า  ทำให้ดูโล่ง โปร่งมากทีเดียว  โต๊ะที่นั่งก็มีหลายขนาด  แล้วแต่ว่ามากันกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ครับ

ห้องที่ติดกันจะสามารถกั้นแยกได้ด้วย  หรือจะเปิดเชื่อมต่อกันก็ได้  การตกแต่ง interior ของส่วนกลางที่นี่จะค่อนข้างคุม mood & tone ไปในแนวทางเดียวกันครับ  อย่างห้องนี้จะเห็นว่านอกจากใช้โทนสีขาว, เทาอ่อน  เป็นสีพื้นแล้ว  ก็ยังมีโทนสีส้ม และน้ำตาลเข้มมาตกแต่งในบางจุด  เพื่อให้สเปซดูสนุกสนานไม่น่าเบื่อ  แต่ก็ยังดูหรูอยู่ด้วยวัสดุที่มีผิวมันเงา

มุมอาคารจะเห็นวิวได้ทั้ง 2 ด้านเลย  ทางขวามองไปฝั่งถนนสุขุมวิท  ส่วนทางซ้ายมองไปทางอโศกครับ

ปิดท้ายกันอีกสักมุม

มาต่อกันที่ Game room ครับ  มีเซตหมากรุกฝรั่ง  กับโต๊ะพูล

วิวใจกลางเมืองจากมุมสูง  ผมว่ากลางคืนน่าจะสวยทีเดียวแหละ

ริมหน้าต่างเป็นมุมนั่งเล่น  ตรงนี้มองไปทางฝั่งเพลินจิต และชิดลมครับ  เห็นแนวเส้นรถไฟฟ้าด้วย

ถัดมาเป็นห้อง Golf Simulation เอาไว้ซ้อมไดรฟ์เวลาว่างแล้วขี้เกียจออกไปสนามไดรฟ์

ห้องสุดท้ายในชั้นนี้เป็นห้องดูหนังครับ  ความจุทั้งหมด 12 ที่นั่ง

อีกมุมหนึ่งมองย้อนออกมา

ผมพาขึ้นไปต่อกันที่สระว่ายน้ำชั้น 38 ครับ  โครงเหล็กที่เห็นโดยรอบนี่คือดีไซน์ส่วนของยอดอาคารนะ  ถ้าดูระยะใกล้ๆ  จะดูรูปทรงมันไม่ออก  และไม่ค่อยสวยเท่าไหร่  แต่พอมองไกลๆ แล้ว  ตรงนี้เป็นส่วนช่วยให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์ ตึกสวยงาม แตกต่างจากดีไซน์ตึกอื่นๆ โดยรอบมากทีเดียว

มองไปทางโซนเพลินจิต, วิทยุ ครับ

ส่องดูชั้นบน จะเป็นฟิตเนสที่ลอยอยู่ เดี๋ยวจะพาขึ้นไปชมกันด้วยครับ

สระว่ายน้ำที่เป็น Infinity edge pool  แล้วเห็นวิวเมือง  ก็จะฟินๆ หน่อย

มีมุมจากุชชี่ให้ครับ

ส่วนนี้เป็นสระเด็ก  ลึก 30 ซม.

ในห้องน้ำมี Stream & Sauna room ครับ

สุดท้ายผมเดินขึ้นบันไดมาจบกันที่ฟิตเนสครับ  วิวตรงนี้จริงๆ สวยเลยนะ แต่ตอนที่ไปแดดข้างนอกจ้ามาก  เลยถ่ายไม่ติดวิวเท่าไหร่ แสงมันโอเวอร์ไป  ^^”

ดูกันอีกมุม  ในฟิตเนสนี้ก็ถือว่ากว้างขวางพอสมควร  ยังเหลือพื้นที่ว่างให้เสริมเครื่องเล่นได้อีกพอควรเลยครับ

ปิดท้ายกันด้วยวิวจากบนคอนโดครับ  มุมนี้มองออกไปทางฝั่งสุขุมวิท  เห็นสถานีรถไฟฟ้าที่ห่างจากตัวคอนโดไม่ไกล

ด้านนี้เป็นวิวทางฝั่งเพลินจิตครับ  เราจะเห็นทั้งแนวรถไฟฟ้า BTS และแนวทางด่วนเฉลิมมหานครที่มาลงตรงนานา  มี skyline เป็นกรุงเทพช่วง Early Sukhumvit

หันไปด้านหลังจะเห็นที่ดินแปลงมักกะสันอยู่ด้วย

วิวไปทางฝั่งอโศก  ด้านนี้เราจะเห็นโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย  ที่มีฉากหลังเป็นกลุ่มอาคารสำนักงานและคอนโดบนถนนอโศกมนตรี

แปลนห้องดีไหม?

คอนโด Hyde Sukhumvit 11 นี้จัดเป็นโครงการที่ทำแปลนห้องออกมาได้หลากหลายมากครับ  มีทุกแบบตั้งแต่สตูดิโอ  ไปจนถึง Penthouse เพราะฉะนั้นกลุ่มเป้าหมายของโครงการจึงหลากหลายตามแปลนที่มีนั่นแหละ  ทั้งคนที่ซื้ออยู่เองและลงทุน  โดยห้องแบบ Studio และ 1 Bedroom จะขายแบบ Fully Furnished  ส่วนแบบ 2 ห้องนอนจะขายเป็น Fully Fitted  มี pantry และ ตู้เสื้อผ้า built-in ให้ครับ

• Studio ขนาด 26.97-27.57 ตร.ม.
• 1 Bedroom ขนาด 32.34-35.15 ตร.ม.
• 2 Bedroom ขนาด 52.39-63.81 ตร.ม.
• 3 Bedroom ขนาด 84.57-142.16 ตร.ม.
• Duplex  63.12 ตร.ม.
• Penthouse 139.02-164.49 ตร.ม.
• Villa 196.33 ตร.ม.

แต่เนื่องจากแบบห้องมีเยอะมาก  คงจะรีวิวทุกแบบได้ไม่หมด  เลยจะขอยกตัวอย่างในส่วนของแปลนที่มีห้องตัวอย่างจัดไว้ให้เป็นหลัก  แล้วก็เพิ่มในส่วนของสตูดิโอเข้าไปให้นะครับ

• Studio ขนาด 27.57 ตร.ม. 

ห้องสตูดิโอของ Hyde Sukhumvit 11 จัดสัดส่วนออกมาค่อนข้างดีครับ  ให้ความสำคัญในการแบ่งพื้นที่ส่วนนอนและนั่งเล่นดูทีวี  เทียบกับส่วนฟังก์ชันซัพพอร์ทอย่าง pantry และห้องน้ำ มาในขนาดพอๆ กัน  จุดที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือการเอาส่วนของตู้เสื้อผ้าไปไว้รวมกันในห้องน้ำเลย  ทำให้ได้ความยาวตู้เสื้อผ้าที่ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับขนาดห้องครับ  สเปซส่วนของที่นอนและโซฟานั้งดูทีวีจะอยู่รวมกัน  ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก  แต่ก็ถือว่าวางฟังก์ชันแบบ compact ออกมาใช้พื้นที่ได้ค่อนข้างจะคุ้มค่าทีเดียว

.

• 1 Bedroom ขนาด 34.88 ตร.ม. (Type D)

แปลนนี้เป็นห้องที่เอามาทำเป็นห้องตัวอย่างด้วยครับ  ฟังก์ชันถือว่าจัดมาได้ลงตัวดีทีเดียว  มีส่วนของ pantry แบบครัวเปิด  มีมุมที่สามารถวางโซฟานั่งพักผ่อนดูทีวีตรงกลางห้อง  และตรงที่ติดหน้าต่างก็มีสเปซเหลือพอที่จะทำเป็นมุมนั่งทำงาน  หรือจัดฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มได้ด้วยครับ  แปลนแบบนี้จะกั้นส่วนของห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนใส  ทำให้สามารถนอนดูทีวีจากบนเตียงได้เลย  จุดที่แอบติดใจอยู่อย่างหนึ่งคือเราไม่สามารถออกไปที่ระเบียงด้านนอกได้  โดยทำไว้สำหรับแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์อย่างเดียวครับ  นอกนั้นส่วนอื่นๆ จัดว่าลงตัวดี

.

• 2 Bedroom ขนาด 58.72 ตร.ม. (Type 2B)

มาดูแบบ 2 ห้องนอนกันบ้างครับ  ห้องที่ผมหยิบมาให้ดูนี้เป็นแบบ 58 ตารางเมตร  ซึ่งเป็นห้องมุม  ที่จะได้วิวทั้ง 2 ด้าน  แม้ด้านหนึ่งจะติดกับคอนโดข้างเคียง  แต่ก็เป็นเฉพาะมุมมองจากห้องนอนเล็ก  แต่สำหรับวิวในส่วนของห้องนอนใหญ่ และส่วนห้องนั่งเล่นนั้นจะหันไปทางที่ไม่มีอาคารอื่นบังครับ

ลักษณะของการวางแปลนนั้นถือว่าค่อนข้างจะลงตัวทีเดียว  แยกสัดส่วนพื้นที่ใช้งานต่างๆ ได้อย่างชัดเจน  ตรงทางเข้าห้องจะเหมือนมี Foyer เล็กๆ ที่โครงการทำตู้ Built-in เก็บของมาให้เป็นสัดส่วน   การออกแบบพื้นที่ของสเปซแต่ละส่วนไม่ได้เล็กจนเกินไป  และก็ไม่ได้ใหญ่จนเสียพื้นที่ห้องไปเปล่าๆ  อย่างในส่วนของห้องนอนเล็กนั้นก็มีพื้นที่มากพอจะวางเตียง 5 ฟุต ได้เลย  แบบที่วางเตียงไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่รอบๆ อยู่   สเปซในส่วนรับประทานอาหารก็สามารถตั้งโต๊ะแบบลอยตัวได้ครับ

• 2 Bedroom ขนาด 62.58 ตร.ม. (Type 2C)

ห้องแบบนี้เป็นอีกห้องที่มีห้องตัวอย่างให้ดูกันนะครับ  ตำแหน่งนั้นเป็นห้องมุมอาคารครับ  ถ้าเทียบแบบนี้กับแบบห้อง 58 ตารางเมตร ที่เพิ่งเล่าจบไปข้างบน  จะมีดีเสียกันคนละแบบครับ  แบบ 63 ตารางเมตร นี้ห้องนอนเล็กจะวางเตียงได้แค่ 3.5 ฟุต ก็จะเต็มพื้นที่  แต่ว่าในส่วนของห้องนอนใหญ่จะได้ bathtub  และมีที่ยืนอาบน้ำแยกมาด้วย  ซึ่งฟังก์ชันแบบนี้คนญี่ปุ่นจะชอบมากครับ  ยังไงถ้าเป็นคนญี่ปุ่นมาซื้อหรือมาเช่า  ก็น่าจะต้องเลือกห้องที่มี bathtub แบบนี้ก่อนแน่นอน

