วันนี้จะพาไปชมที่ตั้งโครงการใหม่อีกโครงการที่กำลังอยู่ในกรแสตอนนี้ค่ะ เราไปดูกันที่คอนโด The Line Sukhumvit 71 ในซอยสุขุมวิท 71 หรือโซนพระโขนงนั่นเอง ต้องบอกว่าช่วงก่อนหน้านี้พี่แสนพยายามโปรโมตทำเลพระโขนงอย่างหนักมาก ออกสื่อกันมาหลากหลาย ซึ่งห้องตัวอย่างจริงๆ กับสำนักงานขายของ The Line สุขุมวิท 71 นั้นจะใช้ที่เดียวกับ The Line จตุจักร – หมอชิต ที่ sold out จายหมดไปรวดเดียวเมื่อไม่นานมานี้ วันนี้เราเลยอาสาพาไปเดินดูทำเลโดยรอบของ The Line สุขุทวิท 71 กันค่ะ
เดินไปเรื่อยๆจะเจอโครงการ W District ซึ่งจะมี Gallery , ห้องทำงานเช่าขนาดเล็ก (co-working space), ร้านอาหาร, ร้านค้า รวมทั้งมี Sky Walk Condomimuim อยู่ในพื้นที่เดียวกัน และมีสะพานลอยข้ามถนนอยู่ด้านหน้า จาก W District นี้ จะสามารถเดินทะลุโครงการไปโผล่ซอยข้างๆคอนโด The Line Sukhumvit 71 ได้เลยค่ะ เดินทางนี้ระยะทางสั้นกว่าเดินไปตามถนนปกติเข้าทางปากซอย และบรรยากาศต่างๆก็น่าเดินกว่าเยอะด้วย ถ้าเข้าทางปากซอยปกติก็จะเป็นตึกแถวเก่าๆ ตลอดแนว บรรยากาศก็ไม่ได้สวยงามเท่าไหร่ ต้องบอกว่าการเดินทะลุ W District ได้นี้เป็นอานิสงค์ที่ The Line สุขุมวิท 71 ได้ผลพลอยได้มาเต็มๆค่ะ
ถ้าใช้ถนนอัสสัมชัญไปเรื่อยๆ จนเกือบจะออกจุดตัดกับมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ – ชลบุรี จะมี Waseda International Cultural Center หรือศูนย์วัฒนธรรมนานาชาติวาเซดะ ซึ่งก็มีโรงเรียนสอนภาษาและวัฒนะธรรมญี่ปุ่นวาเซดะ ศรีราชา อยู่ที่นี่ด้วยนอกจากที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบอกได้อย่างดีเลยว่าคนญี่ปุ่นที่นี่เยอะจริงๆ
ใกล้ๆกับ Waseda International Cultural Center มีคอมมูนิตี้มอลล์ ชื่อ J-Park ดีไซน์ตกแต่งเป็นคอนเซ็ปญี่ปุ่นทั้งโครงการ ทำเอาไว้รองรับชาวญี่ปุ่นกับแม่บ้านญี่ปุ่นโดยเฉพาะ
เริ่มจากภาพรวมของโมเดลคอนโดก่อนค่ะ ตัวอาคารเป็นรูปตัว L ที่ว่างด้านหน้าเดิมทีตอนนี้เป็นสำนักงานขาย ส่วนในอนาคตยังไม่มีแผนที่แน่นอนว่าจะพัฒนาเป็นอะไรค่ะ
ภายในงานมีการพาชมห้อง IoT Smart Home ซึ่งเป็นบ้านที่มีการสื่อสารระหว่างเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ชนิดต่างๆ เพื่อทำงานตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยรายบุคคล โดยใช้หลักการทำงานบน Internet of Things – IoT หรือแพลตฟอร์มการทำงานเชื่อมต่อกันระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ แบบไร้สายผ่านอินเทอร์เน็ต