เปิดห้อง มองสเปซ : Focus on “SPACE” and “DIMENSION”

ห้องตัวอย่างที่ผมจะพาไปดูกันในวันนี้  จะให้ดูทั้ง 1 ห้องนอน 34 ตร.ม.  และ 2 ห้องนอน 58, 63 ตารางเมตร ครับ

ตามผมไปรีวิวห้องตัวอย่างกันดีกว่า ^^

ห้องตัวอย่างคอนโด HYDE Sukhumvit 11

แบบ 1 ห้องนอน Type D  ขนาด 34.53 ตารางเมตร

เรามาเริ่มกันที่แบบ 1 ห้องนอน 34.5 ตร.ม .ครับ

เข้ามาในห้องแม้จะเป็นห้องที่วางแปลนแนวลึก  แต่ด้านในก็ไม่ได้มืดเท่าไหร่ครับ  เพราะว่ายังได้แสงธรรมชาติจากกระจกบานใหญ่แบบ Full Height อยู่

เดินต่อเข้ามาดูด้านในกัน  จะเห็นว่าเวลาอยู่อาศัยจริง  นอกจากส่วนที่เราตั้งโซฟาแล้ว  เรายังมีสเปซส่วนที่ติดหน้าต่างที่สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ได้อีกเยอะเลยครับ  อาจจะทำเป็นพื้นที่นั่งทำงานก็ได้  หรือถ้าจะตั้งโซฟา 2 ตัว แบบในห้องตัวอย่างเลย  เวลาใช้งานพร้อมกัน 2 คน จะได้มีสเปซส่วนตัว  คนนึงนั่งดูทีวี  คนนึงนอนเล่นอ่านหนังสือ  แบบนี้ก็ยังได้ครับ

ถ่ายให้ดูมุมรวมๆ ของส่วนนอนและส่วนพักผ่อนครับ  แม้ขนาดพื้นที่ห้องจะไม่มาก  แต่ลักษณะของการวางตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ นี่จัดว่าใช้กันแบบคุ้มค่าทุกเม็ด

มุมนี้มองมาจากส่วนที่เป็น walk-in closet ครับ  ประตูบานเลื่อนที่ใช้กั้นสเปซนั้นเป็นกระจก Full Height แล้วเวลาเปิดสุด  ก็จะไปเก็บไว้ตรงกำแพงด้านข้าง  ทำให้ไม่เกะกะ  แล้วก็ดูเรียบร้อยดีด้วย

ส่วนตู้เสื้อผ้าที่อยู่ด้านหน้าห้องน้ำ  ก็ทำ built-in มาให้เลยนะครับ  ห้องนี้แต่งแล้วได้อารมณ์ Minimal แบบแนวๆ MUJI อยู่นะ

เข้าไปดูกันในห้องน้ำสักนิดครับ  ห้องน้ำเป็นโทนสีขาวทั้งหมด  ดูสะอาดตา เรียบร้อยมาก

.

ห้องตัวอย่างคอนโด HYDE Sukhumvit 11

แบบ 2 Bedroom ขนาด 63.60 ตารางเมตร

เรามาดูกันที่แบบ 2 ห้องนอน กันอีกสักห้องครับ  ห้องนี้ขนาดอยู่ที่ 63 ตารางเมตร

เข้ามาด้านใน  สเปซส่วนกลางจะค่อนข้างใหญ่ และกว้างทีเดียว

แสงธรรมชาติก็สามารถเข้ามาได้เยอะอยู่ครับ  ตรงนี้สามารถตั้งโซฟา L-Shape ตัวใหญ่ แบบ 3-4 ที่นั่งได้สบายเลย

ห้องตัวอย่างตกแต่งโดยใช้กระจกเงาบานใหญ่กรุผนัง  ทำให้ดูสเปซยิ่งโล่งขึ้น  จะเอาไอเดียนี้ไปใช้ตกแต่งร่วมด้วยก็ได้ครับ

เข้าไปดูในห้องนอนกันดีกว่า

ห้องนอนใหญ่สามารถวางเตียง King Size 6 ฟุต ได้  แล้วยังเหลือพื้นที่โล่งปลายเตียงอีกพอสมควร  ไม่ได้อึดอัดครับ  กระจก Full Height บานใหญ่ก็ยิ่งทำให้ดูโปร่งขึ้นอีก

มาดูกันในห้องนอนเล็กบ้าง  โดยจะวางได้แค่เตียง 3.5 ฟุต ครับ  ถ้าใหญ่กว่านี้จะแน่นไป  แต่กระจกบานใหญ่นั้นก็ทำให้ห้องขนาดเล็กดูโล่งขึ้นมากเลย ไม่อึดอัด

เข้าไปดูห้องน้ำในห้องนอนใหญ่กันครับ  ภายในจะมีทั้งส่วนพื้นที่ rain shower ยืนอาบน้ำ  และส่วนของ Bathtub ด้วย  ที่นี่ถือว่าทำ Detail design ของวัสดุต่างๆ ออกมาได้ค่อนข้างดีนะครับ  อย่างตรงส่วนอาบน้ำนี่ก็มีกระจกนิรภัยแบบ frameless  สูงจรดฝ้าให้ด้วย  ทำให้ภาพรวมออกมาดูคลีน สวยงามครับ

อีกด้านจะเป็น Bathtub นั่นเอง

 เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

ราคาเฉลี่ย (ณ กันยายน 2561) ของโครงการ Hyde สุขุมวิท 11  เริ่มประมาณ 180,000-200,000 บาท/ตารางเมตร ครับ ราคาเริ่มต้นของแบบ Studio 27 ตารางเมตร อยู่ที่ 5.9 ล้านบาท  ส่วนแบบ 1 ห้องนอน เริ่มที่ 6 ล้านบาท ครับ

โปรโมชั่น ณ ตุลาคม 2561

• ห้อง Studio ฟรี Fully Furnished
• ห้อง 1 Bedroom  ฟรี Fully Furnished
• ส่วนลดสูงสุด 2 ล้านบาท*

(*รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมจากโครงการ)

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

Studio และ 1 Bedroom  คนไทย จอง 50,000 บาท /  ชาวต่างชาติจอง 100,000 บาท

2 Bedroom และ Duplex คนไทย จอง 100,000 บาท /  ชาวต่างชาติจอง 150,000 บาท

3 Bedroom และ Duplex คนไทย จอง 150,000 บาท /  ชาวต่างชาติจอง 200,000 บาท

• ผ่อนดาวน์

เป็นคอนโดพร้อมอยู่

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.ม.  (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)
ค่ากองทุนเริ่มแรก (Sinking Fund) 600 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอน)

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

การเดินทางในโซนนี้จัดว่าค่อนข้างสะดวกทีเดียวครับ  เป็นตำแหน่งใจกลางเมืองแบบ Mid Sukhumvit  ที่สามารถใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครได้สะดวก  ถนนในซอยสุขุมวิท 11 นั้นไม่ได้กว้างนัก  และอาจจะรถติดในบางชวงเวลาจากมวลหมู่แท็กซี่  แต่ก็สามารถทะลุเชื่อมต่อไปได้หลายทิศทาง  โดยเราสามารถใช้ซอยนี้ไปออกซอยอโศกมนตรีได้โดยไม่ต้องออกถนนสุขุมวิทเลย    นอกจากนั้นก็ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนตรงนานาด้วย (ติดกับซอยสุขุมวิท 1)    และการที่ตัวคอนโดห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 450 เมตร  ก็ถือเป็นระยะที่สามารถเดินได้ครับ  แม้ซอยจะแคบแต่ก็มีฟุตบาทให้อยู่นะ

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

ในซอยสุขุวิท 11 ที่คอนโด Hyde Sukhumvit 11 ตั้งอยู่นั้นเป็นโซนนี้รู้กันดีว่ามีชาวต่างชาติอยู่กันเยอะมากครับ  ลักษณะของพื้นที่ค่อนข้างมีความจำเพาะตัวมากทีเดียว  ตรงนี้ต้องขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน  ถ้าคนที่รับได้ก็คงไม่ติดอะไรเพราะว่าทำเลนั้นมีมูลค่าในตัวมันเองอยู่แล้ว  แต่ถ้าบางคนไม่ชอบเลยก็เข้าใจได้อยู่  … แต่อย่างไรก็ดี ที่แน่ๆ เลยในโซนนี้ คือ เป็นทำเลที่มีดีมานด์สำหรับการลงทุนที่ค่อนข้างชัดเจนครับ  ซึ่งจะเห็นตัวเลขอ้างอิงได้จากอัตราการเช่าอสังหาฯ ในโซนนี้ที่สูงมากทีเดียว  รวมถึงการที่มีโรมแรมอยู่เยอะมาก  ทั้งที่บริหารโดยเชนต่างๆ  และที่เป็นแบรนด์อื่นๆ   ทำให้โซนนี้แม้จะเป็นคนไทย ถึงจะไม่ชอบอยู่เอง  แต่ถ้ามีเงินเหลือๆ  จะซื้อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินสำหรับลงทุนก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

คอนโด Hyde Sukhumvit 11 นี้ถือว่าออกแบบงานสถาปัตยกรรมได้น่าสนใจมากทีเดียว  และก็น่าจะเป็นจุดขายสำคัญที่สุดจุดหนึ่งของโครงการนี้  ใช้บริษัทออกแบบชื่อดังอย่าง A49 เป็นตัวหลัก  วางผังโดยแบ่งอาคารออกเป็น 2 อาคาร  และสร้างพื้นที่คอร์ทสีเขียวตรงกลางระหว่างอาคารขึ้นมา  ซึ่งทำให้เกิดสเปซที่ค่อนข้างสงบเงียบเมื่อเทียบกับความวุ่นวายพลุกพล่านบนถนนในซอยสุขุมวิท 11 ครับ

ตัวตึกพักอาศัยหลักที่เราจะพูดถึงกันก็คือ Tower A  ซึ่งการวางตำแหน่งตึกเข้ามาด้านในนี้ แม้จะเกิดจากแนวระยะร่นของอาคารตามกฎหมาย  แต่ก็ทำให้ตัวอาคารนี้ค่อนข้างสงบแยกออกมาจากสภาพแวดล้อมภายนอกได้ดี …  Mood & Tone ของตัวอาคารเป็นสีขาวสะอาดตา  เน้นความเรียบด้วยกระจกบานใหญ่  ออกแบบมีดีเทลลูกเล่นต่างๆ บนตัวตึกที่น่าสนใจดี  เช่น การยืดหดระเบียงต่างๆ แบบไม่เหมือนกันในแต่ละชั้น  ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้  โดยปกติแล้วสถาปนิกจะต้อง “คิดเยอะ” และทำการบ้านเยอะ  เพื่อให้ออกมาแล้วดูลงตัวทั้งภายนอกและภายในครับ

ซึ่งการดีไซน์ลักษณะนี้เอง  ทำให้แปลนของอาคารแต่ละชั้นนั้นไม่เหมือนกัน  และมีตำแหน่งห้องที่ค่อนข้างคละกันไปมา  แต่โดยรวมก็ยังจัดว่า private ครับ  ในแต่ละชั้นมียูนิต 10-14 ยูนิต ซึ่งถือว่าไม่มากเลย  แต่ในมุมของผมแล้วแอบติตรงที่ทางเดินในอาคารนั้นไม่มีแสงช่องแสงเลย  จึงทำให้รู้สึกทึบไปสักหน่อยเวลาออกจากโถงลิฟต์  แต่โครงการก็เคลมว่าเป็นความตั้งใจที่จะทำให้เวลาอยู่ในอาคารแล้วเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ

แปลนของ  Hyde Sukhumvit 11 นั้นค่อนข้างหลากหลาย  มีให้เลือกทุกขนาดตั้งแต่ Studio, 1 Bedroom, 2 Bedroom, 3 Bedroom ไปจนถึง Penthouse ราคาแพงครับ   ลักษณะของการจัดแปลนนั้นค่อนข้าง Customize ได้หลากหลาย  มีความสัมพันธ์กันของสเปซภายในและมุมมองที่มองเข้ามาจากภายนอกอาคาร  แต่ในภาพรวมก็จัดว่าแปลนนั้นค่อนข้างลงตัวนะครับ  ให้สัดส่วนในการใช้พื้นที่ต่างๆ ได้ค่อนข้างคุ้มค่า  ไม่ได้มีสเปซในส่วนที่แน่นจนอึดอัด  แต่ก็ไม่ได้จัดฟังก์ชันหลวมๆ จนเสียพื้นที่ไปเปล่าประโยชน์   ที่นี่จะให้ครัว pantry แบบเปิดโล่งทั้งหมดครับ  ซึ่งก็จะเหมาะกับ lifestyle ในการทำอาคารแบบ soft cooking เล็กๆ น้อยๆ  เช่นแบบพวกอาหารฝรั่ง  ไม่ได้เตรียมไว้ให้ต้ม ผัด แกง ทอด อะไรแบบหนักๆ นะครับ  ถ้าเป็นคนชอบทำอาหารจริงจังอาจจะไม่ตอบโจทย์  ยกเว้นจะต้อง modify space แล้วกั้นส่วน pantry เพิ่มเติมใหม่

ในส่วนของวัสดุก็ถือว่าได้มาตามระดับราคาที่สูงครับ  ห้องในโครงการจะได้กระจก Full Height ทั้งหมด  ตอนที่ผมเข้าไปรีวิว (กันยายน 2561) ถ้าเป็นห้องแบบ Studio และ 1 Bedroom  โครงการจะขายเป็นแบบ Fully Furnished ส่วนถ้าเป็นแบบ 2 Bedroom จะได้เป็นห้องเปล่าแบบ Fully Fitted มา  ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าน่าจะเป็นการตั้งใจทำแพคเกจอำนวยความสะดวกให้คนที่ซื้อลงทุนเป็นหลัก  เพราะก็สามารถนำมาปล่อยเช่าได้เลยทันที  ส่วนแบบ 2 Bedroom ที่นี่จะทำขนาดค่อนข้างใหญ่  ไม่ได้บีบพื้นที่ให้เล็กเพื่อทำราคาขายอย่างเดียว  น่าจะเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการอยู่เองเป็นหลัก  หรือไม่ก็เป็นกลุ่มครอบครัว  หรือกลุ่มคนที่มีกำลังจายสูงมาก  ซึ่งส่วนนี้ก็คงมีปะปนกันทั้งคนไทยและชาวต่างชาติครับ

ห้องในโครงการที่เป็น Standard จะได้พื้นปูกระเบื้อง Homogeneous tile และ Engineering wood 12 มม.  ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร  ทำ Built-in Pantry ให้  พร้อม Hob & Hood, Built-in Oven และ ตู้เย็น  รวมถึงตู้เสื้อผ้าครับ  วัสดุภายในห้องน้ำให้มาเกรดดี  เน้นโทนสีขาว สุขภัณฑ์ Kolher, มีฉากกั้นอาบน้ำแบบ frameless glass ให้  รวมถึงเตรียมดีเทลบางจุดที่เวลาเอามาทำเองแล้วมักจะวุ่นวาย  อย่างเช่นการดรอปซ่อนรางม่าน เอาไว้ให้เลย

สำหรับ Facilities ของ Hyde Sukhumvit 11 นั้นถือว่าให้มาน่าประทับใจนะครับ  ที่ชั้นล่างนอกจากล็อบบี้ และสวนในคอร์ทแล้ว  พื้นที่ส่วนกลางหลักๆ ก็จะอยู่ที่ชั้น 37-39 ทั้งหมด  มี Multi-Purpose room, Golf Simulation room, Game room (Pool table), Theatre room ครับ  ส่วนในสระว่ายน้ำก็เป็นแบบ Infinity Edge Pool ความลึก 1.2 เมตร มีจากุชชี่ให้  และมีแยกสระเด็กเล็กที่ความลึก 0.30 เมตร เอาไว้ให้ด้วย  ในภาพรวมด้วยสัดส่วนจำนวน 478 ยูนิต  ก็ถือว่าไม่ได้หนาแน่นอะไร  สำหรับสัดส่วนการใช้งานลิฟต์นั้น  ที่ Tower A มีลิฟต์โดยสาร 5 ตัว  กับจำนวน 453 ยูนิต  เฉลี่ยออกมาได้ 91 ยูนิต/ลิฟต์ 1 ตัว จัดว่าพรีเมียมสำหรับคอนโดราคานี้  ไม่ต้องรอลิฟต์กันนานเลย  ส่วนที่จอดรถมีให้ 57% ทั้งแบบ Conventional และแบบ Automatic Parking  ก็จัดว่าพอใช้ได้อยู่  ยิ่งมีตลาดส่วนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติอยู่แล้ว  ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องความพอเพียงในการใช้งานแต่อย่างใดครับ

เจาะลึกรีวิวกันไปอย่างละเอียดยิบแล้ว  ก็ขอสรุปจบท้ายคะแนนกันอีกสักรอบครับ…  เห็นด้วยหรือไม่ตรงไหน  แชร์ไอเดียกันได้ครับ ^___^

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยค่ะ  (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนคอนโดมิเนียมที่นี่)

และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

ถ้าข้อมูลเป็นประโยชน์ ช่วยกด Like กด Share ให้ทีมงานด้วยนะครับ  ^_____^

สวัสดีครับ วันนี้อยู่สบายได้มีโอกาสไปรีวิว CENTRO ราชพฤกษ์ 2  โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้นล่าสุดจาก AP ครับ โครงการ เซนโทร ราชพฤกษ์ 2 นี้อยู่ในซอยวัดบางเลน เข้าจากบน ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ไปนิดเดียว  ถ้าใครนึกไม่ออกก็คืออยู่ใกล้กับการไฟฟ้านครหลวง บางใหญ่ นั่นเองครับ  ตัวโครงการแม้จะอยู่ในซอยย่อย  แต่ก็เข้าออกจากถนนราชพฤกษ์ที่เป็นเส้นเมนหลักได้ไม่ยากเลย

พื้นที่ตรงนี้ AP ไม่ได้เพิ่งทำแค่โครงการแรกนะครับ  ในซอยเดียวกันนี้มีโครงการรุ่นพี่อย่าง Centro ราชพฤกษ์  จากนั้นเลยมีการเปิด CENTRO ราชพฤกษ์ 2  ตามมา  ซึ่งแบบบ้านในโครงการนั้นเป็นขนาดกลางถึงค่อนข้างใหญ่  มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 175-227 ตารางเมตร  และมี Centro Club ที่เป็นคลับเฮ้าส์รวมส่วนกลางขนาดใหญ่ ไว้รองรับกิจกรรมของทั้งครอบครัวด้วย

ส่วนรายละเอียดและของจริงจะเป็นอย่างไรนั้น เลื่อนไปอ่านรีวิวที่เราจัดมาให้ชมอย่างละเอียดกันเลยครับ

ข้อมูลโครงการเบื้องต้น

CENTRO RATCHAPRUEK 2
(เซนโทร ราชพฤกษ์ 2)

• เจ้าของโครงการ >>> บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
• ที่ตั้งโครงการ >>> ถ.บางกรวย-ไทรน้อย นนทบุรี
• ขนาดที่ดิน >>> 52-2-47.2 ไร่
• จำนวนยูนิต >>> 227 ยูนิต
• แบบห้อง >>>
  • Shine พื้นที่ใช้สอย 175 ตารางเมตร  3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ (ในร่ม)
  • Radiant พื้นที่ใช้สอย 190 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ (ในร่ม)
  • Glorious พื้นที่ใช้สอย 227 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ (ในร่ม)
• ราคาขายเริ่มต้น ณ วันทำรีวิว >>> 5.5 – 8 ล้านบาท
• เริ่มก่อสร้าง >>> มกราคม 2561
• พิกัด GPS >>> 13.838102, 100.434688
• เว็ปไซต์โครงการ >>> คลิกที่นี่
• ติดต่อโครงการ >>> 1623

ถนนบางกรวย-ไทรน้อย  ที่เป็นทางเข้าหลักของโครงการ Centro ราชพฤกษ์ 2  นั้นเชื่อมต่อถนนเส้นหลักสายสำคัญถึง 3 เส้นทางครับ ทั้งถนนราชพฤกษ์, ถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนกาญจนาภิเษก ทำให้การเชื่อมต่อสู่พื้นที่สำคัญอื่นๆ สามารถทำได้อย่างสะดวกครับ  เส้นบางกรวย-ไทรน้อย นี้เป็นถนนเส้นสำคัญเส้นหนึ่งของชุมชนในจังหวัดนนทบุรีมานาน  มีคนอยู่กันมากพอสมควรเลย

ส่วนศูนย์การค้าใหญ่ๆ ในย่านนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น Central Plaza Westgate ที่ใกล้กับสามแยกบางใหญ่ครับ นอกจากนี้ถ้าไปทางถนนราชพฤกษ์บริเวณแยกพระราม 5 ก็จะมี Community Mall อย่าง The Walk ราชพฤกษ์ รวมไปถึง HomePro ราชพฤกษ์, The Crystal ราชพฤกษ์ และ Homework ราชพฤกษ์ ด้วย