ที่ดินโครงการเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีทั้งหมด 4 อาคาร วางแต่ละตึกเป็นรูป L สลับกันไปมาทั้งหมด วางผังออกมาแล้วถ้ารวมทุกอาคารจะมีด้านที่หันออกด้านนอกโครงการและด้านที่หันเข้าหาภายในครบทุกทิศเลยค่ะ อาคาร A กับ C ห้องส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศเหนือและทิศใต้ ส่วนอาคาร B และ D นั้นห้องส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศตะวันออกและตะวันตก มีห้องมุมที่จะได้วิวสวนและห้องมุมบางห้องที่จะหันไปชนกับอีกอาคารภายในโครงการค่ะ ห้องเหล่านั้นก็จะถูกบล็อกวิวจากห้องตรงข้าม ซึ่งโครงการที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วสามารถดูวิวจริงๆจากแต่งละห้องได้เลยค่ะ
การจัดแปลนห้องนั้น สำหรับห้องแบบ 1 ห้องนอน Type A และ B ในเรื่องฟังก์ชั่นก็จัดแปลนมาโอเค แยกห้องนอนออกมาจากพื้นที่อื่นๆ ทำให้พื้นที่ห้องนอนนั้นมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ลักษณะการวางตำแหน่งของฟังก์ชั่นนั้นเหมืือนกัน แต่ในแบบ Type B จะดีกว่าหน่อยตรงที่ครัวนั้นจะแยกส่วนออกมาเลยเป็นห้องหนึ่ง ส่วนแบบ Type A ครัวจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น ถ้าคนที่ชอบทำอาหาร แบบ Type B น่าจะตอบโจทย์ได้ดีกว่าค่ะ บางพื้นที่อย่างห้องนอนที่ตู้เสื้อผ้าอยู่ปลายเตียงแล้วเป็นบานเปิดปิด ตรงนั้นอาจจะใช้งานลำบากไปนิด เนื่องจากเหลือพื้นที่ปลายเตียงจำกัดค่ะ … ส่วนแบบ 1 ห้องนอน Type C ซึ่งเป็นห้องมุมนั้น จะแน่นที่เปิดมุมมองไปยังสวนและสระว่ายน้ำส่วนกลาง ข้อดีอีกอย่างคือ ห้องน้ำที่สามารถเปิดได้จากทั้งห้องนอนและตรงห้องครัว ทำให้เวลาแขกมาที่ห้องก็จะไม่ต้องเข้าห้องน้ำโดยที่ผ่านห้องนอน ส่วนเจ้าของห้องก็สามารถเข้าห้องน้ำจากห้องนอนได้เลย ส่วนแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ก็จะกว้างๆ ใช้งานได้สบาย แต่จริงๆแล้วคิดว่าถ้าสลับพื้นที่ระหว่างส่วนนั่งเล่นพักผ่อนกับส่วนครัวและรับประทานได้ก็น่าจะลงตัวมากขึ้นค่ะ เพราะตอนนี้พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะไม่ได้รับแสงธรรมชาติเข้ามามากนัก
ตัวคอนโด Chewathai ราชปรารภ จะอยู่ติดกับโรงแรม Century Park บนถนนราชปรารภ ใกล้กับแยกสามเหลี่ยมดินแดงที่สามารถเลี้ยวไปถนนดินแดง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่ไกลจากสวนสันติภาพ นอกจากนี้ยังใกล้กับถนนศรีอยุธยา ถนนจตุรทิศ … แต่ถ้าตรงมาเรื่อยๆ ตามถนนราชปรารภ ก็จะถูกบังคับเลี้ยวซ้ายตรง Airport Link ราชปรารภ จะไม่สามารถตรงไปทาง Central World ได้ เพราะเป็น bus lane มีเฉพาะรถเมล์เท่านั้นที่วิ่งสวนไปทางแยกประตูน้ำได้ค่ะ