เริ่มเดินทาง ดูทำเล

วันนี้เราขับรถมาจากสะพานพระราม 5 ไปทางถนนนครอินทร์ ผ่านจุดตัดกับเส้นถนนราชพฤกษ์ตรงวงเวียน เลี้ยวขวาเข้าถนนราชพฤกษ์แล้วตรงมาเรื่อยๆ  จากนั้นเมื่อถึงแยกตัดกับถนนบางกรวย-ไทรน้อย ให้เลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งตรงมาเรื่อยๆ  เลี้ยวเข้าซอยวัดบางเลนเจริญ (หรือซอยบางเลน 21) ที่อยู่ก่อนถึงวงเวียนการไฟฟ้า บางใหญ่  วิ่งตรงมาตามเส้นทางก็จะผ่านโครงการ เซนโทร ราชพฤกษ์ ตัวแรก  จากนั้นก็เลยเข้าไปตามทางหน่อย  อีกนิดเดียวก็จะถึงตัวที่ตั้งโครงการ เซนโทร ราชพฤกษ์ 2 แล้วครับ

มาดูตำแหน่งรอบๆตัวโครงการก่อนว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนกันบ้าง

โครงการ Centro ราชพฤกษ์ 2  ตั้งอยู่ในซอยวัดบางเลนเจริญ หรือเรียกอีกชื่อว่า ซอยบางเลน 21 ครับ  ซอยนี้จะเข้าจากถนนบางกรวย– ไทรน้อย เป็นถนนรองที่วิ่งเชื่อมมาตั้งแต่ถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนราชพฤกษ์ และถนนนครอินทร์ ซึ่งจากโครงการจะเข้าออกถนนราชพฤกษ์สะดวกที่สุดครับ  หากขับเข้าถนนบางกรวย–ไทรน้อย สามารถใช้ขึ้นเหนือไปทางถนนรัตนาธิเบศร์ได้ ซึ่งก็จะใกล้กับ MRT สถานีบางพลู ของรถไฟฟ้าสายสีม่วงมากที่สุด  ส่วนถ้าใช้ถนนราชพฤกษ์ฝั่งขาออกจะพาขึ้นเหนือไปทางถนนรัตนาธิเบศร์ จะใกล้กับ  MRT  สถานีบางรักใหญ่ ครับ

ในทางกลับกันเส้นราชพฤกษ์ฝั่งขาเข้าจะพาเข้า วงเวียนพระราม 5  ที่ตัดกับถนนนครอินทร์ ถ้าตรงต่อไปจะมีศูนย์การค้า เช่น The Walk ราชพฤกษ์, HomePro ราชพฤกษ์,  The Crystal ราชพฤกษ์, Baan & Beyond ราชพฤกษ์ ถ้าเลี้ยวเข้าถนนนครอินทร์ฝั่งขาเข้าจะพาข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปถนนติวานนท์ บนเส้นนครอินทร์จะมี มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์, Tesco Lotus นครอินทร์ และ Makro นครอินทร์ ถือว่ามีแหล่งช้อปปิ้งให้เลือกเดินเล่นพอสมควรเลย

.

.ซูมมาดูเพื่อนบ้านใกล้โครงการ Centro ราชพฤษ์ 2 กันบ้างครับ  (เราขอกลับทิศเหนือไปไว้ทางซ้ายจะได้เห็นภาพรวมชัดขึ้นนะครับ  ไม่งงเนอะ ^^)  จากถนนราชพฤกษ์มาถึงโครงการ Centro ราชพฤษ์ 2  จะมีระยะทางประมาณ 2.9 กิโลเมตร  ซึ่งปกติเส้นนี้ก็รถไม่ติดเท่าไหร่  ขับรถมาก็แป๊บเดียวครับ  บริเวณนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแนวราบ  บนถนนบางกรวย-ไทรน้อย ช่วงก่อนถึงโครงการจะมีตลาดสดเจ้าพระยา (บางใหญ่) อยู่ตรงข้ามกับ ตลาดสดดอนพรหม (หมายเลข 3) สามารถจับจ่ายใช้สอยซื้อของกินได้สะดวกครับ  ตรงวงเวียนจะมี การไฟฟ้านครหลวง เขตบางใหญ่  ช่วงก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยบางเลน 21 นั่นเอง   ซึ่งพอเราเข้ามาในซอยบางเลน 21 แล้ว  ก็จะมีวัดบางเลน (หมายเลข 2) เป็นวัดใหญ่ของชุมชน อยู่ทางซ้ายมือ  ส่วนทางขวามือจะเป็นโครงการ เซนโทร ราชพฤกษ์ ที่เปิดมาก่อนหน้านี้แล้ว

ถ้าเราลองเลี้ยวเข้าถนนนนทบุรี 2025 จะมีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี (หมายเลข 4) ตรงใกล้ๆ กับวัดโบสถ์ดอนพรหม (หมายเลข 5)  ตรงข้ามกับโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 55 และ สนามกีฬาจังหวัดนนทบุรี (หมายเลข 6) ค่ะ

ส่วนถ้าออกจากโครงการไปทางถนนราชพฤกษ์แล้วเลี้ยวซ้ายทางถนนรัตนาธิเบศร์ จะมี SCG Home Solution สาขาราชพฤกษ์   ส่วนเส้นบางกรวย – ไทรน้อย ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจะวิ่งไปออกถนนนครอินทร์ได้ มีโรงเรียนวัดปราสาท (หมายเลข 7) อยู่ข้างๆ วัดปราสาทนนทบุรี (หมายเลข 8) ครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

ไปขับรถสำรวจสภาพแวดล้อมโครงการกันครับ เพื่อจะได้เห็นภาพกันมากขึ้น โดยจะเริ่มจากรอบๆที่ตั้งโครงการก่อนเลยครับ

ถนนในซอยวัดบางเลนเจริญหรือซอยบางเลข 21 เป็นถนน 2 เลนสวนกันครับ

มีร้านอาหาร 58 Garden ตั้งอยู่ภายในซอยบางเลน 21

มี 7-Eleven อยู่ด้านไม่ไกลจากโครงการนักครับ

ภายในวัดบางเลนเจริญ

สำนักงานเทศบาลตำบลบางเลน อยู่ใกล้ๆ กับปากซอย

ถนนในซอยวัดบางเลนเจริญบริเวณใกล้กับเทศบาล  พื้นที่บางส่วนก็มีสิ่งปลูกสร้างกระจายอยู่บ้าง  บางส่วนก็ยังเป็นพื้นที่รอการพัฒนาในอนาคต

ดูภายในซอยบางเลนเจริญกันแล้ว ออกมาดูบริเวณถนนบางกรวย-ไทรน้อยกันต่อ

บริเวณวงเวียนสามแยก มีการไฟฟ้านครหลวงบางใหญ่ตั้งอยู่

ตึกแถวบริเวณใกล้กับปากซอยวัดบางเลนเจริญ มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงคลินิก

ปั๊มแก๊สเอ็นจีวี

ตึกแถวติดถนนใหญ่อีกรูปครับ มีร้านอาหารและสถานพยาบาลสัตว์  ใครเลี้ยงน้องหมาน้องแมวแล้วเจ็บป่วย  สามารถนำมารักษาที่นี่เบื้องต้นได้

บรรยากาศของถนนบางกรวย-ไทรน้อย ฝั่งที่จะออกไปเส้นราชพฤกษ์ทั้ง 2 ข้างทาง ค่อนข้างคึกคัก มีตึกแถว ตลาด รวมไปถึงหมู่บ้านตั้งอยู่หลายโครงการ

U-house fitness ที่อยู่ติดถนนบางกรวย-ไทรน้อย

ตลาดเจ้าพระยา  อยู่ไม่ไกลจากโครงการมาก  สามารถมาจับจ่ายใช้สอยได้

ตลาดสดดอนพรหม

มาดูบริเวณถนนบางกรวย-ไทรน้อย ที่เข้ามาจากถนนรัตนาธิเบศร์ ซึ่งเป็นทางเข้าออกหลักอีกด้านครับ

ถนนบางกรวย-ไทรน้อยที่เข้ามาจากถนนรัตนาธิเบศร์ บริเวณนี้ก็มีตึกแถวตั้งอยู่ทั้งสองข้างทาง

มีปั๊ม NGV ของ ปตท.

บริเวณแยกบางพลู เป็นจุดตัดของถนนบางกรวย-ไทรน้อย กับถนนรัตนาธิเบศร์ จะมีสถานีรถไฟฟ้าบางพลูตั้งอยู่ครับ  ตอนนี้ก็เปิดใช้บริการเรียบร้อยแล้ว

จบด้วย Central Plaza Westgate  แหล่งช้อปปิ้งหลักของคนในย่านบางใหญ่ และโซนกรุงเทพฯ ตะวันตกครับ

เริ่มเปิดประตู  ไปดูในโครงการ

วนดูรอบๆ โครงการกันมาแล้ว ทีนี้เราเข้ามาที่โครงการ Centro ราชพฤกษ์ 2 กันเลยครับ

เริ่มต้นด้วยซุ้มหน้าโครงการ CENTRO ราชพฤกษ์ 2 ครับ เป็นซุ้มขนาดใหญ่ตกแต่งในโทนสีน้ำตาลเทา สไตล์ Modern เรียบๆ เข้ากับโครงการครับ ป้อมยามมี รปภ. และกล้อง CCTV ทั่วโครงการ  ทางเข้านอกจากจะมีไม้กระดกกั้นแล้วยังมีประตูเลื่อนเป็น Double Security ด้วย

ทั้งทางเข้าและทางออกแยกส่วนของ Residence และ Visitor ครับ สะดวกเวลาเข้าออกไม่ต้องรอกัน โดยฝั่ง Residence สามารถใช้ Key Card เพื่อ Scan เข้าได้เลย ฝั่ง Visitor ต้องแลกบัตรเข้ามาในโครงการ เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านครับ

เข้ามาในโครงการ ถนนภายในโครงการกว้างขวางดีครับ ฝั่งขวามือทางโครงการจะเป็นส่วนของ CENTRO CLUB พื้นที่ส่วนกลางของโครงการที่สามารถมาใช้ร่วมกันได้ครับ เดี๋ยวจะพามาดูในหัวข้อต่อไป

CENTRO CLUB พื้นที่ส่วนกลางของโครงการครับ รวมสระว่ายน้ำ, ห้องพักผ่อน, Kid room และ Fitness  ดีไซน์ในรูปแบบ Modern

มองย้อนกลับไปทางซุ่มเข้าโครงการครับ มีการปลูกต้นไม้ไว้ตลอดตามแนวถนน  เมื่อโตกว่านี้ก็คงจะร่มรื่นดี   มีทางเท้าให้เดินด้านข้างด้วย

บรรยากาศภายในโครงการครับ  ทางขวามือมีเลนสำหรับวิ่งออกกำลังกายด้วย เช้าๆ ออกมาวิ่งเรียกความสดชื่นได้เลย

สำนักขายจะอยู่โซนด้านของโครงการเลยครับ ถัดจาก Clubhouse ทางโครงการใช้บ้านแบบ Glorious ตกแต่งมาเป็นสำนักงานขายครับ ไปชมข้างในกันครับ

ภายในตกแต่งมาแบบ Modern สวยงามครับ จัดที่นั่งสำหรับลูกค้าที่มาเยี่ยมชมห้องตัวอย่าง พร้อมเจ้าหน้าที่ที่คอยให้ข้อมูลรายละเอียดโครงการครับ

ภายในจัดที่นั่งรองรับเรียบร้อยครับ ตกแต่งสวยงาม

พื้นที่ส่วนกลางและความเพียงพอในการใช้งานเป็นอย่างไร

CENTRO CLUB  เป็นพื้นที่ส่วนกลางหน้าโครงการ เป็น Clubhouse สองชั้น ตกแต่งในสีน้ำตาลเทา ประตูหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ส่วนของสระว่ายน้ำจะอยู่ด้านหน้าเลย  มีห้องนั่งเล่นพักผ่อนที่ลูกบ้านมาใช้ร่วมกันได้ครับ  นอกจากนั้นก็ยังมี Kid room เป็นห้องสำหรับเด็กๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกๆ มาเล่นกันได้สบายๆ ส่วนบริเวณชั้น 2 จะเป็น Fitness ห้องออกกำลังกายนั่นเอง

สระว่ายน้ำแบบหน้า Clubhouse เป็นสระแบบน้ำล้น ระบบน้ำเกลือ แยกสระเด็กและสระผู้ใหญ่ครับ

อีกมุมสระว่ายน้ำหน้า Clubhouse ครับ ข้างสระมีเก้าอี้นั่งริมสระ ไว้นอนเล่นได้ครับ

ห้องนั่งเล่นติดกับสระว่ายน้ำ ใช้รับแขกหรือนั่งพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย  ตำแหน่งตรงนี้มีข้อดีที่พ่อแม่สามารถนั่งตากแอร์ดูลูกๆ เล่นน้ำได้  โดยที่ยังอยู่ในสายตาอยู่ครับ

Kid room ห้องเด็กเล่น พื้นที่เล่นสนุกของเด็กๆ  พร็อพเยอะเชียว

ส่วนฟิตเนสจะอยู่ชั้นบนครับ ข้างนอกเป็นลานสนามหญ้า

เปิดแปลนบ้าน

บ้านเดี่ยวในโครงการ Centro ราชพฤกษ์ 2 มีแบบบ้านอยู่ 3 แบบให้เลือกครับ  มีแบบ Shine บ้านเดี่ยวสองชั้นที่มีขนาดเล็กสุดในโครงการ ต่อด้วย Radiant บ้านขนาดกลางที่มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นมา ทำให้ห้องนอนเล็กที่มีห้องน้ำในตัว และสุดท้ายแบบ Glorious เป็นบ้านที่มีขนาดใหญ่สุด มีห้องนอน 4 ห้อง 5 ห้องน้ำ 2 ห้องพักผ่อน โดยที่จอดรถของบ้านแบบ Shine กับ Radiant จะจอดได้ 2 คัน(ในร่ม) และแบบ Glorious จะจอดได้ 3 คัน(ในร่ม) ครับ

• Shine – พื้นที่ใช้สอย 175 ตารางเมตร 3 ห้องนอน, 3 ห้องน้ำ, 1 ห้องพักผ่อน, 2 ที่จอดรถ
• Radiant – พื้นที่ใช้สอย 190 ตารางเมตร 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, 1 ห้องพักผ่อน, 2 ที่จอดรถ
• Glorious – พื้นที่ใช้สอย 227 ตารางเมตร 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, 2 ห้องพักผ่อน, 3 ที่จอดรถ

แปลนบ้านเดี่ยว Centro ราชพฤกษ์ 2
แบบบ้าน Shine ขนาด 175 ตารางเมตร

เริ่มกันจากแบบ Shine ที่มีพื้นที่ใช้สอยน้อยที่สุดครับ ฟังก์ชันมี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน ส่วนแรกของบ้านจะเป็นที่จอดรถหน้าบ้าน จอดรถได้ 2 คันสบายๆ มีหลังคาคุ้มกันเรียบร้อยไม่ต้องกลัวแดดครับ ทางเข้าบ้านมีทางเดียวจากห้องนั่งเล่นด้านหน้า เข้าบ้านมาเป็นพื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่รับประทานอาหาร เชื่อมต่อกัน พื้นที่รับประทานอาหารมีทางเข้าออกเชื่อมไปทางสวนของบ้านได้ครับ ครัวจะอยู่ใกล้พื้นที่รับประทานอาหาร ห้องครัวถูกออกแบบเป็นพื้นที่ปิดแยกเป็นสัดส่วนหมดปัญหาเรื่องกลิ่นและควัน ออกข้างบ้านเป็นลานซักล้าง บันไดจะอยู่กลางบ้าน แบ่งพื้นที่ชั้นสองเป็นด้านหน้าและด้านหลัง ห้องน้ำรวมที่ชั้นหนึ่งจะอยู่หลังบันได

ที่ชั้น 2 ของบ้าน จะมีห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง มีห้องน้ำกลางอยู่ตรงโถงบันได พร้อมพื้นที่อาบน้ำ ส่วนหน้าบ้านจะเป็นพื้นที่ห้องนอนใหญ่ รองรับพื้นที่ทำ Walk-in Closet มีห้องน้ำในตัวพร้อมระเบียงส่วนตัว ส่วนห้องนอนที่ 2 กับ 3 จะอยู่ด้านหลังบ้าน ติดกับห้องน้ำส่วนกลางครับ

แปลนบ้านเดี่ยว Centro ราชพฤกษ์ 2
แบบบ้าน Radiant ขนาด 190 ตารางเมตร

ต่อกันกับแบบที่สองครับ แบบบ้าน Radaint ที่มีพื้นที่ใช้เพิ่มขึ้นมาครับ ทำให้ฟังก์ชันมี 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องพักผ่อน เพิ่มความเป็นส่วนตัวโดยมีห้องน้ำภายในห้องนอนทุกห้อง ส่วนแรกของบ้านจะเป็นที่จอดรถหน้าบ้าน จอดรถได้ 2 คัน มีหลังคาคุ้มกันเรียบร้อยครับ สามารถเข้าบ้านจากโรงรถได้เลย หรือจะเข้าจากทางเข้าหลักหน้าบ้านก็ได้ …  เข้าบ้านมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นติดกับพื้นที่รับประทานอาหาร เชื่อมต่อไปทางสวนของบ้านได้ครับ ห้องครัวจะอยู่ใกล้พื้นที่รับประทานอาหารหลังบ้าน ห้องครัวถูกออกแบบเป็นพื้นที่ปิดแยกเป็นสัดส่วนหมดปัญหาเรื่องกลิ่นและควัน ออกทางข้างหลังบ้านเป็นลานซักล้าง บันไดจะอยู่กลางบ้าน แบ่งพื้นที่ชั้นสองเป็นด้านซ้ายและด้านขวา มีห้องน้ำรวมที่ชั้นหนึ่งอยู่หลังบันได มีห้องนอนที่ 4 อยู่ข้างบันได โดยห้องนี้สามารถจัดเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุที่สะดวกไม่ต้องลำบากขึ้นบันไดหรือจะแต่งเป็นห้องทำงานได้ตามฟังก์ชันการใช้งานครับ ภายในห้องมีห้องน้ำในตัวด้วย

ที่ชั้น 2 ของตัวบ้านจะเป็นทางเดินแยกเข้าห้องนอนอีก 3 ห้อง  ฝั่งหนึ่งจะเป็นพื้นที่ห้องนอนใหญ่ มีห้องน้ำในตัวพร้อมระเบียงส่วนตัว ส่วนอีกด้านจะเป็นห้องนอนที่ 2 กับ 3  ซึ่งก็มีขนาดใหญ่พอสมควรเลยครับ สามารถวางเตียงขนาด Queen Size ได้สบายๆ  มีห้องน้ำในตัวทั้งสองห้อง

แปลนบ้านเดี่ยว Centro ราชพฤกษ์ 2
แบบบ้าน Glorious ขนาด 227 ตารางเมตร

มาถึงหลังสุดท้ายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดครับ โดยหลังนี้ทางโครงการจัดเตรียมบ้านตัวอย่างไว้ให้เยี่ยมชมด้วยซึ่งเราจะมารีวิวเจาะลึกกันครับ หลังนี้มี 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องพักผ่อน พื้นที่จอดรถ 3 คัน มีหลังคาคุ้มกันเรียบร้อย ทางเข้าบ้านสามารถเข้าบ้านจากโรงรถได้เลย หรือจะเข้าจากทางเข้าหลักหน้าบ้าน เข้าบ้านมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นติดกับพื้นที่รับประทานอาหาร พื้นที่รับประทานอาหารจะติดกับห้องนอนที่ 4 ที่อยู่ฝั่งขวาของบ้าน โดยห้องนี้สามารถจัดเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุที่สะดวกไม่ต้องลำบากขึ้นบันได  หรือจะแต่งเป็นห้องทำงานได้ตามฟังก์ชันการใช้งานครับ ภายในห้องมีห้องน้ำในตัว

ที่ชั้น 2 จะเป็นทางเดินแยกเข้าห้องนอนอีก 3 ห้อง แบ่งเป็นฝั่งข้างหน้าและฝั่งข้างหลัง ความพิเศษของบ้านแบบ Glorious นี้คือ เพิ่มมุมพักผ่อนบนทางเชื่อมพื้นที่ส่วนกลางชั้นบน พื้นที่พักผ่อนส่วนตัวของครอบครัว ไว้นั่งเล่นนั่งคุยกันก่อนแยกย้ายเข้าห้องนอนแต่ละคนครับ ห้องนอนใหญ่จะอยู่ทางฝั่งด้านหน้าบ้าน มีพื้นที่รองรับทำ Walk-in Closet และห้องนอนขนาดใหญ่ มีระเบียงส่วนตัว ส่วนห้องนอนที่ 2 กับ 3 จะอยู่ด้านฝั่งด้านหลังของบ้าน ซึ่งห้องนอนที่ 2 กับ 3 ขนาดใหญ่พอสมควรเลยครับ สามารถวางเตียงขนาด Queen Size ได้สบายๆ มีห้องน้ำในตัวทั้งสองห้องเช่นกัน

บ้านแบบ Glorious นี้ทางโครงการได้จัดเตรียมห้องตัวอย่างไว้ให้รับชมครับ เดี๋ยวเราจะพาไล่ชมกันไปทีละส่วนเลยครับ

เริ่มจากรอบๆ บ้านก่อนเลยครับ ทางเข้าบ้านป็นประตูรั้วเหล็กรางเลื่อนอะลูมิเนียมสีดำ ความสูงประตูประมาณ 1.2 เมตร