เปิดตัวกันไปเรียบร้อยสำหรับ Central Plaza Westgate ซึ่งปักธงตัวเองทางตะวันตกของกรุงเทพมหานคร กลายเป็นศูนย์การค้าที่มีพื้นที่ขายมากที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ครับ ใน Central Westgate นั้นมีขนาดพื้นที่ศูนย์การค้ากว่า 500,000 ตารางเมตร และอีกหน่อยก็จะยังมีในส่วนของ IKEA เข้ามาสมทบอีก 40,000 ตารางเมตร รวมแล้ว 540,000 ตารางเมตร
จริงๆ ก็ต้องบอกว่าถ้าวัดเฉพาะพื้นที่ก่อสร้าง ขนาดพื้นที่ของ Central Westgate นั้นน้อยกว่า Central World อยู่หน่อยเพราะ Central World นั้นมีพื้นที่ประมาณ 550,000 ตารางเมตร แต่นั่นคือการรวมเอาทั้งศูนย์การค้า , ห้างสรรพสินค้า , อาคารสำนักงาน (The Office at Central World) และโรงแรม (Centara Grand at Central World) เอาไว้ด้วยกัน ทีนี้ลองนึกถึงอาคารที่มีพื้นที่เกือบเท่ากัน แต่เป็นศูนย์การค้าอย่างเดียวไม่ต้องมีพื้นที่สำนักงานและโรงแรมเข้ามาเกี่ยวข้องสิครับ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นขนาดความใหญ่โตของเจ้า Central Westgate ที่ตอนนี้กลายเป็นศูนย์การค้าที่มีพื้นที่ขายมากที่สุดในประเทศไทยไปเรียบร้อย โปรเจคนี้เครือเซ็นทรัลหมายมั่นปั้นมือจะทำเป็นโปรเจคเรือธงทางฝั่งตะวันตกให้ได้
ส่วนชั้นบนก็จะมีธนาคาร และร้านอาหาร ซึ่งต้องบอกว่า ร้านอาหารเยอะมากกกกกกจริงๆ ดูด้วยตาผมว่ามากกว่า Central World ซะอีก โดยการวางตำแหน่งร้านอาหารไว้ที่ชั้นบนแบบนี้ก็เป็นจุดที่ดึงดูดคนให้เดินวนขึ้นมาและต้องเดินผ่านร้านต่างๆในศูนย์การค้าไปด้วยในตัว (เดี๋ยวตอนท้ายบทความเรารวมรวมร้านอาหารทั้งหมดมาไว้ใหด้วยครับ)
เราเริ่มกันจากน้ำพุที่ตั้งชื่อว่า Tree of Life ครับ เป็นโครงสร้างทำคอนเซ็ปมาจากต้นไม้ มีความสูง 3-4 ชั้น โดยรอบติดจอ LCD ใช้จัดแสดงแสงสีเสียงต่างๆ ตรงทางเข้าหลัก มีสเปซโล่งเอาไว้จัดกิจกรรมต่างๆได้ ลองเทียบสเกลของคนที่ยืนอยู่ในโถงนี้ดู จะเห็นได้ว่ามหึมาจริงๆ
สเปซภายในตัวศูนย์การค้าจะสามารถเดินวนลูปได้ โดยจะมี Hall ตรงกลางกระจายอยู่หลาย Hall เพื่อให้มองทะลุถึงกันและเป็นจุดเชื่อมต่อแต่ละชั้น รวมถึงใช้พื้นที่ตรงกลางเอาไว้จัดงานต่างๆได้ด้วยครับ ช่วงนี้เปิดศูนย์การค้าใหม่ ดูจะตกแต่งเอาใจเด็กๆเป็นพิเศษเลย
Hall นี้ตกแต่งด้วยลูกโป่ง เด็กๆ ชอบกันมาก ได้ติดไม้ติดมือกลับไปคนละใบสองใบ