โรงจอดรถแยกโครงสร้างกับส่วนของตัวบ้านป้องกันการทรุดตัวของพื้นและผนังบ้าน โรยกรวดโดยรอบเพื่อความสวยงาม พื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก

แยกโครงสร้างบ้านกับโรงจอดรถป้องกันปัญหาพื้นและกำแพงทรุดตัว โรยกรวดเพื่อความสวยงาม

ภาพอีกมุมของโรงจอดรถและส่วนหน้าบ้านครับ

ติดกับโรงจอดรถจะเป็นทางเข้ารองของบ้าน เป็นประตูไม้แบบบานพับ มีช่องหน้าต่างกระจกใสข้างประตูเพื่อให้แสงธรรมชาติบางส่วนผ่านเข้ามาได้  ทางเข้ารองนี้สะดวกดีครับเวลาซื้อของหรือขนของเข้าบ้านทำได้สะดวกไม่ต้องเดินอ้อมเข้าทางหน้าบ้านครับ

ข้างบ้านเป็นพื้นที่สวน ทางโครงการปูสนามหญ้าไวพร้อมไม้พุ่มเล็กๆ สามารถลงต้นไม้ใหญ่ได้

ข้างบ้านฝั่งโรงจอดรถ มีทางเข้าออกบ้านที่เชื่อมต่อห้องครัว วางแท้งค์น้ำเข้ามุมบ้านเรียบร้อย

ข้างหลังบ้านติดตั้งปั๊มน้ำ หน้าต่างรอบบ้านจะก่อบัวคอนกรีตสีขาว เพื่อกันน้ำฝนซึมเข้าตรงขอบอะลูมิเนียมครับ

ข้างหน้าบ้านมีสนามหญ้าหน้าบ้าน รอบรั้วโครงการปลูกไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่ที่รอโตตรงมุมบ้าน ทางเข้าบ้านหลักยกระดับเล็กน้อย พื้นปูกระเบื้อง

ทางเข้าหลักของบ้านเป็นประตูกระจกแบบบานเลื่อน กรอบอะลูมิเนียมสีดำ กระจกใสสีเขียว ติดตั้งโคมไฟเรียบร้อย

เปิดห้อง  มองสเปซ  :  Focus  on  “SPACE”  and  “DIMENSION”

หลังจากที่ได้เดินดูรอบๆ บ้านกันไปแล้ว ไปดูภายในตัวบ้านกันต่อเลยครับ โดยวันนี้จะพาไปดูหลังใหญ่สุด Glorious บ้านตัวอย่างมีให้ชมทั้งแบบตกแต่งเต็ม กับแบบบ้านเปล่าครับ เราจะพาไปดูทั้งสองแบบเลยครับ

บ้านตัวอย่าง Glorious ขนาด 227 ตารางเมตร
4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องนั่งเล่น

เปิดประตูบ้านเข้ามาแล้วจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น ขวามือเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 กับห้องน้ำ ซ้ายมือเป็นห้องนอนที่ 4 พร้อมห้องน้ำภายในตัว ลึกเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่ครัว มีหน้าต่างบ้านใหญ่เห็นไปจนถึงหลังบ้านเลยครับ ได้แสงธรรมชาติเยอะดี

พื้นที่นั่งเล่นติดทางเข้าบ้าน มีหน้าต่างที่เป็นช่องแสงธรรมชาติ  ด้านหลังเป็นหน้าต่างกระจกแบบบานเลื่อน

ภาพของพื้นที่นั่งเล่นมุมฝั่งทางเข้าบ้าน เห็นระยะระหว่างโซฟาและทีวีกว้างครับ วางทีวีขนาดใหญ่ๆ ได้สบายๆ

ภาพอีกมุมนึงครับ

ถัดจากห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร วางโต๊ะรับประทานอาหารอยู่ในสุดของบ้าน ให้หน้าต่างบานใหญ่ที่เป็นแสงธรรมชาติของห้อง

อีกมุมนึงบริเวณโต๊ะรับประทานอาหาร ติดกับพื้นที่รับประทานอาหารเป็นห้องครัว

ด้านหน้าห้องครัวทางโครงการตกแต่งเป็นเคาน์เตอร์ พร้อม Built in ชั้นวางของและช่องใส่ตู้เย็นให้ดูเป็นไอเดียครับ

ห้องครัวเป็นแบบครัวปิด บ้านเปล่าที่จะได้ เราก็จะได้เป็นเคาน์เตอร์พร้อมซิงค์ลักษณะแบบนี้

ภาพอีกมุมนึงของห้องครัวครับ ให้หน้าต่างกระจกแบบบานเลื่อน เปิดไปเห็นข้างหลังบ้านได้

ต่อกันที่อีกฝั่งนึงของพื้นที่รับประทานอาหารครับ เป็นห้องนอนที่ 4

ห้องนอนที่ 4 นี้ สามารถตกแต่งได้ตามฟังก์ชันการใช้งานครับ จะจัดเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุก็ดีครับ สะดวกต่อผู้สูงอายุที่ลำบากในการขึ้นบันได พร้อมทั้งมีห้องน้ำในตัว สะดวกเลยครับ ส่วนทางโครงการตกแต่งเป็นห้องนั่งเล่นอีกห้องที่อาจจะเป็นห้อง Home Theater ให้ดูเป็นไอเดียครับ หรือจะปรับใช้เป็นห้องทำงานได้ครับ

ภาพอีกมุมนึงครับ

ห้องน้ำภายในห้อง ผนังกรุด้วยกระเบื้อง พื้นปูด้วยกระเบื้องสีเทาผิวด้าน อ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ และฝักบัวใช้ของ COTTO

บันไดจะอยู่กลางบ้าน ติดกับทางเข้ารองของบ้านเชื่อมกับโรงจอดรถ หลังบันไดเป็นห้องน้ำกลางครับ

ทางเข้ารองติดกับบันไดของบ้าน ลึกเข้าไปเป็นห้องน้ำกลาง

ห้องน้ำกลางของบ้าน จะมีแต่ชุดสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือ ไม่มีที่อาบน้ำ ได้หน้าต่างระบายอากาศบานกระทุ้งเล็กๆ  1 บาน

ไปต่อกันที่ชั้น 2 ครับ บันไดของบ้านอยู่กลางบ้านติดกับบริเวณทางเข้ารองของบ้านครับ บันไดบ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก ลูกตั้งและลูกนอนไม้สำเร็จรูป ราวเหล็กสีดำที่จับเป็นไม้

ที่ชั้น 2 จะเป็นทางเดินแยกเข้าห้องนอนอีก 3 ห้อง แบ่งเป็นฝั่งข้างหน้าบ้านและฝั่งข้างหลังบ้าน ความพิเศษของบ้านแบบ Glorius นี้คือ เพิ่มมุมพักผ่อนบนทางเชื่อมพื้นที่ส่วนกลางชั้นบน พื้นที่พักผ่อนส่วนตัวของครอบครัว ไว้นั่งเล่นนั่งคุยกันก่อนแยกย้ายเข้าห้องนอนแต่ละคนครับ ลึกเข้าไปมีหน้าต่างที่เป็นช่องแสงธรรมชาติ ทำให้ทางเชื่อมชั้นสองดูโปร่งดีครับ

ภาพอีกมุมนึงของพื้นที่นั่งเล่นชั้นสองครับ ทีนี้เราไปดูในห้องนอนกันต่อครับ

เริ่มกันที่ห้องนอนใหญ่ก่อนเลยครับ ห้องนี้กว้างสามารถวางเตียง 6 ฟุต แล้วก็ยังเหลือทางเดินรอบเตียงสบายๆ  หรือถ้าใครจะวางเตียง 5 ฟุต แล้วตั้ง Sofa bed เก๋ๆ สักตัวที่ริมหน้าต่างก็ยังได้  หรือไม่ก็อาจจะวางเป็นโต๊ะทำงานยาวๆ หันออกด้านนอกครับ

พื้นที่ข้างเตียงมีพื้นที่พอสมควรครับ เดินเข้าออกได้สบายๆ

ลึกเข้าไปอีกฝั่งนึงของห้องจะเป็นส่วนของ Walk-in Closet และห้องน้ำครับ

Walk-in Closet ของห้องติดกับห้องน้ำ

ห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่จะต่างจากห้องน้ำห้องอื่นๆหน่อยครับ ขนาดห้องจะกว้างกว่า อ่างล้างหน้าจะมีตู้ใต้อ่าง

ส่วนสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำจะคล้ายกับห้องน้ำห้องอื่นครับ

ระเบียงส่วนตัวพื้นที่พอสมควรครับ วางเก้าอี้เล็กๆทำเป็นอีกมุมพักผ่อนได้เลยครับ ราวกันตกเป็นโครงเหล็กสีดำ ติดกระจกเทมเปอร์

ต่อกันที่ห้องนอนที่ 2 สามารถวางเตียง Queen size ได้ แต่อาจจะต้องวางเตียงเข้ามุมหน่อยครับ มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงานได้

ห้องน้ำภายในห้องนอน รูปแบบการตกแต่งจะเหมือนกับห้องน้ำภายในห้องข้างล่างครับ

ห้องนอนห้องสุดท้าย เหมาะกับเตียงขนาด 3 ฟุต ทางโครงการตกแต่งเป็นห้องนอนเด็กให้ดูเป็นไอเดีย ดูน่ารักดีครับ

ห้องน้ำภายในห้องนอน รูปแบบการตกแต่งจะเหมือนกับห้องน้ำภายในห้องแบบอื่นเลยครับ

แบบบ้าน Glorious แบบบ้านเปล่า Centro ราชพฤกษ์

บ้านจริงจะได้เป็นบ้านเปล่าครับ ปูพื้นกระเบื้องสีครีมแผ่นใหญ่ผิวมัน เปิดประตูบ้านเข้ามาจะเป็นส่วนสำหรับทำเป็นพื้นที่รับแขก ตรงเข้าไปเป็นที่วางโต๊ะอาหาร มีหน้าต่างบานใหญ่รับแสงช่วยให้ภายในตัวบ้านดูสว่างมากขึ้น ฝั่งขวามือจะเป็นประตูทางเข้ารอง ห้องน้ำ บันได และในสุดเป็นห้องครัว ทางฝั่งซ้ายมือจะเป็นประตูห้องนอนชั้น 1 ครับ

ภาพอีกมุมนึงครับ

ลึกเข้าไปในบ้านเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ติดกันเป็นห้องครัว

พื้นที่ครัวได้เคาน์เตอร์ปูน  Top หินแท้สีดำ เดินระบบน้ำดีน้ำทิ้งพร้อมติดตั้งซิงค์ไว้ให้แล้ว ติดหน้าต่างบานสำหรับระบายอากาศ ประตูทางออกมีพัดลมระบายอากาศ

ห้องนอนที่ชั้น 1 มีหน้าต่างกระจกแบบบานเลื่อนเป็นช่องแสงให้กับห้อง

ห้องน้ำภายในห้อง ผนังกรุด้วยกระเบื้อง พื้นปูด้วยกระเบื้องสีเทาผิวด้าน อ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ และฝักบัวใช้ของ COTTO ได้หน้าต่างระบายอากาศบานกระทุ้งเล็กๆ  1 บาน

อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นบันไดขึ้นไปชั้นสอง และห้องน้ำ

ห้องน้ำกลางของบ้าน จะมีแต่ชุดสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือ ไม่มีที่อาบน้ำ ได้หน้าต่างระบายอากาศบานกระทุ้งเล็กๆ  1 บาน

ทางเชื่อมชั้นสองเพื่อเข้าห้องนอนทั้งสามห้อง จัดเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นส่วนรวมของบ้านได้ สุดทางเป็นหน้าต่างที่เป็นช่องแสงของห้อง

ห้องนอนใหญ่ ห้องนี้มีระเบียงและห้องน้ำในตัว รับแสงเข้าห้องได้ทั้งจากประตูออกไประเบียงและหน้าต่างด้านข้าง

อีกฝั่งหนึ่งของห้องนี้เป็นพื้นที่สำหรับทำ Walk in Closet และทางเดินไปเข้าห้องน้ำ

ห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่จะต่างจากห้องน้ำในห้องนอนอื่นๆที่อ้างล้างหน้าจะมีชุดตู้ใต้อ่าง

ห้องน้ำของห้องนอนใหญ่

ห้องนอนที่2 หน้าต่างในห้องเป็นแบบบานพับ

ห้องน้ำภายในห้องนอนที่ 2

ห้องนอนที่3 หน้าต่างภายในห้องเป็นแบบบานพับเช่นกัน

ห้องน้ำภายในห้องนอนที่ 3

เปิดห้อง  ส่องวัสดุ  :  Focus  on  “MATERIALS”

วัสดุในภาพรวมของบ้านเดี่ยว Centro ราชพฤกษ์ 2 นั้นให้มาตามมาตรฐานบ้านเดี่ยวครับ

อยู่สบายแบ่งแบบเป็น 3 ส่วนให้ดูกันง่ายๆ เป็นวัสดุห้องครัว ห้องน้ำ และวัสดุปิดผิวในห้อง (Finishing Material)

วัสดุห้องครัว

ประตูเข้าออกจากครัวไปส่วนซักล้างเป็น HDF ลายลูกฟักสีขาว มีกลอนประตู และมือจับเป็นลูกบิด มีหน้าต่างบานเลื่อนสำหรับระบายอากาศไว้ให้ พร้อมพัดลมระบายอากาศ

Top Counter เป็นหินแท้สีดำ ติดตั้งอ่างล้างจาน 1 หลุมของ MEX

วัสดุห้องน้ำ

อ่างล้างหน้า Cotto  แบบแขวนผนัง

อ่างล้างมือในห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ มีตู้เก็บของใต้อ่าง

ก๊อกน้ำได้แบบก้านโยก

โถสุขภัณฑ์ สีขาว จาก COTTO

กระจกเงาติดผนัง เรียบๆ

พื้นที่อาบน้ำส่วนเปียกจะลดระดับลงมาเล็กน้อย   มีท่อระบายน้ำ 2 จุดแยกกัน ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้

วัสดุทั่วไปในห้อง / วัสดุปิดผิว (finishing)

รั้วประตูทำจากเหล็กทาสีดำแบบรางเลื่อน

ประตูบ้าน วงกบอะลูมิเนียมกรอบสีดำ เป็นกระจกบานเลื่อน 2 บาน แข็งแรงดี

มือจับพร้อมตัวล็อคสำหรับประตูและหน้าต่างบานเลื่อน หน้าตาแบบนี้

พื้นที่จอดรถเป็นพื้นปูน มีกรวดโรยรอยต่อระหว่างพื้นที่จอดรถกับตัวบ้าน

ชุดถังขยะฝาปิดเหล็กสีดำ

ชุดกล่องรับจดหมาย กับป้ายเลขที่สเตนเลสขัดเงา

ประตูต่างๆ ในบ้านก็หน้าตาเหมือนกันครับ ถ้าเป็นประตูภายในบ้านจะเป็นบานประตู HDF ส่วนประตูนอกบ้านจะเป็น uPVC สีขาว

วัสดุปูพื้นชั้นล่างใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ สีขาวครีม ขนาด 60×60 ซม.

หน้าตาสวิตซ์ไฟ

ปลั๊กไฟ

บันไดเป็นโครงสร้างเหล็ก ลูกตั้งทาสีขาว ลูกนอนและชานพักเป็นไม้ยางพาราเทียบสีใกล้เคียงกับพื้นไม้ลามิเนตชั้นสอง มือจับราวบันไดเป็นไม้ ฐานราวเป็นเหล็กสีดำ

ไฟในบ้านเป็นแบบดาวไลท์ทั้งหมด

พื้นชั้นสองเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. สีน้ำตาล บัวพื้นขนาด 4 นิ้ว

พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องผิวด้านสีเทา  แบบบ้านขนาดกลางและใหญ่ราวกันตกจะเป็นเหล็กสีดำติดกระจกเทมเปอร์  ส่วนแบบบ้านเล็กสุดจะเป็นเหล็กกล่องทาสีปกติครับ

หน้าต่างในบ้านเป็นอะลูมิเนียมอบสีครับ

โคมไฟหน้าบ้านสีดำ

หน้าต่างชั้นล่างมีคิ้วบัวสีขาวเรียบร้อย

เปิดกระเป๋า  ดูสตางค์

ราคาขายเริ่มต้น ณ วันที่ไปรีวิว (28 ส.ค. 61) แปลงมาตราฐานแบบบ้าน Shine ราคาเริ่มต้นอยู่ที่  5.5 ล้านบาท  ส่วนแบบ Radiant ราคาเริ่มต้นที่ 6.3 ล้านบาท  และแบบ Glorius เริ่มต้นที่ 6.6 ล้านบาทครับ

ราคา ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2561

ราคาเริ่มต้น :

แบบ Shine ที่ดินเริ่มต้น  50.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 175 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท

แบบ Radiant ที่ดินเริ่มต้น  50.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท

แบบ Radiant ที่ดินเริ่มต้น  54 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 227 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.6 ล้านบาท

เงื่อนไขการจอง :

• เงินจอง

จอง 20,000 บาท , ทำสัญญา 0 บาท 

• ผ่อนดาวน์

เป็นบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ :

ค่าส่วนกลาง 27 บาท/ตารางวา/เดือน (ชำระล่วงหน้า 2 ปี)

ค่าธรรมเนียมโอน 2%  (ผู้ซื้อชำระ 1% , ผู้ขายชำระ 1%)
ค่ามิเตอร์น้ำ ค่ามิเตอร์ไฟฟ้า

ประมาณอัตราการผ่อน (คิดจากราคาเริ่มต้นด้านบน) 

(เพื่อให้เห็นกรอบของค่าใช้จ่ายคร่าวๆและนำไปวางแผนประมาณการของแต่ละคน  ถึงไม่ได้ซื้อห้องที่ยกมาเป็นตัวอย่างก็ใช้ตัวเลขได้ ซึ่งผมประมาณการอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าปกติหน่อย  เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรองรับความสามาารถในการผ่อน  รวมถึงให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆที่เกิดขึ้น  เช่น  ค่าส่วนกลาง ไปด้วยในตัว) :

Overview Summary

ด้านการเดินทาง

การเดินทางสำหรับผู้ขับรถยนต์ค่อนข้างสะดวก เพราะถนนบางกรวย-ไทรน้อย ที่เป็นถนนทางเข้าออกโครงการนั้นเชื่อมต่อกับถนนสายหลักสำคัญถึง 3 สาย  คือ ถนนราชพฤกษ์, ถนนรัตนาธิเบศร์ และ ถนนกาญจนาภิเษกครับ  หากจะเข้าเมืองหรือออกต่างจังหวัด (ไปทางสุพรรณ) ก็สะดวกครับ  แต่ถ้าไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวค่อนข้างลำบากหน่อยครับ  เพราะโครงการตั้งอยู่ในซอยย่อยห่างจากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 1.4 กิโลเมตร แต่เอาจริงๆ แล้วคนที่ซื้อบ้านเดี่ยวในทำเลแบบนี้  ผมว่าก็ใช้รถยนต์ส่วนตัวกันเป็นปกติอยู่แล้วหล่ะ  ตอนที่ไปรีวิว ลองจับเวลาขับรถเข้าออก  ไม่เกิน 3 นาที ก็ถึงริมถนนราชพฤกษ์ครับ

บริเวณถนนบางกรวย-ไทรน้อย นั้นก็มีรถประจำทางและรถสองแถววิ่งผ่านอยู่ รวมไปถึงรถแท๊กซี่ที่ก็มีวิ่งผ่านอยู่เรื่อยๆ นะครับ  ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ผ่านตรงถนนรัตนาธิเบศร์นั้นก็อยู่ห่างไปประมาณ 3.8 กิโลเมตร อาจจะไม่ได้อยู่ใกล้มาก แต่ก็เป็นตัวเลือกอีกทางที่ค่อนข้างสะดวกครับ  ใช้วิธีให้คนที่บ้านขับรถมาส่งที่สถานีรถไฟฟ้าก็ได้

ด้านศักยภาพการเติบโตในอนาคต

พื้นที่ในย่านส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยและหมู่บ้านจัดสรร หากจะมีการพัฒนาพื้นที่ก็คงเป็นการเติบโตของโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบพวกโครงการบ้านจัดสรรไปเรื่อยๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรอย่างเด่นชัดในระยะสั้นถึงระยะกลางครับ บนถนนบางกรวย-ไทรน้อยมีตลาดและร้านค้าตามตึกแถวตั้งอยู่ ส่วนพวกศูนย์การค้าใหญ่ๆ ก็ต้องออกไปเส้นถนนสายหลักเลยอย่างตรงราชพฤกษ์ ที่มี The Walk หรือ เซ็นทรัล เวสเกต ตรงถนนรัตนาธิเบศร์ ซึ่งตรงเส้นรัตนาธิเบศร์ พอมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงวิ่งผ่าน ก็เริ่มจะมีคอนโดขึ้นค่อนข้างคึกคัก

ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ

การออกแบบของ Centro ราชพฤกษ์ 2  ก็ทำออกมาดูดีทันสมัยครับ  มีความมินิมอลเบาๆ การออกแบบสัดส่วนองค์ประกอบสถาปัตยกรรมต่างๆ บนตัวบ้านทำออกมาโอเค  ใช้แผงวัสดุเลียนแบบไม้สีน้ำตาลมาตกแต่งไม่ให้ดูโล้นจนเกินไป  ซึ่งการใช้โทนสีน้ำตาล-เทา-ขาว นั้นทำให้ได้ mood & tone ของบ้านดูอบอุ่นดี  สัดส่วนของด้านหน้าตัวบ้านดูดีก็เพราะขอบบัวรอบหน้าต่างสีขาวที่ตัดกับตัวบ้านดูลงตัวครับ

แบบบ้านในโครงการ Centro ราชพฤกษ์ 2 ออกแบบมา 3 แบบ ในภาพรวมก็ถือว่าทำแปลนออกมาได้ตามมาตรฐานของ AP  ที่เน้นเรื่องของการใช้สเปซนะครับ   ให้ฟังก์ชันพื้นฐานมาครบและใช้งานได้จริง  มีพื้นที่ใช้สอยในบ้านกว้าง  มีให้เลือกทั้งแบบมีห้องน้ำอยู่ทุกห้องนอน จำนวนของห้องนอน ห้องนั่งเล่น เลือกได้ตามขนาดของครอบครัวได้เลยเลยครับ  จุดเด่นจุดด้อยของแต่ละแบบเราก็เล่าให้อ่านกันในเนื้อหารีวิวไปแล้ว  สำหรับในบ้านตัวอย่างที่เป็นแบบบ้าน Type ใหญ่สุด ด้วยความที่พื้นที่ในบ้านค่อนข้างเยอะ  ก็เลยทำสเปซออกมาแบบสบายๆ  มีพื้นที่อเนกประสงค์ชั้น 2 เพิ่มเข้ามาทำเป็นห้องนั่งเล่นได้

วัสดุของโครงการ เซนโทร ราชพฤกษ์ 2 ในภาพรวมนั้นถือว่าให้มาครบตามมาตาฐานพื้นฐานที่ควรมี มีเคาน์เตอร์ครัวมาเป็นโครงให้  ต้องตกแต่งเพิ่มเองอีกหน่อย ถ้าเป็นแบบบ้านตามบ้านตัวอย่าง หน้าต่างกรอบอะลูมิเนียมแข็งแรงดี ทุกยูนิตชั้นล่างปูกระเบื้องแกรนิตโต้ 60×60 ซม. ให้ ชั้นบนไม้ลามิเนตหนา 8 มม. สัมผัสของวัสดุโอเคครับ  ส่วนระเบียงชั้น 2 ของแบบบ้านขนาดกลางและใหญ่จะได้เป็นกระจกแทมเปอร์ครับ

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางของ Centro Ratchapruek 2 นั้นคลับเฮ้าส์ของโครงการอยู่ติดด้านหน้าทางเข้าออกโครงการเลย หน้าตาเรียบๆ แบบโมเดิร์นแต่ดูดี  พื้นที่ตรงส่วนคลับเฮ้าส์ด้านหน้าโครงการให้สระว่ายน้ำ ห้องนั่งเล่น และห้องเด็กเล่น  ในส่วนของสระว่ายน้ำนั้นในอนาคตถ้าขายหมดปิดโครงการไปแล้วก็อยากให้ทางโครงการลองทำแนวต้นไม้บังสายตาตรงสระว่ายน้ำเพิ่มให้หน่อย น่าจะทำให้เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งานมากขึ้นครับ  ฟิตเนสที่อยู่ชั้นสองตอบโจทย์ได้ดี โดยรวมแล้วก็ทำส่วนกลางออกมาดี  น่าใช้งาน

Score Summary

สุดท้ายก็ขอจบรีวิวด้วยการให้คะแนนเช่นเคยครับ  (อ่านเกณฑ์การให้คะแนนบ้านจัดสรรที่นี่)

และสามารถเข้าไปเยี่ยมชม Fan Page ของเราเพื่อติดตามรีวิวโครงการบ้านและคอนโดได้ที่  https://www.facebook.com/Yusabuy

ถ้าข้อมูลเป็นประโยชน์ ช่วยกด Like กด Share ให้ทีมงานด้วยนะครับ  ^_____^

บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY เปิดตัวคอนโดมิเนียม โครงการ แมสซารีน รัชโยธิน (MAZARINE Ratchayothin) เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นโครงการแรก หลังจากการปรับกลยุทธ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด Simply Makes Sense ซึ่งได้สะท้อนแนวคิดแบรนด์หลัก GRAND UNITY ที่ตอบทุกเหตุผลของการใช้ชีวิตสู่ทุกโครงการ ผ่านการพัฒนารูปแบบการดีไซน์ ความพิถีพิถันในการเลือกวัสดุ และที่สำคัญที่สุดคือทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ หลังจากประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวโครงการ เซียล่า ศรีปทุม (Ciela Sripatum) และ เดอ ลาพีส จรัญ 81 (De Lapis Charan 81)

โครงการ แมสซารีน รัชโยธิน ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด พบดีเทลการใช้ชีวิตสำหรับเหตุผลที่ ไม่ธรรมดา For Your Extraordinary Reasons เพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางรัชโยธิน 

• Extraordinary Location ทำเลตรงข้าม Major Cineplex ติดสถานีรัชโยธิน รถไฟฟ้าสายสีเขียว
• Extraordinary Design การดีไซน์ที่คัดเลือกวัสดุอย่างพิถีพิถัน
• Extraordinary Facility ส่วนกลางขนาดใหญ่ชั้นบนของอาคาร 

Extraordinary Location ของทำเล “รัชโยธิน” เป็นที่ยอมรับในศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยล่าสุดคือปัจจัยสำคัญอย่าง รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ที่จะส่งผลต่อความเจริญของโซนนี้ และจากการขยายตัวของย่านลาดพร้าวและรัชดาภิเษก จึงกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญแห่งใหม่ของกรุงเทพตอนเหนือ  และการเกิดแหล่งงานใหม่ๆ ที่มารวมตัวกันอยู่ในพื้นที่ย่านนี้และบริเวณใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง  >>> พรีวิวทำเล 

ในขณะที่ จุดเด่นที่สำคัญคือ แมสซารีน รัชโยธิน เป็นคอนโดมิเนียมโครงการเดียวที่ตั้งอยู่ติด รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีรัชโยธิน แบบ 0 เมตร เพียงแค่ก้าวออกจากหน้าคอนโดมิเนียมก็ถึงบันไดสถานีรถไฟฟ้า สามารถเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเปลี่ยนสายรถไฟฟ้า พร้อมทั้งตั้งอยู่ติดกับถนนสายหลักพหลโยธินที่มุ่งตรงสู่ CBD สามารถเชื่อมต่อกับถนนเส้นสำคัญอื่นๆ อีกทั้งยังใกล้ทางด่วน 3 สาย ได้แก่ ทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลเวย์), ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษศรีรัช – วงแหวนตะวันตก 

ในส่วน Extraordinary Design โครงการ แมสซารีน รัชโยธิน ได้ใส่ใจในทุกรายละเอียด เริ่มต้นตั้งแต่ความสวยงามของตัวตึก เน้นกระจกในการตกแต่งเพื่อความพรีเมียมและโดดเด่น ส่วนภายในห้องพักอาศัย ยังคงรักษาความเป็นมาตรฐาน ของ GRAND UNITY และการเลือกวัสดุ เช่น กระจกนิรภัยทั้งโครงการและกระจกทุกบานในห้อง การติดตั้ง WC Pod หรือห้องน้ำสำเร็จรูป ง่ายต่อการดูแลซ่อมแซมได้โดยไม่รบกวนผู้พักอาศัยห้องด้านล่าง และ Private Balcony หรือการออกแบบระเบียงให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง และให้ความเป็นส่วนตัว แมสซารีน รัชโยธิน ยังเพิ่มฟังก์ชันดีไซน์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ด้วยห้องชุดเพดานสูง 3 เมตร พร้อมกระจกหน้ากว้างเต็มบาน ที่ทำให้มองเห็นวิวภายนอกได้กว้างยิ่งขึ้น Walk-in closet ขนาดใหญ่ รองรับไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ชื่นชอบการแต่งตัว ทำให้มีพื้นที่ในการจัดสรรเสื้อผ้าได้มากขึ้น Kitchen Island เคาน์เตอร์ครัว วัสดุคุณภาพ สำหรับผู้ที่รักในการทำอาหาร

ทางด้าน Extraordinary Facility หรือพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นไฮไลท์ของโครงการ ยังถูกจัดสรรไว้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเรียกว่า Triple Floor Sky Facilities พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ชั้น โซนด้านบน ของอาคาร ที่รวบรวมความพิเศษไว้มากมาย ได้แก่

SHADE AND SHINE SKY POOL สระว่ายน้ำระบบเกลือ U SHAPE ที่มีทั้งโซนในร่มและกลางแจ้ง พร้อมชมวิวเมืองในแบบพาโนรามิค SKY FITNESS และ SKY LOUNGE ที่สามารถมองเห็นวิวได้รอบด้าน PARTY ROOM และ EXCLUSIVE FOYER & BAR บนชั้น 37 สำหรับการชวนเพื่อนมาร่วมงานปาร์ตี้ได้แบบส่วนตัว อีกทั้งยังมี PRIVATE SALON ห้องเสริมสวยส่วนตัว ที่มีเพียงที่นี่เท่านั้นในย่านรัชโยธิน ที่มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ตอบโจทย์สำหรับลูกค้าที่ชอบขับรถแต่ไม่ชอบวนหาที่จอดรถ ด้วยระบบ AUTO PARKING พร้อมพื้นที่จอดรถรวมทั้งโครงการถึง 70% ทำให้จอดรถได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งตกแต่งบริเวณทางเข้าโครงการด้วยสวนและต้นไม้ ทำให้พื้นที่โครงการมีความร่มรื่นแวดล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียว พร้อมความพิเศษเหนือระดับ โดยมีแนวหลังคายาวไปจนถึงสถานีรถไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านที่ต้องเดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้า

ทั้งนี้ โครงการ แมสซารีน รัชโยธิน (MAZARINE Ratchayothin) เป็นคอนโดมิเนียมสูง 37 ชั้น  บนพื้นที่ 3-3-46.60 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 2,900 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นที่ 170,000 บาท / ตารางเมตร หรือราคาเริ่มต้นประมาณ 4.2 ล้านบาท มีขนาดยูนิต 24 – 48 ตารางเมตร แบ่งเป็น 9 Type โดยมีกำหนด เปิดจองอย่างเป็นทางการ (Pre-Sale) ในวันที่ 6 – 7 ตุลาคม นี้ โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดพิเศษสูงสุด 400,000 บาท ได้ที่ www.grandunity.co.th/webpage/projectall/mzrt และสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ โทร. 02 652 4000 หรือ www.grandunity.co.th หรือ www.facebook.com/GrandUnityDevelopment